Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

การดำเนินชีวิตโดยพระวิญญาณ (คอลัมน์คำตอบชีวิต)

คำถาม      “พระคัมภีร์สอนเรื่องราวการดำเนินชีวิตโดยพระวิญญาณหรือ ด้วยผลของพระวิญญาณไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:      “พระคัมภีร์สอนให้เราดำเนินชีวิตดังต่อไปนี้

1.เราต้องดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ … โดย

            1).ไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง ที่ขัดแย้งกับพระวิญญาณ

            2).ไม่ทำสิ่งที่เราปรารถนา ที่ต่อสู้กับพระวิญญาณ

            3).ไม่อยู่แบบถูกผูกมัดใต้ธรรมบัญญัติ

“แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังขัดแย้งพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ขัดแย้งเนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดังนั้นท่านทั้งหลายจึงไม่สามารถทำสิ่งที่ท่านปรารถนาจะทำ แต่ถ้าท่านทั้งหลายได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณ ท่านก็ไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ”   กาลาเทีย 5:16-18 THSV11

2.เราต้องดำเนินชีวิตด้วยการแสดงผลของพระวิญญาณ… โดย

            1).ไม่แสดงการงานของเนื้อหนัง:

“การงานของเนื้อหนัง นั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล การนับถือรูปเคารพ  การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า “ กาลาเทีย 5:19-21

            2).ให้สำแดงผลของพระวิญญาณ:

“ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความ ซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย “กาลาเทีย 5:22-23 THSV11

3.เราต้องมีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ… โดย

            1).ตรึงเนื้อหนัง ราคะ และตัณหาไว้ที่กางเขน

            2).ไม่อวดตัว ยั่วโทสะ หรืออิจฉากัน

“ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขน พร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย เราอย่าอวดตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉากันเลย”   กาลาเทีย 5:24-26 THSV11

            3).เลิกกิจการของความมืด

            4).สวมเครื่องอาวุธของความสว่าง

            5).ประพฤติตัวเรียบร้อยสมกับกลางวัน

            6).ไม่จัดเตรียมอะไรไว้เพื่อสนองตัณหาของเนื้อหนัง

“นอกจากนั้นท่านควรจะรู้ว่านี่เป็นเวลาที่ควรตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าความรอดได้เข้ามาใกล้กว่าสมัยที่เรา เริ่มเชื่อนั้น กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา ให้เราเลิกบรรดากิจการแห่งความมืด และสวมเครื่องอาวุธแห่งความสว่าง ให้เราประพฤติตัวเรียบร้อยสมกับเวลากลางวัน ไม่ใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย ไม่ใช่หยาบโลนลามก ไม่ใช่วิวาทริษยากัน แต่ท่านทั้งหลายจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้เพื่อสนองตัณหาของเนื้อหนัง”  โรม 13:11-14 THSV11

              7).ไม่ดำเนินชีวิตแบบอยู่ใต้เนื้อหนัง แต่สนใจ และใส่ใจสิ่งที่เป็นของพระวิญญาณ

“เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่าน พ้นจากกฎแห่ง บาปและความตาย เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้มันอ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์เองมา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่ บาป พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงลงโทษบาป เพื่อความชอบธรรม   ของธรรมบัญญัติจะได้สำเร็จในตัวเราผู้ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของพระวิญญาณ การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข เพราะว่าการเอาใจใส่เนื้อหนังนั้นคือการเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ และคนที่อยู่ในเนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็ไม่ได้ ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่านแล้ว ท่านก็ไม่อยู่ในเนื้อหนัง แต่อยู่ในพระวิญญาณ ใครไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ คนนั้นก็ไม่เป็นของพระองค์”   โรม 8:1-9 THSV11

 4.เราต้องใคร่ครวญแต่สิ่งที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ … โดย ปฏิบัติตามสิ่งดีที่

            1).เรียนรู้

            2).รับไว้

            3).ได้ยิน

            4).ได้เห็น

            5).ได้ใคร่ครวญ

“สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง และพวกท่านจงปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านเรียนรู้ รับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้า แล้วพระเจ้าผู้ประทานสันติสุขจะสถิตกับพวกท่าน”  ฟีลิปปี 4:8-9 THSV11

5.เราต้องไม่ขัดขวางหรือดับพระวิญญาณ… โดย

            1).ไม่ดูหมิ่นคำสอน/คำเตือนจากพระวจนะของพระเจ้า

            2).พิสูจน์ทุกสิ่ง และสิ่งใดที่ดี จงยึดถือไว้ให้มั่น

            3).เว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง

            4).ขอให้พระเจ้า

                 ก.ทรงชำระเราให้เป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และ

                  ข.ทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจ และร่างกายของเราไว้ให้ปราศจากการติเตียน

“อย่าขัดขวาง พระวิญญาณ อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือ ไว้ให้มั่น จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่างขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงชำระท่านทั้งหลายให้เป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจ และร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา”  1 เธสะโลนิกา 5:19-23 THSV11

สรุป

เมื่อเรากลับใจเชื่อพระเจ้า พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สถิตอยู่กับเราตลอดเวลา ไม่มีหายไปในบางช่วง หรือ หลับไปในบางเวลา ดังนั้น ถ้าเราให้พระวิญญาณทรงชำระชีวิต ความคิด จิตใจ คำพูดและการกระทำของเรา ด้วยพระวจนะของพระเจ้า เราจะเป็นคนฝ่ายวิญญาณที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณโดยพระวิญญาณ ที่สำแดงผลของพระวิญญาณให้เห็นประจักษ์ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่วันหยุดราชการ แม้แต่วันเดียว

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.