สวัสดีครับ (16 กุมภาพันธ์ 2010)
ผมชื่อเกษม พลไชยะ ภรรยาชื่อ สมจิต พลไชยะ ครอบครัวมีอยู่ด้วยกัน 5 คน พระเจ้าประทานให้ครอบครัวเรามีร้านค้าอยู่กลางใจเมืองยะลา บนถนนไชยจรัส ใกล้ 4 แยกธนาคารนครหลวงไทยที่เพิ่งเกิดเหตุคาร์บอมบ์ไปเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2009 เป็นระเบิดที่มีน้ำหนักถึง 30 กิโลกรัม
ครอบครัวของผมเป็นคริสเตียน เรามีกิจการตัดเย็บเสื้อผ้า ชื่อร้านแอนแอน หน้าร้าน 2 คูหา กับร้านขายอุปกรณ์หน่วยราชการอีก 1 คูหาอยู่ติดกัน มีพนักงานในร้านจำนวนหนึ่ง และมี 6 คนที่เป็นคริสเตียน ไปโบสถ์สม่ำเสมอ เพราะเราปิดร้านวันอาทิตย์ เรารักษาวันสะบาโตอย่างเคร่งครัดเสมอ เราอาศัยอยู่ในเมืองยะลาเหมือนกับคนอื่นๆ ทำกิจการ และรับใช้พระเจ้าอย่างสงบสุขด้วยพระคุณของพระองค์ แต่สถานการณ์ไฟใต้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพลิกผันไปพอสมควร สัก 10 ปีก่อน มีมิชชันนารีท่านหนึ่ง พูดเชิงพยากรณ์กับผมว่า ยะลาจะเกิดความวุ่นวาย ฆ่าฟันกันเหมือนกับอินโดนีเซีย ผมยังนึกตำหนิอยู่ในใจว่า ‘ชอบคิด หรือพูดอะไรที่ทำให้คนกลัว’ และตั้งแต่เกิดเหตุในปี 2547 เป็นต้นมา 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็เกิดความวุ่นวาย มีการฆ่ากัน ระเบิดในตลาดสด ธนาคาร ร้านค้า และหน่วยงานราชการ
มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่มาก คือเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 ผู้ก่อการร้ายได้ดับไฟฟ้าทั้งเมืองในช่วงหัวค่ำ ตามด้วยการปาระเบิดอีกหลายสิบลูกในตัวเมือง บ้านของผมอยู่ในแวดล้อมของระเบิด ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ทำให้ทั้งครอบครัวหวาดผวาไปเป็นเดือนๆ รู้สึกกลัวจนขาดสันติสุขที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในเมืองนี้ ครอบครัวของเราจึงต้องหันมาพึ่งพระเจ้ามากขึ้น เพราะเราเริ่มเห็นความจริงตามที่พระวจนะของพระเจ้าได้เตือนสติว่า “อย่าไว้วางใจกับสิ่งของของโลกนี้” ทำให้ผมและภรรยาต้องกลับใจใหม่ เรียนรู้การดำเนินชีวิตที่พึ่งพิงพระเจ้าจริงๆ อธิษฐาน ใกล้ชิดกับพระองค์เหมือนที่ปรากฏในพระกิตติคุณ ยอห์น บทที่ 15 ที่กล่าวว่า “แขนงจะต้องติดอยู่กับลำต้น ชีวิตและวิญญาณจิตของเราต้องฝากไว้ให้พระองค์นำจริงๆ” ทุกๆเช้าที่ภรรยาไปจ่ายตลาด แม้จะเป็นการดำเนินชีวิตตามปกติ แต่ผมก็ต้องอธิษฐานฝากการไปจ่ายตลาดของภรรยาไว้กับพระเจ้าทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าจะมีการระเบิดเกิดขึ้นเมื่อไร
ล่าสุดเมื่อ 4 กันยายน 2552 เช้าวันนั้นผมเปิดร้านตามปกติ ผมได้นัดสมาชิกที่คริสตจักรคนหนึ่งมาอ่านพระคัมภีร์ และ อธิษฐานด้วยกัน เพราะเขามีปัญหาบางอย่าง จำได้แม่นยำ อีก 20 นาที จะ 10 โมงเช้า ขณะที่กำลังนำพี่น้องอธิษฐาน และอ่านพระคัมภีร์สดุดีบทที่ 91 ให้ฟัง เมื่อมาถึงข้อที่ 14 -16 ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว ผมรู้สึกว่ามันใกล้มาก จนหูอื้อทีเดียว หลังจากนั้นก็มีเสียงระเบิดลูกเล็กๆตามมาอีกหลายลูก(เป็นการระเบิดของกระสุน M79 และ M16 ของตำรวจที่ติดอยู่ในรถคันที่กำลังโดนไฟไหม้) ผมบอกให้ทุกคนในร้านนั่งลงอธิษฐาน รีบปิดประตูหน้าร้านทั้งหมด เมื่อมองไปยังที่เกิดเหตุ ก็เห็นรถตำรวจที่โดนแรงอัดจากรถที่เป็นคาร์บอมบ์กำลังลุกไหม้ เปลวไฟสูงเท่าชั้นสองของห้องแถวทีเดียว และมีตำรวจท่านหนึ่งเสียชีวิต
ติดอยู่ในซากรถนั้น บ้านที่อยู่ตรงมุมถนนซึ่งติดกับร้านของผมได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด เป็นพระคุณของพระเจ้าที่ลมไม่พัดเปลวไฟมาทางร้านของผมซึ่งเป็นอาคารไม้ แต่พัดไปทางตรงกันข้ามที่เป็นตึก เหตุการณ์วันนั้นผมรู้สึกเหมือนอยู่ในภาวะสงคราม รอบตัวมีแต่เสียงไซเรนของรถดับเพลิง รถมูลนิธิกู้ภัยที่มาดูแลผู้บาดเจ็บ ทำให้พนักงานในร้านบางคนถึงกับตกใจกลัวลนลาน ผมต้องย้ำหลายๆครั้งให้ทุกคนสงบใจ นั่งลงอธิษฐาน ฝากชีวิตไว้กับพระเจ้าเท่านั้น
พวกเรารอดมาได้ด้วยพระคุณของพระเจ้าจริงๆ ทุกวันครอบครัวของเราอยู่ในยะลานี้ด้วยความเชื่อ วางใจพระเจ้า พระองค์มีพระประสงค์ให้เราอยู่ที่นี่ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐ ทำงานของพระองค์ในยุคสุดท้าย คริสตจักรยะลาที่พระเจ้าตั้งไว้ ให้เป็นเกลือ เป็นความสว่างของเมืองนี้ นอกจากการนมัสการวันอาทิตย์แล้ว ในระหว่างสัปดาห์พวกเราในคริสตจักรมีกลุ่มเซลล์ กลุ่มเรียนพระคัมภีร์ กลุ่มอธิษฐาน เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้พี่น้องของเราต้องพึ่งพาพระเจ้ามากขึ้น และพระเจ้ายังเมตตาพวกเราผ่านหน้าที่การงาน การติดตามพระองค์ การปรนนิบัติพระองค์ การก่อสร้างอาคารหลังใหม่ของคริสตจักรกำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเราก็หวังในพระคุณของพระเจ้าที่จะทรงนำพาเรา พระเจ้าจะทรงอยู่กับเราตามพระสัญญา ดังพระธรรมสดุดี 91:14-16 ที่ผมกำลังอ่านอยู่ในวันที่เกิดเหตุระเบิดนั้น
“เพราะเขาผูกพันกับเราด้วยความรัก เราจะช่วยกู้เขา เราจะป้องกันเขาไว้ เพราะเขารู้จักนามของเราเมื่อเขาร้องทูลเรา เราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามยากลำบาก เราจะช่วยเขาให้พ้น และให้เกียรติเขา เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดของเราแก่เขา” (สดุดี 91:14-16)
ขอพระเจ้าอยู่ด้วย
(เกษม พลไชยะ – คริสตจักรแบ๊บติ๊สต์ยะลา)
ข่าวประชาสัมพันธ์
- อยากให้พวกเรามีภาระใจอธิษฐานปกป้องพี่น้องของเรา และคนอื่นๆที่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พวกเราที่กรุงเทพฯทำอะไรไม่ได้มากมาย แต่คำอธิษฐานของเราจะเป็นพลังช่วยพี่น้องชาวใต้ค่ะ
- อธิษฐานเผื่อทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานรับใช้ชาติในพื้นที่เสี่ยงภัยอันตราย
- อธิษฐานเผื่อพี่น้องคนไทยในภาคอื่นๆด้วยค่ะ บางแห่งเริ่มเผชิญภัยแล้ง พายุฤดูแล้ง ในขณะที่บางแห่งยังอากาศหนาวและมีฝน
- อย่าลืมอธิษฐานเผื่อกันและกันนะคะ เพราะยุคสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว – ขอพระเจ้าสถิตดยู่ด้วยค่ะ