คำถาม: “จะประกาศข่าวประเสริฐกับคนในครอบครัวของเราได้อย่างไร?”
คำตอบ:
“เป็นคำถามที่ดีมาก เพราะครอบครัวเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกของเราที่สมควรได้รับฟังข่าวดีเรื่องการช่วยไถ่ให้รอดของพระเยซูคริสต์ที่มีเสนอให้แก่มนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้จากปากของเราเอง”
ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปนี้ จึงเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อประกาศข่าวแห่งความรอดนี้ให้แก่พวกเขา
1.เราตระหนักว่าคนในบ้านของเราทุกคนล้วนต้องการความรัก และความรอดเช่นเดียวกับคนใดๆ ในโลกนี่
- พวกเขาต้องมีโอกาสได้ยินข่าวประเสริฐของพระคริสต์ที่ช่วยเขาให้รอดจากโทษบาป
- พวกเขาต้องรู้และรู้จักพระเยซูคริสต์ เพื่อรับความรอดนั้นเป็นของตัวเขาเอง
- พวกเขาต้องกลับใจ & รับความรอดนั้นผ่านความเชื่อด้วยใจและรับด้วยปากของเขาเอง
“วันต่อมาเขาทั้งหลายไปถึงเมืองซีซารียา โครเนลิอัสกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ และเชิญญาติพี่น้องกับเพื่อนสนิทมาประชุมร่วมกัน เมื่อเปโตรมาถึง โครเนลิอัสก็ต้อนรับเปโตรและทรุดตัวลงแทบเท้าท่าน เปโตรจึงประคองโครเนลิอัสให้ลุกขึ้นและกล่าวว่า “จงลุกขึ้นยืน ข้าพเจ้าก็เป็นเพียงมนุษย์เหมือนกัน”
จึงกล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านทราบแล้วว่า การที่คนยิวจะคบหาหรือเยี่ยมเยียนคนต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม แต่พระเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ไม่ควรถือว่าคนหนึ่งคนใดไม่บริสุทธิ์หรือเป็นมลทิน เพราะเหตุนี้เมื่อท่านใช้คนไปเชิญข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมาโดยไม่ขัด ข้าพเจ้าขอถามว่า ที่ท่านเชิญข้าพเจ้ามานี้มีจุดประสงค์อะไร?”
พระองค์ทรงสั่งให้เราประกาศกับคนทั้งหลาย และเป็นพยานว่า พระเจ้าทรงตั้งพระองค์เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย บรรดาผู้เผยพระวจนะก็เป็นพยานถึงพระองค์ว่า ทุกคนที่เชื่อถือในพระองค์นั้น พระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของพวกเขาโดยพระนามของพระองค์” ขณะเปโตรยังกล่าวคำเหล่านั้นอยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาสถิตกับทุกคนที่ฟังพระวจนะนั้น
“ใครจะห้ามคนเหล่านี้ที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนเราจากการรับบัพติศมาด้วยน้ำ?” เปโตรจึงสั่งให้เขาทั้งหลายรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ แล้วพวกเขาขอให้เปโตรพักอยู่กับพวกเขาอีกสักระยะหนึ่ง”
~กิจการ 10:24-26, 28-29, 42-44, 47-48 THSV11
2.เราต้องถือว่าเป็นหน้าที่อันสำคัญลำดับต้นในการช่วยพวกเขาให้รู้ความจริงแห่งข่าวประเสริฐและรอดดังนั้น
- เราต้องตั้งเป้าที่ประกาศข่าวดีนี้ให้พวกเขารับฟัง ด้วยใจห่วงใย
- เราต้องอธิษฐานเผื่อพวกเขาอย่างร้อนรน
- เราต้องวางแผนเป็นขั้นตอนในการช่วยให้พวกเขาเข้าใจความจริงของข่าวดีนั้น
- เราต้องลงมือตามแผนด้วยใจรักพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข จนกว่าพวกเขาจะเปิดใจ
“พระองค์ทรงประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดและรู้ความจริง เพราะว่าพระเจ้ามีองค์เดียว และคนกลางก็มีแต่เพียงผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพมนุษย์ ผู้ประทานพระองค์เองเป็นค่าไถ่สำหรับทุกคน เหตุการณ์นี้เป็นพยานในเวลาที่เหมาะสมของมันเอง”
~1 ทิโมธี 2:4-6 THSV11
3.เราต้องเป็นพยานอย่างชัดเจนควบคู่กันไประหว่างคำพูดและการกระทำ
- เราต้องเป็นพยาน และประกาศด้วยคำพูด/ถ้อยคำ
- เราต้องเป็นพยานด้วยชีวิต
ก.ชีวิตที่ลด และหยุดบาปแล้ว
ข.ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง จนดีขึ้น
ค.ชีวิตที่ทรงอิทธิพลเป็นพรแก่คนในครอบครัว
3. เราต้องเป็นพยานด้วยการกระทำที่ดี มีประโยชน์ต่อพวกเขาด้วยความรัก โดยเฉพาะอย่างการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี จนพวกเขาชื่นชมและเกิดความมั่นใจที่จะเปิดรับข่าวประเสริฐ
“ถ้าแม่ม่ายคนไหนมีลูกหรือหลาน ก็ให้เขาทั้งหลายเรียนรู้การทำหน้าที่ในทางพระเจ้าต่อครอบครัวของตนก่อน และให้ตอบแทนคุณบิดามารดา เพราะว่าการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า …ถ้าใครไม่เลี้ยงดูญาติพี่น้อง และโดยเฉพาะคนในครอบครัวแล้ว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่ง กว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก”
~1 ทิโมธี 5:4, 8 THSV11
4.เราต้องยืนหยัดกล้าหาญเป็นพยานโดยพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์และพระวจนะของพระเจ้าและนำให้เขารับเชื่อเมื่อพระวิญญาณทรงนำ
- เราต้องใช้พระวจนะของพระเจ้าในการประกาศและเป็นพยานเรื่องข่าวประเสริฐ
- เราต้องทูลขอให้พระวิญญาณอธิบายพระวจนะของพระเจ้าให้เขาเข้าใจ และเข้าถึง
- เราต้องให้พระวิญญาณทำกิจอย่างเต็มที่ ทั้งในใจของพวกเขาที่เป็นผู้ฟังและเราผู้พูดแบ่งปัน
“แล้วพาท่านทั้งสองออกมากล่าวว่า “ข้าแต่ท่าน ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับความรอด?” เปาโลกับสิลาส จึงกล่าวว่า “จงวางใจในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านและครอบครัวจะได้รับความรอด” ท่านทั้งสองจึงกล่าวสั่งสอนพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ให้นายคุกและคนทั้งปวงที่อยู่ในบ้านของเขาฟัง ในชั่วโมงเดียวกันของคืนนั้นเอง นายคุกพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่ถูกเฆี่ยน และนายคุกก็รับบัพติศมาทันทีพร้อมกับทุกคนในครัวเรือนของเขา แล้วพาท่านทั้งสองเข้าไปในบ้านของเขาและจัดอาหารเลี้ยง ทั้งตัวเขาและครัวเรือนต่างปลื้มปีติเพราะเขา ได้เชื่อถือพระเจ้าแล้ว”
~กิจการ 16:30-34 THSV11
5.เราต้องวางใจพระเจ้าสำหรับผลลัพธ์ดีที่จะเกิดกับคนในครอบครัวตามเวลาที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้
- เราต้องทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด ตามวิถีของพระองค์อย่างต่อเนื่อง~โดยไม่ต้องวิตกกังวล
- เราต้องรอคอยผลดีที่จะเกิดขึ้นด้วยความเชื่อและความหวัง
- ก.เขาเปิดใจและเปิดปากต้อนรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด = ประกาศตัวรับเชื่อ
- ข. เขาขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวฝ่ายจิตวิญญาณของเรา = เข้าสู่พิธีบัพติศมา และขอเป็นสมาชิกคริสตจักร
- ค.เขาเติบโตขึ้น และขอมีส่วนร่วมรับใช้ในคริสตจักร
ตัวอย่าง ของคนในครอบครัวที่มาเชื่อในพระเจ้า และร่วมรับใช้
- ครอบครัวของสเทฟานัส
- สเทฟานัส
- ฟอร์ทูนาทัส และ
- อาคายคัส
- อาควิลลาและนางปริสคา
“ท่านทั้งหลายจงระมัดระวัง จงมั่นคงในความเชื่อ จงเป็นคนกล้าหาญ จงเข้มแข็ง จงทำทุกสิ่งด้วยความรัก พี่น้อง ทั้งหลาย ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัส เป็นคริสเตียนพวกแรกในแคว้นอาคายา และพวกเขาได้ถวายตัวในงานปรนนิบัติบรรดาธรรมิกชน ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลาย ให้นอบน้อมต่อคนเช่นนี้ และต่อทุกคนที่ร่วมทำงานและตรากตรำ ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีที่สเทฟานัส ฟอร์ทูนาทัส และอาคายคัสมาหา เพราะพวกเขาได้ชดเชยการที่พวกท่านไม่ได้มานั้นจนครบถ้วน เพราะว่าพวกเขาทำให้จิตใจของข้าพเจ้าและของพวกท่านชื่นบาน เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงยอมรับคนเช่นนี้ คริสตจักรต่างๆ ในแคว้นเอเชียฝากคำทักทายมายังท่านทั้งหลาย อาควิลลาและนางปริสคา กับคริสตจักรที่อยู่ในบ้านของเขาฝากคำทักทายมายังพวกท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพิเศษ”
~1 โครินธ์ 16:13-19 THSV11
ขอให้ทำตามแนวทางข้างต้น จะมีคนในอีกหลายๆครอบครัว ได้ยินข่าวประเสริฐของพระคริสต์ ได้เปิดใจ ได้รับความรอด และได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฝ่ายวิญญาณ คือคริสตจักร แห่งความรัก และความสุข ที่มีนิมิตใหม่สด เสมอในการจะช่วยคนอีกมากหลายให้ได้รับความรอดเช่นกัน!”
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer