คำถาม: “เราจะเลือกคู่พระพร หรือคู่ครอง อย่างไร ตามหลักพระคัมภีร์?”
คำตอบ: “คำตอบมีอยู่ในคำถามอยู่แล้ว คือ คนที่เราจะเลือกมาเป็นคู่ชีวิต จะต้องเป็นคนที่จะร่วมครองชีวิตกับเราได้จนวันตาย และเป็นคนที่เป็นพรต่อเราได้ตลอดชีวิตของเรา (ควบคู่ไปกับการที่เราจะต้องเป็นคู่ครองและเป็นพรต่อชีวิตของเขาเช่นกัน)
ในชีวิตสมรส ไม่มีใครเป็นฝ่ายได้ฝ่ายเดียว แต่ทั้งสองต้องพร้อมเสียสละความสุขและความต้องการส่วนตัว(บางอย่าง) ให้แก่กันและกัน
ในชีวิตสมรส เราจะเรียกร้องหรือบังคับเอาอะไรจากกันไม่ได้ ดังนั้น เราจึงต้องหา หรือทำให้อีกคนหนึ่งเป็น หรือมอบพรให้แก่เราด้วยความเต็มใจของเขา ไม่ใช่เพราะถูกเราบังคับเรียกร้อง หากเราหาคนเช่นนั้นไม่ได้ หรือเราทำให้เขาเป็น หรือ ทำเช่นนั้นไม่ได้ ก็อย่าแต่งงานกับเขาเลยจะดีกว่า จะได้ไม่ทุกข์กันทุกฝ่าย
คู่ครองที่ดีไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัย เรื่อง เชื้อชาติ ฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจ หรือ ความรู้การศึกษา แต่ปัจจัยศาสนา อาจต้องพิจารณา เพราะเป็นเรื่องเดียวของปัจจุบันที่จะลากยาวไปถึงปลายทางนิรันดร์ (หลังจากชีวิตในโลกนี้สิ้นสุดลง)
เพราะถ้าหากว่าคนที่เชื่อในพระเจ้า จะไปหาพระเจ้า แล้วคู่ครองที่ไม่เชื่อพระเจ้า จะไปอยู่ที่ไหน?
เราไม่คิดพาเขาไปหาพระเจ้า ในสวรรค์ด้วยกันหรอกหรือ? (และเขาคงไม่ได้ไปสวรรค์ในขณะที่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับเจ้าของสวรรค์ หรอกนะ!)
ดังนั้นถ้าเราจะเลือกคนใดเป็นคู่ครอง เรากับเขาต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนว่า จะมีเป้าหมาย และวิธีการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไรในโลกนี้ และควรจะเตรียมพร้อมที่จะไปใช้ชีวิตในสวรรค์อย่างไร? (หลังจากชีวิตในโลกนี้ สิ้นสุดลง)
ดังนั้น หลักการหาคู่ครอง มีง่ายๆ 3 ประการ คือ จงหาคน และเป็นคนที่มีคุณลักษณะ หรือปัจจัย ดังนี้
1.เรารักเขา (เท่ากับหรือมากกว่ารักพ่อแม่ของเรา)
2.เขารักเรา (เท่ากับหรือมากกว่ารักพ่อแม่ของเขา)
3.ทั้งเราและเขารักพระเจ้า (มากกว่ารักพ่อแม่ หรือตัวเราตัวเขา)
หากไม่มี 3 ข้อนี้ ก็ไม่ควรรีบแต่งงาน เพราะจะมีความทุกข์ที่ไม่จำเป็นตามมาแน่นอน
ถ้าเราไม่รักเขา แล้วจะแต่งงานกับเขาไปทำไม?
ถ้าเขาไม่รักเรา แล้วจะไปฝืนใจให้เขาแต่งงานกับเราทำไม?
ถ้าเราหรือเขาไม่เชื่อ และไม่รักพระเจ้า แล้วจะแต่งกันทำไม?
เพราะต้องแยกจากกันไปชั่วนิรันดร์!
แต่หากว่ามี 3 ข้อข้างต้น คู่สมรสทั้ง 2 ก็จะสามารถร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ ไม่ยาก(หากไม่มีช่องว่างระหว่างกันมากเกินไปและไม่เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่มากเกินไป) ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ฐานะและภูมิหลังครอบครัว ฐานะทางสังคม ฐานะทางเศรษฐกิจฐานะทางอาชีพการงาน และ ภูมิหลังชีวิต นิสัยใจคอ และการศึกษา ฯลฯ
คำเตือนคือ ต่อให้มีทุกอย่างที่ดูสมบูรณ์แบบทุกเรื่อง แต่ขาด 3 คุณลักษณะดังที่กล่าวมา ทั้ง 2 ก็ยากที่จะเป็นคู่ครองหรือคู่พระพรอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านจิตวิญญาณที่นิรันดร์
เราไม่ได้ถูกห้ามคบหากับคนที่ยังไม่เชื่อ แต่มีคำเตือนว่า การรีบด่วนใช้ชีวิตคู่หรือร่วมกับผู้ไม่เชื่อ มีแต่จะไม่ลงรอยกัน และไม่อาจประสานเป็นหนึ่งได้
“อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีส่วนอะไรกับความอธรรม? และความสว่างจะมีส่วนกับความมืดได้อย่างไร? พระคริสต์กับเบลีอัลจะไปด้วยกันได้อย่างไร? หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ?” 2คร.6:14-15
และจะเป็นการเหนื่อยเปล่า ในการสร้างบ้านสร้างครอบครัว ที่คนในครอบครัวไม่ยอมให้พระเจ้าเป็นผู้สร้างบ้าน เป็นผู้นำ หรือเป็นประมุขของครอบครัว
“ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงเฝ้ารักษานคร คน ยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า” สดด.127:1
เพราะบ้านและครอบครัวของพระเจ้า ควรเป็นบ้านที่ทุกคนมีความศรัทธาในพระเจ้าร่วมกัน และมีความสุขเพราะได้รับการอวยพระพรจากพระเจ้า และทุกคนสามารถ กล่าวได้อย่างเต็มปากว่า….
“และถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วยที่จะปรนนิบัติพระยาห์เวห์ ท่านก็จงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติใคร … แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์”” ยชว.24:15
วันนี้
- ถ้าคุณมี คนรัก หรือคู่ชีวิตที่มี 3 คุณลักษณะดังกล่าวถึงแล้ว จงรักษาเขาหรือเธอไว้จนสุดชีวิตและสุดความสามารถของคุณ
- หากคุณแต่งงานแล้ว แต่คู่ครองของคุณยังไม่มีคุณลักษณะดังกล่าว คุณควรใส่ใจให้ความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา เพื่อช่วยเขาให้มีคุณลักษณะดังกล่าวอย่างจริงจังและจริงใจ หากว่า คุณรักเขาหรือเธออย่างจริงใจ
- หากคุณมีความศรัทธาในพระเจ้าแล้ว แต่ยังไม่มีแฟน ก็จงแสวงหาพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วจึงแสวงหา และเป็นบุคคลที่มี 3 ปัจจัยดังที่กล่าวมาแล้ว
และท้ายสุด
- หากว่าคุณยังไม่ได้แต่งงาน และคุณเป็นคนที่ยังไม่มีศรัทธาในพระเจ้า และยังไม่ได้รักคนที่คุณคบหา (ที่ศรัทธาในพระเจ้า) อย่างแท้จริง
คุณมี 3 ทางเลือก ดังนี้
- 1.ยุติการคบหากับเขา/เธอในฐานะแฟน แต่คบกันเป็นแค่เพื่อน
- 2.ยังคบหาดูใจ และเปิดใจเรียนรู้จักพระเจ้าที่เขา/เธอ ศรัทธา จนกว่าคุณจะแน่ใจในตัวเขา/เธอ และพระเจ้าที่เขาเชื่อ จึงตอบตกลงแต่งงานกับเขาแต่หาก คุณไม่มั่นใจ ก็กลับไปทำตามในข้อหนึ่ง (แม้ว่าคุณจะเกิดความศรัทธาในพระเจ้าขึ้นแล้วก็ตาม)
- 3.ยังคบกันต่อเนื่อง เปิดใจเรียนรู้ จนเกิดความศรัทธาเชื่อวางใจในพระเจ้า เรียนรู้จัก และมั่นใจในการร่วมใช้ชีวิตที่เป็นพรต่อกันกับคนที่คุณรัก และเมื่อมีครบถ้วนในคุณลักษณะหรือทั้งปัจจัยทั้ง 3 ข้างต้น ดังกล่าว ก็อย่าชักช้า ลังเล กลัวอะไรอีกต่อไป
…จงรีบแต่งงานกับเขาเถิด!
เพราะหากท่านทั้ง 2 กระทำตามหลักการและคำแนะนำนี้ ท่านก็จะได้คู่ครองที่เป็นคู่พระพรต่อกันอย่างแท้จริง ตราบจนวันตาย และจากนั้นจะมีชีวิตร่วมกันในสวรรค์อย่างเป็นสุข ตราบนิรันดร์!
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer