คำถาม: “เราจะสังเกต และ แยกแยะได้อย่างไรว่า วิญญาณ และสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏอยู่นั้น มาจากพระวิญญาณหรือไม่?”
คำตอบ: “ให้เราตรวจดู checklists ต่อไปนี้ และตอบคำถาม
…1.วิญญาณหรือสิ่งเหล่านั้น ถวายเกียรติแด่พระเยซูคริสต์โดยช่วยสอนให้มีปัญญา รู้ความจริงและความล้ำลึกของพระองค์อย่างถูกต้องหรือไม่? หรือทำให้พระเยซูเสียพระเกียรติ?
“เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรงให้เราได้รับเกียรติ เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาแจ้งแก่พวกท่าน ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นเป็นของเรา เพราะเหตุนี้ เราจึงกล่าวว่า พระวิญญาณทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรานั้นมาแจ้งแก่พวกท่าน” “พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านี้กับเราทางพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า อันความคิดของมนุษย์นั้น จะมีใครหยั่งรู้ได้ถ้าไม่ใช่จิตวิญญาณของมนุษย์คนนั้นเอง พระดำริของพระเจ้าก็ไม่มีใครหยั่งรู้ได้เว้นแต่พระวิญญาณของพระเจ้าเช่นกัน เราไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าประทานแก่เรา และเรากล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยถ้อยคำซึ่งไม่ใช่ปัญญาของมนุษย์สอนไว้ แต่พระวิญญาณทรงสอนไว้ คือเราได้อธิบายความหมายของเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณ ให้คนฝ่ายจิตวิญญาณฟัง แต่คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะว่าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ และเขาไม่สามารถเข้าใจ เพราะจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ แต่คนฝ่ายจิตวิญญาณวินิจฉัยสิ่งสารพัดได้ ทว่าไม่มีใครวินิจฉัยเขาได้ เพราะว่า “ใครเล่ารู้พระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า? เพื่อจะแนะนำสั่งสอนพระองค์ได้” แต่เราก็มีพระทัยของพระคริสต์”
~1 โครินธ์ 2:10-16 THSV11
“แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว”
~ยอห์น 14:26 THSV11
…2.วิญญาณหรือสิ่งเหล่านั้นทำให้เรายำเกรงพระเจ้า และนำให้ทุกคนกลับใจจากบาปและวิถีโลกหรือ ไม่? หรือทำ ให้เราอ้างเพื่อทำบาป?
“อย่างไรก็ตามเราจะบอกความจริงกับพวกท่าน คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์ผู้ช่วย ก็จะไม่เสด็จมาหาพวกท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน เมื่อพระองค์เสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงทำให้ โลกรู้แจ้งในเรื่องความบาป ความชอบธรรม และการพิพากษา ในเรื่องความบาปนั้น คือเพราะพวกเขาไม่วางใจในเรา ใน เรื่องความชอบธรรมนั้น คือเพราะเราไปหาพระบิดา และพวกท่านจะไม่เห็นเราอีก ในเรื่องการพิพากษานั้น คือเพราะผู้ครองโลกนี้ถูกพิพากษาแล้ว” -ยอห์น 16:7-11 THSV11
…3.วิญญาณและสิ่งเหล่านั้น ทำให้เราปรารถนาที่จะนมัสการพระเจ้าและรับใช้ด้วยความชื่นชมยินดี มีสันติสุขและมีความหวังในทุกสถานการณ์หรือไม่?~หรือรู้สึกเหมือนเป็นทาส?
“พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ และคนที่นมัสการพระองค์จะต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง””
~ยอห์น 4:24 THSV11
“เมื่อคนต่างชาติได้ยินอย่างนั้นก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวจนะของพระเจ้า และคนทั้งหลายที่ทรงหมายไว้แล้วเพื่อให้ ได้ชีวิตนิรันดร์ก็เชื่อถือ พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงแพร่ไปทั่วตลอดเขตแดนนั้น แต่พวกยิวยุยงบรรดาสตรีมีศักดิ์ซึ่ง เป็นคนต่างชาติที่นับถือพระเจ้า กับพวกผู้ชายที่เป็นใหญ่ในเมืองนั้นให้ข่มเหงและขับไล่เปาโลกับบารนาบัสออกจากเมืองของเขาทั้งหลาย เปาโลกับบารนาบัสจึงสะบัดผงคลีดินที่ติดเท้าออกต่อพวกเขา แล้วไปยังเขตเมืองอิโคนียูม ส่วนพวก สาวกเต็มด้วยความชื่นชมยินดีและเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
-กิจการ 13:48-52 THSV11
“การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข”
-โรม 8:6 THSV11
…4.วิญญาณและสิ่งเหล่านั้นให้ความสามารถพิเศษแก่เราในการรับใช้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมหรือไม่? หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว?
“การสำแดงของพระวิญญาณนั้น พระองค์ประทานแก่แต่ละคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน พระเจ้าประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำของปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำของความรู้ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน และ ให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน ให้อีกคนหนึ่งมีของประทานในการรักษาโรค โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน ให้อีกคนหนึ่งทำการด้วยฤทธานุภาพ ให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะ ให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้ พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงทำและจัดสรรสิ่ง เหล่านี้ทั้งหมดแก่แต่ละคนตามชอบพระทัยพระองค์”
~1 โครินธ์ 12:7-11 THSV11
“พวกเขาทั้งหมดก็เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงเริ่มต้นพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระวิญญาณทรงให้พูด”
~กิจการ 2:4 THSV11
…5.วิญญาณนั้นหรือสิ่งเหล่านั้น ช่วยขอแทนเราในยามที่เราอ่อนกำลังและไม่รู้ว่าจะอธิษฐานอะไรบ้างหรือไม่?~ หรือละทิ้งเราไว้โดยไม่แยแส?
“ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะอธิษฐานขออะไรอย่างไร แต่ พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์ ก็ทรง ทราบความหมายของพระวิญญาณ เพราะว่า พระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามพระประสงค์ของพระเจ้า”
~โรม 8:26-27 THSV11
“แต่ท่านที่รักทั้งหลาย จงสร้างตัวของท่านขึ้นบนความเชื่ออันบริสุทธิ์ที่สุดของท่าน และจงอธิษฐานโดยพระวิญญาณ บริสุทธิ์” ~ยูดา 1:20 THSV11
…6.วิญญาณหรือสิ่งเหล่านั้นชำระและสร้างเราขึ้นใหม่ ให้เป็นร่างกายที่เปี่ยมด้วยความชอบธรรมและฤทธิ์ พร้อมให้พระเจ้าทรงใช้หรือไม่?~หรือว่าเรายังใช้ร่างกายอย่างผิดๆ?
“ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่านแล้ว ท่านก็ไม่อยู่ในเนื้อหนัง แต่อยู่ในพระวิญญาณใครไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ คนนั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ และถ้าพระคริสต์อยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านจะตายไป เพราะบาป แต่วิญญาณจิตของท่านก็จะดำรงอยู่เพราะความชอบธรรม ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ ผู้ทรงให้พระเยซู เป็นขึ้นมาจากตายสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายแล้วนั้น จะทรงทำให้กายซึ่งต้องตายของพวกท่านเป็นขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน”
~โรม 8:9-11 THSV11
“ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน? ถ้าใคร ทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายคนนั้น เพราะว่าวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ และพวกท่านเป็นวิหารนั้น”
~1 โครินธ์ 3:16-17 THSV11
“และพวกท่านเองเป็นดังศิลาที่มีชีวิต จงรับการสร้างขึ้นเป็นพระนิเวศฝ่ายวิญญาณ เพื่อเป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ เพื่อถวาย เครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณ อันเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์”
-1 เปโตร 2:5 THSV11
…7.วิญญาณหรือสิ่งเหล่านั้นเป็นพยานว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า และเป็นที่พึ่งได้ ในการดำเนินชีวิต ของเราได้หรือไม่?~หรือว่า เรายังไม่แน่ใจว่าเราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว?
“เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เราเป็นหนี้ แต่ไม่ใช่เป็นหนี้ฝ่ายเนื้อหนัง ที่จะดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง เพราะ ว่าถ้าท่านดำเนินชีวิตตามเนื้อหนังแล้ว ท่านจะต้องตาย แต่ถ้าโดยทางพระวิญญาณ ท่านทำลายกิจการของร่างกาย ท่านก็จะดำรงชีวิตได้ เพราะว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำใคร คนนั้นก็เป็นบุตรของพระเจ้า เพราะว่าพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานมานั้นจะไม่ทรงให้ท่านเป็นทาส ซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่พระวิญญาณจะทรงให้ท่านมีฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า โดยพระวิญญาณนั้นเราจึงร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา (พ่อ)” พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า และถ้าเราเป็นลูกแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับ พระคริสต์ เมื่อเราทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์ก็เพื่อจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย”
~โรม 8:12-17 THSV11
“จงประพฤติตามแบบอย่างของคำสอนที่ถูกต้องที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้า ด้วยความเชื่อและความรักซึ่งมีอยู่ในพระเยซู คริสต์ จงรักษาสิ่งประเสริฐที่ทรงมอบไว้แก่ท่าน โดยพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้สถิตภายในเรา”
~2 ทิโมธี 1:13-14 THSV11
…8.วิญญาณหรือสิ่งเหล่านั้นทำให้เราดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณโดยสำแดงผลของพระวิญญาณ (ความรัก ) ออกมาอย่างชัดเจนไหม?~หรือว่างานของเนื้อหนังยังเต็มไปหมด?
“แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง เพราะว่าความ ต้องการของเนื้อหนังขัดแย้งพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ขัดแย้งเนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันดังนั้นท่านทั้งหลายจึงไม่สามารถทำสิ่งที่ท่านปรารถนาจะทำแต่ถ้าท่านทั้งหลายได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณท่านก็ไม่อยู่ใต้ ธรรมบัญญัติ การงานของเนื้อหนัง นั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติ เช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขน พร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย เราอย่าอวดตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉากันเลย”
~กาลาเทีย 5:16-26 THSV11
“และความหวังจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว”
~โรม 5:5 THSV11
…9.วิญญาณหรือสิ่งเหล่านั้นนำ และทำให้เราทรหดอดทนในต่อสู้และการปรนนิบัติพระเจ้าหรือไม่?~หรือว่าทำให้ เราเปราะบางแตกง่ายในการรับใช้ ทำให้พระวิญญาณเสียพระทัย?
“เราไม่ได้วางสิ่งกีดขวางบนหนทางของผู้ใดเลย เพื่องานปรนนิบัตินี้จะไม่ถูกติเตียน แต่เราแสดงตัวเป็นคนปรนนิบัติของ พระเจ้าในทุกทาง โดยมีความทรหดอดทนเป็นอย่างมากในความยากลำบาก ความลำเค็ญ ในเหตุวิบัติ การถูกเฆี่ยน และ การถูกจำคุก ในเหตุการณ์วุ่นวาย ในการตรากตรำ ในการอดหลับอดนอน ในการอดอาหาร โดยความบริสุทธิ์ ความรู้ ความอดทน และความกรุณา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยความรักอย่างจริงใจ โดยถ้อยคำสัตย์จริง โดยฤทธิ์เดชของ พระเจ้า โดยการใช้ความชอบธรรมเป็นอาวุธทั้งด้วยมือขวาและมือซ้าย ทั้งในขณะมีเกียรติและขณะไร้เกียรติ ขณะถูกดู หมิ่นและขณะได้รับการยกย่อง เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวง แต่ยังเป็นคนซื่อสัตย์”
~2 โครินธ์ 6:3-8 THSV11
“สเทเฟนซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยพระคุณและฤทธานุภาพก็ทำการมหัศจรรย์และหมายสำคัญใหญ่ท่ามกลางประชาชน แต่มีบาง คนจากธรรมศาลาที่เรียกว่าธรรมศาลาของทาสอิสระ ชาวไซรีน ชาวอเล็กซานเดรียและบางคนจากซิลีเซียและเอเชีย ลุก ขึ้นมาโต้แย้งกับสเทเฟน คนเหล่านั้นไม่สามารถต่อสู้ถ้อยคำที่ท่านกล่าวโดยสติปัญญาและพระวิญญาณบริสุทธิ์”
– กิจการ 6:8-10 THSV11
“และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย ด้วยพระวิญญาณนั้นท่านได้รับการประทับตราไว้สำหรับวันที่จะได้รับการไถ่”
~เอเฟซัส 4:30 THSV11
…10.วิญญาณหรือสิ่งเหล่านั้นเป็นพยานให้พระคริสต์ สอนเราให้รู้ กล้าประกาศและนำคนรับบัพติศมามากขึ้นหรือไม่?~หรือทำให้เราพูดเองโดยไม่พูดในสิ่งที่พระวิญญาณสอน?
“แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว”
~ยอห์น 14:26 THSV11
“และเราบอกท่านทั้งหลายว่า ทุกคนที่รับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์จะรับคนนั้นต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่คนที่ปฏิเสธเราต่อหน้ามนุษย์ คนนั้นจะถูกปฏิเสธต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า ทุกคนที่กล่าวร้ายบุตรมนุษย์จะได้รับ การยกโทษ แต่คนที่กล่าวหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะไม่ได้รับการยกโทษ เมื่อเขาทั้งหลายพาพวกท่านเข้า ไปอยู่ต่อหน้าธรรมศาลา หรือต่อหน้าเจ้าเมืองและผู้ที่มีอำนาจ อย่ากระวนกระวายว่าจะตอบอย่างไร หรือจะกล่าวอะไร เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสอนท่านในเวลานั้นเองว่าควรจะพูดอะไรบ้าง ””
~ลูกา 12:8-12 THSV11
“แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขี พยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก””
~กิจการ 1:8 THSV11
สรุป
เราสามารถ สังเกตและแยกแยะวิญญาณได้ว่า วิญญาณใดของแท้ และวิญญาณใดคือของปลอม โดยตรวจดูจาก 10 ประการต่อไปนี้ว่า วิญญาณที่ครอบครองเราอยู่มาพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่?
- 1.วิญญาณนั้นถวายเกียรติแด่พระเยซูคริสต์โดยช่วยสอนเราให้มีปัญญา รู้ความจริงและความล้ำลึกของพระองค์อย่างถูกต้องหรือไม่? ~หรือทำให้พระเยซูเสียพระเกียรติ?
- 2. วิญญาณนั้นทำให้เรายำเกรงพระเจ้า และต้องการให้ทุกคนกลับใจจากบาปและวิถีโลกหรือไม่?~หรือทำให้เราอ้างพระองค์เพื่อทำบาป?
- 3. วิญญาณนั้น ทำให้เราปรารถนาที่จะนมัสการพระเจ้าและรับใช้ด้วยความชื่นชมยินดี มีสันติสุขและมีความหวังในทุกสถานการณ์หรือไม่?~หรือรู้สึกเหมือนเป็นทาส?
- 4. วิญญาณนั้นให้ความสามารถพิเศษในการรับใช้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมหรือไม่?~หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว?
- 5. วิญญาณนั้นช่วยขอแทนเราในยามที่เราอ่อนกำลังและไม่รู้ว่าจะอธิษฐานอะไรบ้างหรือไม่?~หรือละทิ้งเราไว้โดยไม่แยแส?
- 6. วิญญาณนั้นชำระและสร้างเราขึ้นใหม่ ให้เป็นร่างกายที่เปี่ยมด้วยความชอบธรรมและฤทธิ์ พร้อมให้พระเจ้าทรงใช้หรือไม่?~หรือว่าเรายังใช้ร่างกายอย่างผิดๆ?
- 7. วิญญาณนั้นเป็นพยานว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า และเป็นที่พึ่งได้ ในการดำเนินชีวิต ของเราได้หรือไม่?~หรือว่า เรายังไม่แน่ใจว่าเราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว?
- 8. วิญญาณนั้นทำให้เราดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณโดยสำแดงผลของพระวิญญาณ (ความรัก )ออกมาอย่างชัดเจนไหม?~หรือว่างานของเนื้อหนังยังเต็มไปหมด?
- 9. วิญญาณนั้นนำ และทำให้เราทรหดอดทนในต่อสู้และการปรนนิบัติพระเจ้าหรือไม่? ~หรือว่าเราเปราะบางแตกง่ายในการรับใช้ ทำให้พระวิญญาณเสียพระทัย?
- 10. วิญญาณนั้นเป็นพยานให้พระคริสต์ สอนเราให้รู้ กล้าประกาศและนำคนรับบัพติศมามากขึ้นหรือไม่? ~หรือทำให้เราพูดเองโดยไม่พูดในสิ่งที่พระวิญญาณสอน?
ถ้าคำตอบส่วนใหญ่ไปในทางเดียวกันว่า ใช่ ก็มั่นใจได้ว่า วิญญาณนั้น หรือสิ่งเหล่านั้น มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์!
ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์