คำถาม : ”ทำไมการฟังจึงมีความสำคัญในการเป็นพยาน
หรือในการประกาศข่าวเสริฐ ที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการพูด?”
คำตอบ
“คริสเตียนจำนวนไม่น้อยต้องการเป็นพยานหรือประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ แต่ก็กลับทำให้โอกาสดีๆ เช่นนั้นหลุดหายไปหรือเสียไป เพียงเพราะไม่ตั้งใจฟัง หรือไม่สังเกตปฏิกิริยาของผู้รับสารของพวกเขา
นั่นคือ เรา ไวในการพูด แต่ไม่ไวในการฟัง!
ซึ่งตรงกันข้ามกับพระคัมภีร์ที่สอนเราว่า…
“พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ”
(Know this, my beloved brothers: let every person be quick to hear, slow to speak, slow to anger) (ยากอบ 1:19)
บางทีหากไม่พูดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอพูดเป็นพยานเสร็จก็มีศัตรูเพิ่มขึ้นทันที! แทนที่คนจะรับพระเยซูคริสต์ กลับทำให้คนปฏิเสธ และเกลียดพระเยซูไปเลยก็มี!
ทำไมการฟังจึงสำคัญ?
แท้จริงการ (รู้จัก)ฟัง มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อทุกแวดวง และในทุกสาขาวิชาชีพ ไม่ว่าจะในการบริหารจัดการ การโค้ช การเป็นพี่เลี้ยง การอำนวยความสะดวก การขาย การต่อรอง การตัดสินความ(คดี) การวิจัยการตลาดการประเมิน การสัมภาษณ์ การฝึกอบรม และการให้คำปรึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเป็นพยาน รวมทั้งการประกาศข่าวประเสริฐ(ที่เดิม เรียกว่า การประกาศพระกิตติคุณ)
การฟังที่ดีจึงนับว่าเป็นส่วนสำคัญของ
- กระบวนการการตัดสินใจ
- การแสวงหาข้อตกลง
- การขาย และการสร้างอิทธิพล
- การจัดการกับเสียงบ่นขอลูกค้า
- การได้รับ และการให้ข้อมูลต่างๆ
- การตอบคำถาม การโต้ตอบ และการอภิปราย
- การวิพากษ์วิจารณ์ และการแสดงความคิดเห็น (ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากัน 2 ต่อ 2 หรือผ่านช่องทางการสื่อสารอื่นๆ รวมทั้งทางอินเตอร์เน็ต ในโลกโซเชียลทั้งหลาย) ฯล
ดังนั้น เราต้องรู้จักรับฟังคำแนะนำ คำร้องเรียน คำวิพากษ์วิจารณ์ หรือแม้แต่คำบ่นว่า เพราะหากเรารู้จักฟังเราก็จะฉลาดและมีปัญญามากยิ่งขึ้น แต่หากเราเอาแต่พูด เราอาจกลายเป็นคนโง่ที่หลงคิดว่าตนฉลาด และนำไปสู่ปัญหา!
“ทางของคนโง่นั้นถูกต้องในสายตาของเขาเอง แต่คนมีปัญญาย่อมฟังคำแนะนำ” – สุภาษิต 12:15 THSV11
ด้วยเหตุนี้เอง อย่าด่วนพูด อย่าด่วนสรุป ตัดสินอะไร หรือรีบตัดสินผู้ใดก่อนฟังความครบด้าน อย่างครบถ้วน!
การฟัง จึงเป็น องค์ประกอบสำคัญของ นักพูด นักเทศน์ นักดำเนินรายการ พิธีกร และนักประกาศพระกิตติคุณของพระคริสต์ เมื่อต้องมีการสื่อสารแบบสองทางหรือหลายๆ ทาง เพราะหากเราฟังดี ฟังเป็น เราก็จะเข้าใจ และสามารถตอบได้จุใจ และได้ใจผู้รับฟังไปเต็มๆ!
เราจึงกล่าวได้ว่า…
ถ้าไม่ฟังก็ไม่รู้
ถ้าไม่ฟังให้ถี่ถ้วนก็ไม่เข้าใจ และ
ถ้าไม่ฟังให้ชัดเจนก็ตอบสนองความต้องการไม่ได้ถูกต้อง
แต่ถ้าฟังเป็น และฟังถูกต้อง พร้อมกับการรู้จักถามอย่างมีทักษะ ก็จะทำให้มีเนื้อหาข่าวสารที่เราสื่อนั้นทรงพลังต่อผู้รับฟัง ทำให้มีประสิทธิภาพ ในการเพิ่มอิทธิพล เพิ่มการโน้มน้าว และเพิ่มความพอใจในการให้บริการ รวมทั้งการรับใช้ ก่อเกิดความสำเร็จตามความต้องการ และตามเป้าหมายได้ดังประสงค์
ย้ำอีกครั้งว่า….การฟังที่ถูกต้องนั้น จะต้องมีการใส่ใจในความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้รับฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องที่มีความอ่อนไหว (อาจกระทบความรู้สึกของผู้รับฟัง) ต้องเป็นการฟังแบบ เอาใจเขามาใส่ใจเรา
- เป็นการฟังที่ไม่ใช่เฉพาะด้วยหูเท่านั้น แต่ด้วย ดวงตา และอากัปกิริยาทั้งหลายกาย อย่างจดจ่อ
- เป็นการฟังที่ก่อเกิดสัมพันธภาพ และมิตรภาพขึ้นในระหว่างผู้รับฟังและผู้พูด และยิ่งผู้ฟัง ที่รู้จักฟังนั้น รู้จักถามอย่างมีทักษะด้วย ก็จะยิ่งทำให้ผู้นั้นกลายเป็นนักพูดหรือนักสื่อสารที่เก่ง มีความเชี่ยวชาญที่จะนำการสนทนาไปสู่ ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
- ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ที่พระเยซูคริสต์ ต้องการก็คือ บุคคลที่มีคุณลักษณะดังกล่าว เป็น ผู้ที่รู้จักใส่ใจในคน และสนใจฟังอย่างถี่ถ้วน รู้จักแยกแยะ และสามารถจับประเด็นที่แท้จริงได้จากท่ามกลางประเด็นหลากหลาย
ผู้ประกาศหรือเป็นพยาน ที่มีความรู้ความเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าในพระคัมภีร์อย่างถี่ถ้วนก็จะสามารถตอบสนองผู้รับข่าวประเสริฐได้อย่างจุใจโดยเลือกข้อพระธรรมที่เหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ฟัง ทำให้ผู้รับสาร เปิดใจต่อ
พระวจนะของพระเจ้า และกลับใจใหม่ รับความรอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ ซึ่งปกติ เรามักพลาดโอกาสดีนี้ไป เพราะ เราเอาแต่พูด พูด และพูด ด้วยความกลัวว่าเขาจะไม่รู้หรือฟังไม่หมด แต่กลายเป็นว่า ยิ่งพูดมาก ผู้รับสารก็ยิ่งปิดหู ปิดใจ ไม่ยอมรับฟังเพราะ แม้เราจะพูดมากมายหลายคำ แต่ก็ไม่ตรงกับความสงสัย หรือปมปัญหาที่อยู่ในใจของเขา เป็นเหตุทำให้เขาสับสนหรือ รำคาญ จนทิ้งโอกาสที่จะรอดไปอย่างน่าเสียดาย
ฉะนั้น เราต้องรู้จักรับฟัง การเป็นพยานที่มีประสิทธิภาพจึงมีองค์ประกอบหลักๆ 2 อย่าง
- การฟังเป็น
- การพูดเป็น
กล่าวได้ว่า…
“การฟังด้วยท่าทีที่ทำให้คนอีกคนอยากพูด และการพูดด้วยลีลาที่ทำให้อีกคนอยากฟัง!”
ที่มาพร้อมกับข่าวประเสริฐที่นำความรอดมาให้ และพระวจนะของพระเจ้าที่นำการพัฒนาเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณมาให้ คือสิ่งที่ทั้ง ผู้ฟังและผู้พูดต้องการอย่างแท้จริง!
ยิ่งกว่านั้น… การพูดและการฟังของเราที่ควบคู่ไปกับแบบอย่างทีดีในชีวิตของเรา ก็จะยิ่งทำให้คนเปิดใจและรับความรอดง่ายขึ้นไปอีก!
“จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน
จงประพฤติสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ เพราะเมื่อทำอย่างนี้แล้ว
ท่านจะสามารถช่วยทั้งตัวท่าน และทุกคนที่ฟังท่านให้รอดได้”
~1 ทิโมธี 4:16 THSV11
ดังนั้น หากว่าคุณเอาใจใส่ ต่อชีวิต และคำพูดของคุณให้ดี คุณจะช่วยตัวคุณเองและคนที่คุณเป็นพยานด้วยให้ได้รับพร!
และนี่คือสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงประสงค์ จะได้จากคุณ
วันนี้ ..คุณมีชีวิตที่เป็นพร โดยมีทักษะในการฟัง และมีทักษะในการพูด ดังที่บรรยายมาแล้วหรือยัง?
ช่วยตอบที!
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr.ภาพ Unsplash.com)