คำถาม:
“ผู้อารักขาคือ ใคร? และพระเจ้าทรงประสงค์ให้เราเป็นผู้อารักขาในเรื่องอะไรบ้าง?”
คำตอบ:
“ก่อนเราจะอารักขาสิ่งใด เราต้องเข้าใจก่อนว่า การอารักขาคืออะไร?”
นิยามของคำว่า “อารักขา” โดยทั่วไปหมายถึง “การป้องกัน ความคุ้มครอง และ ความดูแล“ หรือ “งานในการดูแลหรือการเอาใจใส่ในบางสิ่งบางอย่าง เช่น (บ้าน) องค์กร หรือ ทรัพย์สิน” (the job of supervising or taking care of something, such as an organization or property.
ในตอนนี้ เราพูดถึงผู้อารักขาตามความหมายจากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ คือ หมายถึง “คนที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ดูแล คน หรือสิ่งต่างๆ ของพระองค์ด้วยความเอาใจใส่ อย่างรับผิดชอบและพร้อมรายงานในสิ่งที่ทำตลอดเวลา”
เรื่องการอารักขา หรือ ฉันทะภาระจึงมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการดังนี้
- การมอบหมายจากเจ้าของ(Ownership)
- การทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบ(Responsibility)
- การรายงานสิ่งที่ทำ(Accountability)
- การตอบแทนในสิ่งที่ทำ(Reward)
1.การมอบหมายจากเจ้าของ
สิ่งแรก เราต้องยอมรับก่อนว่า พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของสรรพสิ่งในโลกนี้ (รวมทั้งตัวเราและทุกสิ่งที่เรามีอยู่) และเราแต่ละคนจะได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้ดูแลรักษาสิ่งเหล่านั้นแทนพระองค์และเพื่อพระองค์ การทำหน้าที่เหล่านี้ คือการทำหน้าที่อารักขาสิ่งต่างๆ ตามที่เจ้าของปรารถนา
พระเจ้าทรงมอบหมายโลกนี้ให้เราดูแล ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านมิติกายภาพ (ทางธรรมชาติ) มิติด้านชุมชนสังคม มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านการเมือง และมิติด้านจิตวิญญาณ (ศาสนา)
หากเราไม่ช่วยกันดูแล โลกนี้ ในมิติต่างๆ คนที่จะต้องทนทุกข์กับผลที่จะตามมา นอกจากเราแล้ว ยังมีลูกหลานของเราหรือคนในรุ่นต่อๆไปด้วย เช่น หากเราปล่อยให้เกิดมลพิษ หรือ มลภาวะขึ้น ในอากาศ ในน้ำ(ทะเล แม่น้ำ ห้วยหนองคลองบึง) บนพื้นแผ่นดิน ฯลฯ ลูกหลานของเราจะรับเคราะห์กรรมนั้น
หากเราไม่ช่วยกันดูแลรักษาชุมชนและสังคมของเรา แต่ปล่อยปละละเลย จนสังคมเต็มไปด้วยคนจนยากไร้ คนเร่ร่อน คนติดยา โจรขโมย อันธพาล คนบาปและฆาตกร ลูกหลานของเราจะเป็นผู้รับเคราะห์กรรมที่ตามมา
ดังนั้น การเป็นผู้อารักขาของเราและของคริสตจักร จึงเป็นภารกิจสำคัญและจำเป็นที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกนี้มอบหมายให้เราทำเพื่อสวัสดิภาพของทุกคน!
อนึ่ง แม้แต่งานตามหน้าที่หรือตามบทบาทอาชีพอื่นๆ เราก็ต้องเป็นผู้อารักขาลงมือทำตามที่ผู้เป็นเจ้าของหรือเจ้านายมอบให้ทำ อย่างเต็มใจ จนกว่าจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีตามประสงค์ด้วยเช่นกัน ย้ำอีกครั้งว่า สำหรับชีวิตของเรา คริสตจักร และองค์กรของเรานั้น พระเจ้าคือเจ้าของ หรือเจ้านายที่แท้จริงของเรา และพระองค์ทรงมอบหมายสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้เราดูแล เราจึงต้องพร้อมทำหน้าที่ดังกล่าวตามความสามารถของเราให้ดีที่สุด
“และยังเปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป”-มัทธิว 25:14-15 TH1971
2.การทำหน้าที่(ผู้อารักขา)อย่างรับผิดชอบ
ก่อนอื่นขอให้เรายอมรับและตระหนักในบทบาทหน้าที่ผู้อารักขา ที่พระคริสต์แต่งตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องข่าวประเสริฐ และพันธกิจแห่งพระวจนะที่ล้ำลึกของพระเจ้า
“ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์และเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า” -1โครินธ์ 4:1 TH1971
สิ่งที่ผู้อารักขาต้องสังวรก็คือว่า เราต้องทำหน้าที่ของเราอย่างกระตือรือร้น และรับผิดชอบ
- อะไรที่ไม่ดี ก็ให้รีบแก้ไขให้ดี อย่าอยู่เฉย
- อะไรที่ดีอยู่แล้ว ก็ให้พัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้น
- อะไรที่ทำให้เป็นเลิศได้ ก็ให้ทุ่มเทลงมือทำให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพแบบทวีคูณ
ไม่ว่าสิ่งที่ทำนั้น จะเป็นงานที่พระเจ้าหรือเจ้านายที่เป็นมนุษย์มอบหมายให้ทำ!
“คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที ได้กำไรเท่าตัว คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัว เหมือนกัน แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้” –มัทธิว 25:16-18 TH1971
เราต้องรับผิดชอบ ตั้งแต่การดูแลรักษา การปรับปรุง และการพัฒนาทั้ง ตัวเอง หน่วยงาน องค์กร สังคม และสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ให้เป็นอย่างที่ พระเจ้าทรงประสงค์และมอบฉันทะให้เราทำ ผ่านการประกาศสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้าอย่างถูกต้องและด้วยการพึ่งในพลังฤทธิ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพลังแห่งความสามัคคีเป็นหนึ่งของพี่น้องผู้อารักขาคนอื่นๆ ด้วย
3.การรายงานสิ่งที่ทำ
สิ่งที่ผู้อารักขาจะต้องกระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การต้องรายงานสิ่งที่ทำต่อพระเจ้า และผู้ที่มอบหมายงานให้เขาทำ ที่เป็นหลักฐานยืนยันพิสูจน์ จับต้องได้
ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Accountability ความหมายตามตัว คือ Account+Ability หมายความถึง “ความสามารถ(Ability)ในการนำบัญชี(Account) ออกมาแสดงให้เห็น”
ดังนั้น ไม่ว่า เราจะทำงานอะไร เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส พิสูจน์ถึงความถูกต้องได้ชัดเจน พร้อมที่จะรับการตรวจสอบได้ทุกเวลาอย่างมั่นใจ และเป็นที่พอใจของคนที่มอบหมายงาน และผู้รับการบริการ
“ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น” –มัทธิว 25:19 TH1971
ดังนั้น จงเตรียมบัญชี(ที่ถูกต้องสมบูรณ์)ของเราให้พร้อมเสนอรายงานตลอดเวลา เมื่อถูกร้องขอหรือถูกตรวจสอบ
“พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ยังมีเศรษฐีที่มีคนต้นเรือนคนหนึ่ง และมีคนมาฟ้องเศรษฐีว่า คนต้นเรือนนั้นผลาญสมบัติของท่านเสีย เศรษฐีจึงเรียกคนต้นเรือนนั้นมา ว่าแก่เขาว่า ‘เรื่องราวที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้านั้นเป็นอย่างไร จงส่งบัญชีหน้าที่ต้นเรือนของเจ้า เพราะว่าเจ้าจะเป็นคนต้นเรือนต่อไปไม่ได้’” –ลูกา 16:1-2 TH1971
4.การตอบแทนในสิ่งที่ทำ
สิ่งที่ผู้อารักขาพึงตระหนัก ก็คือ ทุกสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนแล้วแต่จะมีผลลัพธ์ตามมา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำ หากเราทำได้แย่ ผลลัพธ์ที่เราจะได้รับตามมา มักไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี เช่น การถูกตำหนิต่อว่า การลงวินัย การถูกลงโทษ และการถูกพิพากษา ให้ทุกข์ทรมานกายใจ แต่หากเราทำหน้าที่ผู้เป็นคนต้นเรือนที่ดี สิ่งที่เราจะได้รับกลับมา คือ ความสุข รางวัล และเกียรติ!
“คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า‘นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้าดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อยเราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’” –มัทธิว 25:20-21 TH1971
สรุป
ขอให้เราเป็นผู้อารักขา สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง และ ทุกสิ่งที่พระเจ้ามอบหมายให้เราดูแล และขอให้เราเป็นผู้อารักขาที่ดี ที่ทำให้พระเจ้า และผู้เป็นนายฝ่ายโลกนี้ไว้วางใจได้และได้รับผลงานซึ่งเป็นที่พอใจ
“ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ทุกคน” 1 โครินธ์ 4:1-2 TH1971
และหลักจากนั้นพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์จะทรงอารักขาชีวิต และทุกสิ่งในชีวิตของเรา ด้วยความรักอันมั่นคงดำรงเป็นนิตย์ !
“พระเจ้าทรงเป็นผู้อารักขาท่าน พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังที่ข้างขวามือของท่าน ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตีท่านในเวลากลางวัน หรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน พระเจ้าจะทรงอารักขาท่านให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้นพระองค์จะทรงอารักขาชีวิตของท่านพระเจ้าจะทรงอารักขาการเข้าออกของท่านตั้งแต่กาลบัดนี้สืบไปเป็นนิตย์” –สดุดี 121:5-8 TH1971
อาเมน!
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr.ภาพ Millcity Farmers market)