คำถาม: “เราจะประกาศกับคนประกอบอาชีพต่างๆ ได้อย่างไร?”
คำตอบ: “ไม่ว่าจะประกาศกับคนอาชีพใด สิ่งพื้นฐานเกี่ยวกับคนส่วนใหญ่ที่เราควรจะต้องรู้คำนึงถึงก่อนเหมือนกันคือ
1.ความจริงเกี่ยวกับตัวเขา หรือภูมิหลังของเขา
1).เป็นใคร มาจากไหน?
2).เรียน หรือ ทำอะไร?
3).ผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต?
4).สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร? (กำลังเผชิญกับอะไรอยู่?)
5).มีปัญหาหรือความต้องการเร่งด่วน เรื่องอะไร?
6).มีใครที่เรารู้จักที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา
2.ความสามารถของเรา ที่จะช่วยอะไรเขาได้? ดูว่ามีอะไรไหม? ถ้ามี …
1).ให้ช่วยเขาเท่าที่ทำได้~ในกรณีเล็กน้อย
2).ให้ช่วยเขาตามกำลังเท่าที่จะทำได้~ในกรณีที่ใหญ่และยากขึ้น
3).ให้แนะนำเขาแสวงหาจนพบกับแหล่งช่วยเหลือ ที่ช่วยได้มากกว่า หรือดีกว่าที่เราทำได้~ในกรณีที่ใหญ่และยากเกินกว่าที่เราจะช่วยอะไรได้
3.ความสามารถและความพร้อมของคริสตจักร หรือ องค์กรที่จะช่วยเขาได้
1).คริสตจักร เราช่วยอะไรเขาได้บ้าง?
ก.เรื่องความรู้
ข.เรื่องการบรรเทาทุกข์ ~แก้ปัญหาเบื้องต้น เฉพาะหน้า
ค.เรื่องการเพิ่มสุข~ช่วยเหลือ หรือให้ในสิ่งที่เขาต้องการ
ง.เรื่องการพัฒนา~ส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าขึ้น
ก),การช่วยสะท้อน และแนะนำ ให้เขาตระหนักว่าอาชีพการงานใดที่เหมาะกับเขามากที่สุด
ข).ช่วยเขาให้พัฒนาทักษะ และคันพบช่องทาง หรือเครือข่ายในอาชีพของเขาที่เป็นประโยชน์ และเพิ่มรายได้ให้แก่เขา
2).แนวร่วม / พันธมิตร หรือหน่ายงานอื่นๆ ใดที่ช่วยเหลือได้ดีกว่าเรา?
4.ความช่วยเหลือและความสัมพันธ์ของพระเจ้าที่มีต่อเขา
1).แนะนำให้เขาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
2).สอนให้เขารู้จักพระเจ้า และแนะวิธีที่เขาจะอธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นส่วนตัว
3).อธิษฐานเผื่อเขาและร่วมกันกับเขา
4).สอนเขาให้มีความเชื่อพึ่งและวางใจพระเจ้า ไม่ใช่ในมนุษย์คนใดคนหนึ่ง
5).สอนเขาให้รู้จักขอบคุณและสรรเสริญพระเจ้า
6).สอนเขาให้รู้จักเป็นพยานกับคนอื่นๆ ให้รู้จักพระเจ้า
7).สอนเขาให้รู้จักพาคนมาคริสตจักร เพื่อประกาศตัวเชื่อในพระเจ้า
5.ช่องทางที่เหมาะสมที่เราจะประกาศข่าวประเสริฐต่อคนอาชีพต่างๆ
1).แบบส่วนตัว 1:1
2).แบบเป็นกลุ่ม เช่น ในกลุ่มเซลหรือกลุ่มแคร์ หรือกลุ่มกิจกรรมประกาศอื่นๆ เช่น
ก.กลุ่ม Alpha ต่างๆ
ข.กลุ่มอบรมหัวข้อต่างๆ
ค.ชั้นเรียนพระคัมภีร์ของคริสตจักรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชั้นเรียนในวันอาทิตย์ หรือวันอื่นๆ เช่น ชั้นพระคัมภีร์วันพฤหัส
3).แบบเป็นหมู่คณะหรือที่ประชุมใหญ่
ก.แบบประจำทุกอาทิตย์ เช่น การนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์หรือวันเสาร์
ข.แบบพิเศษ ในโอกาสต่างๆ เช่น งานฟื้นฟูประกาศ หรือค่าย
ให้เราทำเช่นนี้
- อธิษฐานขอพระเจ้าทรงประทานภาระใจที่จะกล้าหาญในการเป็นพยานให้ใครสักคนหนึ่ง
- เขียนชื่อคนที่เราต้องการเป็นพยานกับเขา กี่คนก็ได้ อาชีพอะไรก็ได้ลงในสมุด หรือ โทรศัพท์ของเรา
- ให้เราเสาะหาช่องทางในการรู้จัก และช่วยตอบสนอง ความต้องการ หรือช่วยแก้ปัญหาของเขา เมื่อพระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเราและเปิดโอกาสให้เราเป็นพยานได้
- ให้เราลงชีวิตกับเขา อย่างจริงใจ จนเขาสัมผัสได้และไว้วางใจ ยอมเปิดเผยความจริงในชีวิต
- ให้เราช่วยเขา จนถึงจุดที่เขา ซาบซึ้งพระคุณของพระเจ้าผ่านความดีที่เรากระทำ และเขาเปิดใจ กลับใจใหม่ ขอต้อนรับพระคริสต์เข้ามาในชีวิต
- ให้เราช่วยเขาให้เข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเขาจนกว่าเขาจะเติบโตขึ้น จนสามารถนำคนอื่นมารับความรอดด้วยเช่นกัน
- ให้เราช่วยเขาให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ และร่วมรับใช้ในคริสตจักรผ่านความถนัด หรือตามเครือข่ายทางอาชีพของเขา
และถ้าเราทำเช่นนี้ ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และพึ่งพระเจ้า คริสตจักรของเราก็จะเจริญเติบโตขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน จริงไหม?“
“เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและทุกคนที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบและมีสันติในทางพระเจ้า และเป็นที่นับถือ การกระทำเช่นนี้เป็นการดี และเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดและรู้ความจริง เพราะว่าพระเจ้ามีองค์เดียว และคนกลางก็มีแต่เพียงผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพมนุษย์ ผู้ประทานพระองค์เองเป็นค่าไถ่สำหรับทุกคน เหตุการณ์นี้เป็นพยานในเวลาที่เหมาะสมของมันเอง” ~1 ทิโมธี 2:1-6 THSV11
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer