Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

พระคัมภีร์สอนอะไรเกี่ยวกับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (คอลัมน์คำตอบชีวิต)

คำถาม:               พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน?

คำตอบ:              ในพระคัมภีร์สอนเรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไว้ดังนี้

1.การอยู่ร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนับเป็นการดี และน่าชื่นใจมาก

ดูเถิด เป็นการดีและน่าชื่นใจมากสักเท่าใด ที่พี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะ ไหลลงมาบนหนวดเครา บนหนวดเคราของอาโรน ไหลลงมาบนคอเสื้อของท่าน เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน ซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยน เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงบัญชาพระพรที่นั่น คือชีวิตยืนยาวเป็นนิตย์”                                                                                                                                                                 สดุดี 133:1-3 THSV11

2.พระเจ้าทรงเป็นผู้ทำให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทท่ามกลางพวกเราเพื่อทำตามพระบัญชา

“พระหัตถ์ของพระเจ้าก็ทรงอยู่เหนือยูดาห์ด้วย เพื่อทำให้พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะทำตามสิ่งที่ พระราชาและพวกเจ้านายได้บัญชาไว้ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์”

                                                                                     2พงศาวดาร 30:12 THSV11

3.พระเจ้าทรงช่วยเป็นผู้ช่วยให้เราทั้งหลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

“ขอพระเจ้าผู้เป็นแหล่งความทรหดอดทนและการหนุนใจ ทรงช่วยให้ท่านทั้งหลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดย พระเยซูคริสต์”

                                                                                      โรม 15:5 THSV11

4.พระเจ้าทรงบัญชาให้พวกเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ใฝ่สูง

 “จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าใฝ่สูง แต่ยอมสมาคมกับคนต่ำต้อย อย่าถือว่าตัวฉลาด”

                                                                                        โรม 12:16 THSV11

5.พระเจ้าทรงบัญชาให้เราพยายามคงรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไว้

 “จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มาจากพระวิญญาณนั้น โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน”

                                                                                          เอเฟซัส 4:3 THSV11

6.พระเจ้าทรงประทานคนเพื่อเตรียมเราให้รับใช้จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

“และพระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติและการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์” 

                                                                                           เอเฟซัส 4:11-13 THSV11

7.เราทั้งหลายควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แสดงความรัก และความถ่อมใจต่อกัน

“ในที่สุดนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน รักกันฉันพี่น้อง มีจิตใจอ่อนโยนและถ่อมตัว”

                                                                                            1 เปโตร 3:8 THSV11

8.เราควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

“สุดท้ายนี้ พี่น้องทั้งหลาย ขอลาก่อน จงกลับสู่สภาพดีดังเดิม จงฟังคำขอร้องของข้าพเจ้า จงเป็นน้ำหนึ่งใจ เดียวกัน จงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และพระเจ้าแห่งความรักและสันติสุขจะสถิตกับท่านทั้งหลาย”

                                                                                             2 โครินธ์ 13:11 THSV11

9.เราควรทำให้พระเจ้าและผู้รับใช้พระเจ้ายินดีด้วยการมีความคิดเป็นหนึ่งเดียวกัน

“เพราะฉะนั้น ในเมื่อมีความชูใจในความสัมพันธ์กับพระคริสต์ มีการปลอบโยนจากความรัก มีการสามัคคีธรรม กันจากพระวิญญาณ และมีความเห็นใจกันและความเมตตากรุณา ก็ขอให้ท่านทั้งหลายทำให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีจิตใจและความคิดเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์”                                                         

                                                                                              ฟีลิปปี 2:1-5 THSV11

10.เราควรแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันออกมาเป็นการกระทำและการให้(การถวาย)

“คนทั้งหลายที่เชื่อนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่มีใครอ้างว่าสิ่งของที่ตนมีอยู่นั้นเป็นของตนเอง แต่ทั้งหมด เป็นของส่วนกลาง และด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่บรรดาอัครทูตก็เป็นพยานถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระคุณอันยิ่งใหญ่อยู่กับพวกเขาทุกคน เพราะว่าในพวกเขาไม่มีใครขัดสน ใครมีไร่นาบ้านเรือนก็ขายเสีย และนำเงินค่าของที่ขายได้นั้นมาวางไว้ที่เท้าของบรรดาอัครทูต พวกอัครทูตจึงแจกจ่ายให้ทุกคนตามความจำเป็น โยเซฟผู้ที่บรรดาอัครทูตเรียกว่า บารนาบัส ซึ่งแปลว่าลูกแห่งการหนุนน้ำใจ เป็นเลวีชาวเกาะไซปรัส มีที่ดินก็ขายเสีย และนำเงินค่าที่ดินนั้นมาวางไว้ที่เท้าของพวกอัครทูต”

                                                                                                 กิจการ 4:32-37 THSV11

สรุป

วันนี้ คุณได้ส่งเสริมให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันขึ้นในคริสตจักร หรือว่าคุณกำลังทำลายความเป็นน้ำหนึ่งเดียวกันในท่ามกลางพี่น้องในคริสตจักรของคุณลงไป

คุณได้เพียรพยายามให้คงความเป็นน้ำหนึ่งในคริสตจักรของคุณ อย่างสุดกำลังแล้วหรือไม่?

อย่างไร?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.