พระธรรมกิจการ บทเรียนที่ 32
เปาโลแก้คดีต่อพระพักตร์กษัตริย์
พระธรรม กิจการ 26 :1-32
อ้างอิง กจ.23:6;8:3;9:20,28-29;22:4-5;ฟป.3:5;อสย.42:6;49:6;1คร.15:20
บทนำ การรับใช้พระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องสะดวก หรือเกิดผลดีดังใจนึกเสมอไปบ่อยครั้งต้องเผชิญกับโจทย์ยาก ซับซ้อน บางครั้งก็เดือดร้อนอันตราย แต่หากเรามีหัวใจอย่างผู้รับใช้ เราจะไม่หวั่นไหว จะยืนหยัดรับใช้ตามที่ได้รับมอบหมายต่อไปอย่างฉลาด สัตย์ซื่อ และทรหดอดทนจนถึงที่สุด
บทเรียน
26:1 “อากริปปาจึงตรัสกับเปาโลว่า “เราอนุญาตให้เจ้าแก้ข้อกล่าวหาให้ตัวเองได้” เปาโลจึงยื่นมือเริ่มแก้คดีว่า”
(So Agrippa said to Paul, “You have permission to speak for yourself.” Then Paul stretched out his hand and made his defense)
26:2 “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ข้าพระบาทถือว่าตัวเองมีโอกาสดียิ่งที่ได้อยู่เฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาทในวันนี้ เพื่อแก้ข้อกล่าวหาทั้งหมดของพวกยิว”
(“I consider myself fortunate that it is before you, King Agrippa, I am going to make my defense today against all the accusations of the Jews,)
26:3 “เพราะฝ่าพระบาทมีความเชี่ยวชาญในบรรดาขนบธรรมเนียมและปัญหาต่างๆ ของพวกยิวเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นขอฝ่าพระบาทได้โปรดอดทนฟังข้าพระบาท”
(especially because you are familiar with all the customs and controversies of the Jews. Therefore I beg you to listen to me patiently.)
26:4 “พวกยิวรู้วิถีชีวิตของข้าพระบาทตั้งแต่เด็ก คือตั้งแต่เริ่มแรกข้าพระบาทก็อยู่ท่ามกลางชนชาติของข้าพระบาท และอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม”
(“My manner of life from my youth, spent from the beginning among my own nation and in Jerusalem, is known by all the Jews.)
26:5 “เขาทั้งหลายรู้จักข้าพระบาทนานแล้ว ถ้าเขายอมก็เป็นพยานได้ว่าข้าพระบาทดำเนินชีวิตตามลัทธิที่เคร่งที่สุดในศาสนาของพวกข้าพระบาท คือเป็นพวกฟาริสี”
(They have known for a long time, if they are willing to testify, that according to the strictest party of our religion I have lived as a Pharisee.)
26:6 “บัดนี้ข้าพระบาทต้องมายืนให้ฝ่าพระบาทพิพากษาก็เพราะเรื่องความหวังในพระสัญญาซึ่งพระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของพวกข้าพระบาทนั้น”
(And now I stand here on trial because of my hope in the promise made by God to our fathers,)
26:7 “พวกข้าพระบาทสิบสองเผ่าปรนนิบัติด้วยความจริงจังทั้งกลางวันกลางคืน เพราะมีความหวังว่าจะได้รับตามพระสัญญานั้น ข้าแต่กษัตริย์ เพราะความหวังนี้แหละที่พวกยิวฟ้องข้าพระบาท”
(to which our twelve tribes hope to attain, as they earnestly worship night and day. And for this hope I am accused by Jews, O king!)
26:8 “ทำไมท่านทั้งหลายจึงคิดว่าการที่พระเจ้าทรงทำให้คนตายเป็นขึ้นมานั้น เป็นเรื่องเชื่อไม่ได้?”
(Why is it thought incredible by any of you that God raises the dead?)
26:9 “ข้าพระบาทเคยคิดในใจของตนเองว่า ควรจะทำหลายๆ อย่างเพื่อขัดขวางพระนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ”
(“I myself was convinced that I ought to do many things in opposing the name of Jesus of Nazareth.)
26:10 “และนี่ก็คือสิ่งที่ข้าพระบาททำในกรุงเยรูซาเล็ม หลังจากได้รับสิทธิอำนาจจากพวกหัวหน้าปุโรหิตแล้ว ข้าพระบาทจับธรรมิกชนจำนวนมากขังคุก และเมื่อพวกเขาถูกลงโทษถึงตาย ข้าพระบาทก็เห็นดีด้วย”
(And I did so in Jerusalem. I not only locked up many of the saints in prison after receiving authority from the chief priests, but when they were put to death I cast my vote against them.)
26:11 “ข้าพระบาททำโทษเขาบ่อยๆ ในธรรมศาลาทุกแห่ง และบังคับเขาให้กล่าวคำหมิ่นประมาทพระเจ้า และเนื่องจากข้าพระบาทโกรธพวกเขาอย่างยิ่ง ถึงขนาดข้าพระบาทตามไปข่มเหงเขาถึงหัวเมืองต่างๆ ในต่างประเทศ”
(And I punished them often in all the synagogues and tried to make them blaspheme, and in raging fury against them I persecuted them even to foreign cities.)
26:12 “ดังนั้นขณะที่ข้าพระบาทกำลังไปยังเมืองดามัสกัสโดยอาศัยสิทธิอำนาจและคำสั่งของพวกหัวหน้าปุโรหิต”
(“In this connection I journeyed to Damascus with the authority and commission of the chief priests.)
26:13 “ข้าแต่กษัตริย์ ในเวลาเที่ยงวันขณะกำลังเดินทางไป ข้าพระบาทก็ได้เห็นแสงสว่างกล้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ส่องลงมาจากท้องฟ้าล้อมรอบข้าพระบาทกับคนทั้งหลายที่ไปกับข้าพระบาท”
(At midday, O king, I saw on the way a light from heaven, brighter than the sun, that shone around me and those who journeyed with me.)
26:14 “เมื่อข้าพระบาทกับคนทั้งหลายล้มฟุบลงบนพื้น ข้าพระบาทได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพระบาทเป็นภาษาฮีบรูว่า เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม? การที่เจ้าถีบประตักก็เจ็บตัวเจ้าเอง’”
(And when we had all fallen to the ground, I heard a voice saying to me in the Hebrew language, ‘Saul, Saul, why are you persecuting me? It is hard for you to kick against the goads.’)
26:15 “ข้าพระบาทจึงทูลถามว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด?’ พระองค์ตรัสว่า ‘เราคือเยซูผู้ที่เจ้าข่มเหง”
(And I said, ‘Who are you, Lord?’ And the Lord said, ‘I am Jesus whom you are persecuting.)
26:16 “แต่จงลุกขึ้นยืนเถิด เพราะว่าเรามาปรากฏแก่เจ้าเพื่อจะตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้และเป็นสักขีพยานของเหตุการณ์ที่เจ้าได้เห็นเรา และของสิ่งที่เราจะสำแดงแก่เจ้า”
(But rise and stand upon your feet, for I have appeared to you for this purpose, to appoint you as a servant and witness to the things in which you have seen me and to those in which I will appear to you,)
26:17 “เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากชนชาติอิสราเอลและจากคนต่างชาติที่เราจะใช้เจ้าไปนั้น”
(delivering you from your people and from the Gentiles—to whom I am sending you)
26:18 “ไปเปิดตาของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาหันจากความมืดมาหาความสว่าง จากอำนาจของซาตานมาหาพระเจ้า เพื่อให้พวกเขาได้รับการอภัยบาป และมีส่วนอยู่ท่ามกลางคนที่ได้รับการชำระให้เป็นธรรมิกชนโดยความเชื่อในตัวเรา’”
(to open their eyes, so that they may turn from darkness to light and from the power of Satan to God, that they may receive forgiveness of sins and a place among those who are sanctified by faith in me.‘)
26:19 “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าพระบาทก็ไม่ได้ขัดขืนนิมิตซึ่งมาจากสวรรค์”
(“Therefore, O King Agrippa, I was not disobedient to the heavenly vision,)
26:20 “แต่ข้าพระบาทประกาศให้เขาทั้งหลายทราบ โดยเริ่มต้นในเมืองดามัสกัส ในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแว่นแคว้นยูเดียรวมทั้งพวกต่างชาติด้วย เพื่อให้เขาทั้งหลายกลับใจใหม่และหันมาหาพระเจ้า และทำสิ่งที่แสดงถึงการกลับใจใหม่”
(but declared first to those in Damascus, then in Jerusalem and throughout all the region of Judea, and also to the Gentiles, that they should repent and turn to God, performing deeds in keeping with their repentance.)
26:21 “เพราะเหตุนี้พวกยิวจึงจับข้าพระบาทในพระวิหาร และพยายามที่จะฆ่าข้าพระบาทเสีย”
(For this reason the Jews seized me in the temple and tried to kill me.)
26:22 “แต่เพราะพระเจ้าโปรดช่วยข้าพระบาทมาจนถึงทุกวันนี้ ข้าพระบาทจึงยืนอยู่ที่นี่และเป็นพยานทั้งต่อผู้น้อยและผู้ใหญ่ ข้าพระบาทไม่ขอพูดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องที่บรรดาผู้เผยพระวจนะและโมเสสกล่าวไว้ว่าจะเกิดขึ้น”
(To this day I have had the help that comes from God, and so I stand here testifying both to small and great, saying nothing but what the prophets and Moses said would come to pass)
26:23 “คือว่าพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมาน และพระองค์จะทรงแสดงความสว่างแก่ชนชาติอิสราเอลและแก่พวกต่างชาติ โดยที่ทรงเป็นผู้แรกที่เป็นขึ้นจากตาย”
(that the Christ must suffer and that, by being the first to rise from the dead, he would proclaim light both to our people and to the Gentiles.”)
26:24 “ขณะเปาโลกำลังพูดแก้คดีอยู่นั้น เฟสทัสร้องเสียงดังว่า “เปาโล เจ้าคลั่งไปเสียแล้ว เจ้าเรียนรู้วิชามากจนทำให้เจ้าคลั่งไป”
(And as he was saying these things in his defense, Festus said with a loud voice, “Paul, you are out of your mind; your great learning is driving you out of your mind.”)
26:25 “แต่เปาโลกล่าวว่า “ข้าแต่ท่านเฟสทัส ข้าพเจ้าไม่ได้คลั่งเลย แต่พูดคำสัตย์จริงและพูดอย่างคนปกติ”
(But Paul said, “I am not out of my mind, most excellent Festus, but I am speaking true and rational words.)
26:26 “เพราะว่ากษัตริย์ทรงทราบข้อความเหล่านี้ ข้าพเจ้าจึงกล้ากล่าวเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ เพราะข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ไม่มีสักสิ่งหนึ่งในบรรดาเหตุการณ์เหล่านี้ที่รอดพ้นพระเนตรของพระองค์ เพราะการเหล่านี้ไม่ได้ทำกันในที่ลับตา”
(For the king knows about these things, and to him I speak boldly. For I am persuaded that none of these things has escaped his notice, for this has not been done in a corner.)
26:27 “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ฝ่าพระบาทเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะหรือไม่? ข้าพระบาททราบว่าฝ่าพระบาททรงเชื่อ”
(King Agrippa, do you believe the prophets? I know that you believe.)
26:28 “กษัตริย์อากริปปาจึงตรัสกับเปาโลว่า “เจ้าจะชวนเราเป็นคริสเตียน ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ หรือ?”
(And Agrippa said to Paul, “In a short time would you persuade me to be a Christian?“)
26:29 “เปาโลจึงทูลว่า “ไม่ว่าจะเป็นช่วงสั้นหรือยาว ข้าพระบาทก็อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า ไม่เพียงแต่ฝ่าพระบาทเท่านั้น แต่ทุกคนที่ฟังข้าพระบาทในวันนี้ จะเป็นเหมือนอย่างข้าพระบาท เว้นแต่เครื่องจำจองนี้”
(And Paul said, “Whether short or long, I would to God that not only you but also all who hear me this day might become such as I am—except for these chains.”)
26:30 “กษัตริย์กับผู้ว่าราชการเมือง พระนางเบอร์นิสและคนทั้งปวงที่นั่งอยู่ด้วยจึงลุกขึ้น”
(Then the king rose, and the governor and Bernice and those who were sitting with them.)
26:31 “เมื่อออกไปแล้วจึงพูดกันว่า “คนนี้ไม่ได้ทำอะไรที่สมควรจะถูกลงโทษถึงตายหรือจองจำไว้”
(And when they had withdrawn, they said to one another, “This man is doing nothing to deserve death or imprisonment.”)
26:32 “กษัตริย์อากริปปาจึงตรัสกับเฟสทัสว่า “ถ้าคนนี้ไม่ได้ถวายฎีกาถึงซีซาร์ก็ให้ปล่อยตัวเขาได้”
(And Agrippa said to Festus, “This man could have been set free if he had not appealed to Caesar.”)
ข้อมูลมีประโยชน์
26:1 “เราอนุญาตให้เจ้าแก้ข้อกล่าวหาให้ตัวเองได้” (You have permission to speak for yourself)
=กษัตริย์อากริปปาอนุญาต เพราะเฟสทัสมอบอำนาจให้พระองค์ไต่สวน
26:3 “เพราะฝ่าพระบาทมีความเชี่ยวชาญในบรรดาขนบธรรมเนียมและปัญหาต่าง ๆ ของพวกยิวเป็นอย่างยิ่ง”(because you are familiar with all the customs and controversies of the Jews)
= ในฐานะกษัตริย์อากริปปาเป็นผู้ดูแลควบคุมการคลัง และการใช้จ่ายของมหาปุโรหิต และแต่งตั้งมหาปุโรหิต และพระองค์ยังเป็นที่ปรึกษาในกิจการทางศาสนาให้แกโรมัน นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เฟสทัสประสงค์ให้อากริปปาไต่สวนคดีของเปาโล
26:5 “ดำเนินชีวิตตามสิทธิที่เคร่งที่สุดในศาสนา คือ เป็นพวกฟาริสี” (that according to the strictest party of our religion I have lived as a Pharisee) –ปท.กท.1:14;ฟป.3:4-6
26:6 “เรื่องความหวังในพระสัญญา” (hope in the promise ) = “มีความหวังในสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้” ในเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า พระเมสสิยาห์ และการเป็นขึ้นมาจากความตาย (ข.8)
26:8 “ทำไม…เป็นเรื่องเชื่อไม่ได้?” (Why is it thought incredible) = แม้ว่าเปาโลกำลังพูดกับอากริปปา แต่แท้จริงท่านพูดให้คน อื่น ๆ ฟังด้วย รวมทั้ง เฟสทัส และนายร้อย นายพัน ทั้งหลาย (21:31)
-อากริปปาเป็นพันธมิตรกับพวกสะดูสี เพราะทรงแต่งตั้งพวกเขาเป็นมหาปุโรหิต (พระองค์จึงอาจปฏิเสธเรื่องการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูด้วย)
26:10 “ข้าพระบาทก็เห็นดีด้วย” (I cast my vote against them) =ได้รับการแต่งตั้งให้ดำเนินการข่มเหงที่ท่านเต็มใจรับทำ (ข.12)
26:11 “บังคับเขาให้กล่าวคำหมิ่นประมาทพระเจ้า” (tried to make them blaspheme) =เปาโลเคยข่มเหงและพยายามบีบบังคับให้พวกคริสเตียนปฏิเสธและสาบแช่งพระเยซู หรือให้พยายามรับต่อหน้าสาธารณชนว่า พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งจะเป็นข้อหาหมิ่นประมาทพระเจ้าและต้องได้รับโทษถึงตาย
26:12 “ขณะที่ข้าพระบาทกำลังไปยังเมืองดามัสกัส” (In this connection I journeyed to Damascus)
=เปาโลได้เล่าประสบการณ์กลับใจมาเชื่อพระเยซูคริสต์ของเขาอีกครั้งหนึ่ง (9:1-19;22:4-21)
26:14 “ข้าพระบาทได้ยินพระสุรเสียง” ( I heard a voice) = “ได้ยินเสียงหนึ่ง” -9:7;22:9
“การที่เจ้าถีบประตักก็เจ็บตัวเจ้าเอง” (It is hard for you to kick against the goads) = “เป็นการยากที่เจ้าจะขัดขืนความประสงค์ของเรา”
= สำนวนภาษากรีกที่หมายความว่า “จะต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะทำไปก็มีแต่เจ็บตัวโดยไม่จำเป็น”
26:17 “ที่เราจะใช้เจ้าไปนั้น” ( I am sending you) = “เราจะส่งเจ้าไปหาพวกเขา”
= ไม่เพียงแต่ให้ไปหาชาวยิว แต่จะให้ไปหาคนต่างชาติด้วย (22:21;กท.15:16)
= พันธกิจของเปาโลมาจากพระเจ้า (กท.1:1)
26:18 “หันจากความมืดมาหาความสว่าง” ( turn from darkness to light) = คำเปรียบเทียบของเปาโล (รม.13:12;2คร.4:6;อฟ.5:8-14;คส.1:13;1ธส.5:5)
“จากอำนาจของซาตานมาหาพระเจ้า” (from the power of Satan to God) -มธ.16:23;1ยน.3:8
“ได้รับการชำระให้เป็นธรรมิกชน” (sanctified by faith in me) = ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ –1คร.1:2
26:20 “หันมาหาพระเจ้า และทำสิ่งที่แสดงถึงการกลับใจใหม่” (turn to God, performing deeds in keeping with their repentance.) = พิสูจน์การกลับใจใหม่ด้วยการกระทำ แม้การกระทำไม่ได้ทำให้ผู้ใดรอด แต่ก็เป็นเครื่องหมายสำคัญของการกลับใจใหม่ที่แท้จริง (ปท.3:19)
26:22 “บรรดาผู้เผยพระวจนะและโมเสส” ( the prophets and Moses) = พันธสัญญาเดิม (ลก.24:27,44)
26:23 “แก่พวกต่างชาติ” (to the Gentiles) –ปท.อสย.49:6
“โดยทรงเป็นผู้แรกที่เป็นขึ้นจากตาย” (by being the first to rise from the dead ) =ผลแรกของผู้ตายที่จะไม่ตายอีกเลย (1คร.15:20;คส.1:18)
26:24 “เปาโลเจ้าคลั่งไปเสียแล้ว” (you are out of your mind) = “เจ้าเสียสติไปแล้ว” (ยน.10:20;1คร.14:23)
= เฟสทัส ผู้ว่าฯ คิดว่าเปาโลเรียนมากไปทำให้เขาคลั่งในเรื่องคำพยากรณ์ และการเป็นขึ้นมาจากความตาย
26:26 “การเหล่านี้ไม่ได้ทำกันในที่ลับตา” (none of these things has escaped his notice) = ไม่ได้กระทำกันอย่างลับ ๆ
= ข่าวประเสริฐมีพื้นฐานมาจากเหตุการณ์จริง มีเวลาและสถานที่ตรงตามประวัติศาสตร์ ซึ่งกษัตริย์อากริปปาก็สามารถเป็นพยานรับรองความจริงที่เปาโลยืนยันได้
26:27 “ฝ่าพระบาทเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะหรือไม่?” (King Agrippa, do you believe the prophets)
=คำถามนี้ทำให้กษัตริย์อากริปปากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าพระองค์ตอบว่า “เชื่อ” เปาโลก็จะบีบให้ พระองค์ยอมรับคำของผู้เผยพระวจนะที่สำเร็จในพระเยซู แต่ถ้าพระองค์ตอบว่า “ไม่เชื่อ” พระองค์ก็จะมีปัญหากับพวกยิวที่เคร่ง ซึ่งเชื่อถือกับว่า พระวจนะทุกถ้อยคำล้วนเป็นพระวจนะของพระเจ้า
26:28 “เจ้าจะชวนเราเป็นคริสเตียนในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ หรือ?” (you persuade me to be a Christian?)
= “ในเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านี้ เจ้าจะชักชวนให้เราเป็นคริสเตียนให้ได้หรือ?”
= คำถามของอากริปปา ที่ต้องการบ่ายเบี่ยงคำถามของเปาโล และเป็นคำตอบต่อสิ่งที่พระองค์คาดเดาว่าเป็นคำถามที่เปาโลจะพูดหรือถามต่อไป
26:29 “เว้นแต่เครื่องจำจองนี้” (except for these chains) = เปาโลยังคงถูกล่ามโซ่ เป็นนักโทษอยู่ – กจ.21:23
26:31 “คนนี้ไม่ได้ทำอะไรที่สมควรจะถูกลงโทษถึงตายหรือจองจำไว้” (This man is doing nothing to deserve death or imprisonment) = เป็นคำตัดสินอย่างเป็นทางการของอากริปปาว่า เปาโลไม่มีความผิดอะไร
ปท. ความเห็นของเฮโรดกับปีลาตที่มีต่อกรณีของพระเยซูว่า พระองค์ไม่ได้มีความผิดอะไร (ลก.23:13-15)
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยมีโอกาสพิเศษในการเป็นพยานชีวิตหรือเป็นพยานให้พระเยซูคริสต์ครั้งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณหรือไม่? กับใคร? ที่ไหน? อย่างไร? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- คุณมีภูมิหลังชีวิตอย่างไรก่อนที่คุณมาเชื่อพระเยซูคริสต์?
- คุณมาเชื่อพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร? อะไรทำให้คุณยอมเชื่อศรัทาในพระองค์ (แบ่งปัน)
- คุณเคยกระทำอะไรที่คุณรู้สึกว่า โง่เง่าที่สุดในชีวิต? ทำไมคิดอย่างนั้น?
- คุณคิดว่าเหตุการณ์ใดหรือเรื่องราวใดที่เกิดในชีวิตของคุณ ที่คุณขอบคุณพระเจ้ามากที่สุด? ทำไม?
- คุณเคยถูกข่มเหงเพราะเป็นพยานหรือประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์หรือไม่? ที่รุนแรงที่สุดเป็นอย่างไร? แล้วคุณผ่านมาได้อย่างไร?
- คุณเคยถูกผู้ใดกล่าวหาว่าบ้าคลั่งหรือไม่? ในเรื่องอะไร? เพราะเหตุใด? แล้วเกิดผลกระทบอะไรบ้าง?
ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์