Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เราจะลงลึกในพระวจนะได้อย่างไร? คำถามประจำสัปดาห์

คำถาม:   “เราจะลงลึกในพระวจนะได้อย่างไร?”

คำตอบ:   การลงลึกในที่นี้คงมี 3 มิติ

  • 1.มิติแห่งความรู้
  • 2.มิติแห่งความเข้าใจ
  • 3.มิติแห่งการนำไปปฏิบัติ

1.ในมิติแห่งความรู้

การลงลึกคือ การจริงจังในการศึกษาพระวจนะของพระเจ้าหรือการศึกษาพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อทุกคน เพราะเป็นรากฐานแห่งความเชื่อศรัทธาที่ถูกต้อง หากรู้ผิด เข้าใจผิด และยึดสิ่งที่รู้นั้นอย่างผิดๆ ก็จะทำให้เราเพี้ยนไปจากวิถีทางของพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว คือโตแบบเชื่อผิดแต่คิดว่าถูกมาตลอด ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องศึกษาพระคัมภีร์แบบลงลึกในความรู้และความสัมพันธ์กับพระเจ้า นั่นคือ เราควร  

1).ศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างจริงจัง จดจ่อ

2).ศึกษาพระวจนะนั้นอย่างมีหลักและตามขั้นตอน

  •  ก.สังเกตดี
  •  ข.ตีความถูก
  •  ค.ประยุกต์เหมาะ

3).ศึกษาอย่างใคร่ครวญพระวจนะนั้น โดยหาความหมาย ที่ถูกต้องที่สุด

4).ศึกษาอย่างรำพึงภาวนา ให้สิ่งที่เรียนรู้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความคิด อารมณ์และจิตใจ ที่ทำให้เราพร้อมที่จะเชื่อฟังทำตาม

5).ศึกษาอย่างสะสมพระวจนะ โดยการท่องจำข้อที่มีความหมายและความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตและการรับใช้ของเราไว้ให้มาก ๆ

2.ในมิติแห่งความเข้าใจ

เราศึกษาลงลึกในพระวจนะของพระเจ้า ไม่ใช่ยึดแต่ตามตัวอักษรหรือตามแต่การตีความตามประเพณีของคณะนิกาย แต่ให้เราลึกลงไปในความเข้าใจถึงเบื้องลึกแห่งพระทัยของพระเจ้า และให้ความเข้าใจนั้นเปลี่ยนแปลงความคิด ทัศนคติ และมุมมองในชีวิตและการรับใช้ของเรา นั่นคือให้เราเข้าใจในความหมายที่แท้จริงของพระคัมภีร์ที่เราอ่านและลงมือปฏิบัตินั้นอย่างถูกต้อง

3.ในมิติแห่งการปฏิบัติ

เราต้องลงลึกในพระเจตนารมณ์ของพระเจ้าเบื้องหลังตัวอักษรของธรรมบัญญัติที่เราศึกษาหรือท่องจำเอาไว้ นั่นคือ หลังจากที่เราอ่าน ฟัง ท่องจำ คิดใคร่ครวญภาวนา ศึกษาเข้าใจความหมายที่แท้จริงของพระวจนะตอนนั้นๆ ตามพระเจตนาของพระเจ้าแล้ว ก็ให้เรานำเอาสิ่งที่เรียนรู้แบบลงลึกนั้นไปลงมือประยุกต์ปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันของเรา ด้วยความเชื่อฟังและยำเกรงพระเจ้าให้เกิดผลดีต่อตัวเราเป็นส่วนตัวและต่อครอบครัว คริสตจักรและสังคม

ปัจจุบันมีแนวคิด และวิถีใหม่ๆ ในการขุดลึกลงไปในพระวจนะของพระเจ้า ดังนี้

1.อ่านพระคัมภีร์แต่ละเล่มให้จบในครั้งเดียว –ไม่อ่านตามบทหรือข้อที่มีการช่วยแบ่งไว้ให้อ่านอย่างที่ปรากฎอยู่ แต่ให้อ่านเหมือนกับต้นฉบับแรกคือ ไม่มีบท ไม่มีข้ออย่างที่จัดแบ่งกันในปัจจุบัน ทำให้เห็นบริบทของพระคัมภีร์เล่มนั้นๆ กว้างขึ้น และเข้าใจความหมายได้ถูกต้องมากขึ้น

2.อ่านทีละบท และอ่านซ้ำและอ่านซ้ำ หลายๆ ครั้ง จนเห็นความจริงใหม่ๆ ปรากฏผ่านคำ หรือวลีต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น  เหมือนเป็นบทสนทนาที่มีชีวิตขึ้นมา อย่างน่าแปลกใจ

3.อ่านแล้วหยุด จดจ่อกับคำบางคำ หรือบางวลี ~คือตั้งคำถาม โดยจินตนาการถึงจุดเริ่มต้นในการใช้คำนี้ ความหมายดั้งเดิม และการนำมาใช้ในในตอนเริ่มต้นจนเกิดความเข้าใจและเห็นภาพเรื่องราวและความหมายอย่างชัดเจน

ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขอให้เราสนใจ และใส่ใจ ในการจัดเวลาศึกษาพระคัมภีร์แบบ ลงลึกกับพระวจนะของพระเจ้า และประพฤติปฏิบัติตนตามนั้นอย่างมีคุณภาพด้วยความเชื่อฟังเพื่อชีวิตจิตวิญญาณของเราและคนอื่น ๆ  จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น!

“ผู้ใส่ใจพระวจนะ จะเจริญรุ่งเรือง และคนที่วางใจในพระยาห์เวห์จะสุขสบาย”   สุภาษิต 16:20 THSV11 

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ Emmanuel Phaeto / Unsplash.com)

 

 

 

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.