คำพยานชีวิตของเปาโล
พระธรรม กิจการ 22:1-30
อ้างอิง กจ.2:38;3:13;5:34;6:9;7:2,52-60;8:3;9:2-17,26;16:30;21:20,33-40;
22:14-30; 23:1-11,28;25:24;26:5,13; 28:17;1คร15:8;ลนต8:6;
บทนำ ไม่ว่าเราคิดว่าเราสื่อสารชัดเจนมากสักแค่ไหน และเราได้จริงใจทุ่มเทเสียสละไปแล้วมากสักเท่าใดในการประกาศข่าวประเสริฐ แต่ผลที่ออกมาอาจไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเสมอไป และบางครั้งอาจนำไปสู่ภัยอันตรายที่คาดไม่ถึง
คุณเคยอยู่ในประสบการณ์เช่นนั้น บ้างหรือไม่? และคุณหวั่นไหวแค่ไหน?
บทเรียน
22:1 “นี่แน่ะ พี่น้องและท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย บัดนี้ขอฟังข้าพเจ้าแก้คดีต่อหน้าท่าน”
(“Brothers and fathers, hear the defense that I now make before you.”)
22:2 “เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินท่านพูดภาษาฮีบรู เขาก็ยิ่งนิ่งเงียบกว่าเก่า เปาโลจึงกล่าวว่า”
(And when they heard that he was addressing them in the Hebrew language, they became even more quiet. And he said)
22:3 “ข้าพเจ้าเป็นยิว เกิดในเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตขึ้นในเมืองนี้ เป็นศิษย์ของอาจารย์กามาลิเอล และได้รับการอบรมอย่างเคร่งครัดตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษของเรา จึงมีความกระตือรือร้นเพื่อพระเจ้าเช่นเดียวกับพวกท่านในเวลานี้”
(“I am a Jew, born in Tarsus in Cilicia, but brought up in this city, educated at the feet of Gamaliel according to the strict manner of the law of our fathers, being zealous for God as all of you are this day.)
22:4 “ข้าพเจ้าข่มเหงคนทั้งหลายที่ถือ ‘ทางนี้’ จนถึงตาย ทั้งยังจับพวกผู้ชายและผู้หญิงขังไว้ในคุก”
(I persecuted this Way to the death, binding and delivering to prison both men and women,)
22:5 “ตามที่มหาปุโรหิตกับสภาผู้อาวุโสสามารถเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้ถือหนังสือจากเขาทั้งหลายไปถึงพวกพี่น้องที่เมืองดามัสกัส และข้าพเจ้าเดินทางไปที่นั่นเพื่อจับพวกที่อยู่ในเมืองนั้นมัดมารับโทษที่กรุงเยรูซาเล็ม”
(as the high priest and the whole council of elders can bear me witness. From them I received letters to the brothers, and I journeyed toward Damascus to take those also who were there and bring them in bonds to Jerusalem to be punished.)
22:6 “และเมื่อข้าพเจ้ากำลังเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัสในเวลาประมาณเที่ยง ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากฟ้าส่องรอบข้าพเจ้า”
(“As I was on my way and drew near to Damascus, about noon a great light from heaven suddenly shone around me.)
22:7 “ข้าพเจ้าจึงล้มลงบนดินและได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?’”
(And I fell to the ground and heard a voice saying to me, ‘Saul, Saul, why are you persecuting me?’)
22:8 “ข้าพเจ้าจึงทูลตอบว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นใคร?’ พระองค์จึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งเจ้าข่มเหงนั้น’”
(And I answered, ‘Who are you, Lord?’ And he said to me,’I am Jesus of Nazareth, whom you are persecuting.’)
22:9 “คนทั้งหลายที่อยู่กับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่างแต่ไม่ได้ยินพระสุรเสียงที่ตรัสกับข้าพเจ้า”
(Now those who were with me saw the light but did not understand the voice of the one who was speaking to me.)
22:10 “ข้าพเจ้าจึงทูลถามว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องทำประการใด?’ พระองค์จึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้นเข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นเขาจะบอกเจ้าให้รู้ทุกสิ่งที่กำหนดให้เจ้าทำ’”
(And I said, ‘What shall I do, Lord?’ And the Lord said to me, ‘Rise, and go into Damascus, and there you will be told all that is appointed for you to do.’)
22:11 “เมื่อข้าพเจ้ามองอะไรไม่เห็นเพราะความสว่างจ้าของแสงนั้นพวกที่มากับข้าพเจ้าจึงจูงมือข้าพเจ้าพาเข้าไปในเมืองดามัสกัส”
(And since I could not see because of the brightness of that light, I was led by the hand by those who were with me, and came into Damascus.)
22:12 “มีคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เขาเป็นคนถือธรรมบัญญัติเคร่งครัดและมีชื่อเสียงดีในหมู่คนยิวที่อยู่ที่นั่น”
(“And one Ananias, a devout man according to the law, well spoken of by all the Jews who lived there,)
22:13 “เขามาหาข้าพเจ้าและมายืนใกล้ๆ กล่าวว่า ‘พี่เซาโลเอ๋ย จงมองเห็นได้อีกเถิด’ และทันใดนั้นข้าพเจ้าก็มองเห็น และข้าพเจ้าเห็นท่าน”
(came to me, and standing by me said to me, ‘Brother Saul, receive your sight.’ And at that very hour I received my sight and saw him.)
22:14 “ท่านจึงกล่าวว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงเลือกท่านเพื่อให้รู้จักพระทัยของพระองค์ ให้ท่านเห็นพระองค์ผู้ชอบธรรม และได้ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์”
(And he said, ‘The God of our fathers appointed you to know his will, to see the Righteous One and to hear a voice from his mouth)
22:15 “เพราะว่าท่านจะเป็นสักขีพยานของพระองค์ต่อคนทั้งปวงในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินนั้น”
(for you will be a witness for him to everyone of what you have seen and heard.)
22:16 “บัดนี้ท่านจะชักช้ารออยู่ทำไม? จงลุกขึ้นรับบัพติศมา รับการชำระบาปของท่าน โดยร้องทูลออกพระนามของพระองค์’”
(And now why do you wait? Rise and be baptized and wash away your sins, calling on his name.’)
22:17 “เมื่อข้าพเจ้ากลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม และขณะกำลังอธิษฐานอยู่ในพระวิหาร ก็เข้าสู่ภวังค์”
(“When I had returned to Jerusalem and was praying in the temple, I fell into a trance)
22:18 “ข้าพเจ้าเห็นพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงรีบออกไปจากกรุงเยรูซาเล็มโดยเร็ว เพราะพวกเขาจะไม่รับคำพยานของเจ้าเกี่ยวกับเรา’”
(and saw him saying to me,’Make haste and get out of Jerusalem quickly, because they will not accept your testimony about me.’)
22:19 “ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า คนเหล่านั้นทราบดีว่า ข้าพระองค์จับคนทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์ตามธรรมศาลาไปขังคุกและเฆี่ยนตี”
(And I said, ‘Lord, they themselves know that in one synagogue after another I imprisoned and beat those who believed in you.)
22:20 “และเมื่อเขาทำให้สเทเฟนสักขีพยานของพระองค์ต้องหลั่งเลือด ข้าพระองค์ก็ยืนอยู่ใกล้และเห็นชอบกับการกระทำนั้น ทั้งยังเฝ้าเสื้อผ้าให้กับพวกที่ฆ่าเขา’”
(And when the blood of Stephen your witness was being shed, I myself was standing by and approving and watching over the garments of those who killed him.’)
22:21 “แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงไปเถิด เราจะใช้เจ้าไปไกล ไปหาบรรดาคนต่างชาติ’ ”
(And he said to me, ‘Go, for I will send you far away to the Gentiles.'”)
22:22 “พวกเขาฟังเปาโลกล่าวมาถึงตอนนี้ ก็ร้องเสียงดังว่า “คนแบบนี้อยู่หนักแผ่นดิน มันไม่ควรมีชีวิตอยู่”
(Up to this word they listened to him. Then they raised their voices and said, “Away with such a fellow from the earth! For he should not be allowed to live.”)
22:23 “ขณะที่เขาทั้งหลายกำลังโห่ร้อง โยนเสื้อผ้าลงแสดงถึงความโกรธแค้นต่อการหมิ่นประมาทพระเจ้า และเอาผงคลีดินซัดขึ้นไปในอากาศ”
(And as they were shouting and throwing off their cloaks and flinging dust into the air,)
22:24 “นายพันสั่งให้พาเปาโลเข้าไปในกรมทหาร และสั่งให้ไต่สวนโดยการเฆี่ยน เพื่อจะรู้ว่าพวกเขาร้องปรักปรำท่านเพราะเหตุใด”
(the tribune ordered him to be brought into the barracks, saying that he should be examined by flogging, to find out why they were shouting against him like this.)
22:25 “เมื่อพวกเขาเอาเชือกหนังมัดเปาโล ท่านจึงถามนายร้อยซึ่งยืนอยู่ที่นั่นว่า “การเฆี่ยนคนสัญชาติโรมันก่อนตัดสินโทษนั้น ถูกต้องตามกฎหมายหรือ?”
(But when they had stretched him out for the whips, Paul said to the centurion who was standing by, “Is it lawful for you to flog a man who is a Roman citizen and uncondemned?”)
22:26 “เมื่อนายร้อยได้ยินจึงไปบอกนายพันว่า “ท่านกำลังจะทำอะไร? คนนั้นถือสัญชาติโรมัน”
(When the centurion heard this, he went to the tribune and said to him, “What are you about to do? For this man is a Roman citizen.”)
22:27 “นายพันจึงไปหาเปาโลถามว่า “เจ้าถือสัญชาติโรมันหรือ? จงบอกข้าซิ” เปาโลตอบว่า “ใช่แล้ว”
(So the tribune came and said to him, “Tell me, are you a Roman citizen?” And he said, “Yes.”)
22:28 “นายพันจึงกล่าวว่า “ข้าต้องเสียเงินมากมายกว่าจะได้สัญชาตินี้มา” เปาโลจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนสัญชาติโรมันโดยกำเนิด”
(The tribune answered, “I bought this citizenship for a large sum.” Paul said, “But I am a citizen by birth.”)
22:29 “พวกที่กำลังจะไต่สวนเปาโลจึงผละจากท่านไปทันที และเมื่อนายพันทราบว่า เปาโลเป็นคนสัญชาติโรมันก็ตกใจกลัวเพราะได้มัดท่านไว้”
(So those who were about to examine him withdrew from him immediately, and the tribune also was afraid, for he realized that Paul was a Roman citizen and that he had bound him.)
22:30 “วันรุ่งขึ้นนายพันอยากรู้ว่าพวกยิวกล่าวหาเปาโลเรื่องอะไร จึงปล่อยตัวเปาโล และสั่งให้พวกหัวหน้าปุโรหิตกับบรรดาสมาชิกสภาประชุมกัน แล้วพาเปาโลลงไปให้ยืนอยู่หน้าที่ประชุม”
(But on the next day, desiring to know the real reason why he was being accused by the Jews, he unbound him and commanded the chief priests and all the council to meet, and he brought Paul down and set him before them.)
ข้อมูลมีประโยชน์
22:1 “พี่น้องและท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย” (Brothers and fathers) =บางฉบับ แปลว่า “พ่อแม่พี่น้อง” -11:1
22:2 “ภาษาฮีบรู” ( Hebrew language ) = ภาษาอารเมค ~21:40
เมื่อเปาโลพูดเป็นภาษาของพวกยิว เขาก็ยิ่งนิ่งเงียบตั้งใจฟังมากกว่าเก่า
22:3 “ข้าพเจ้าเป็นยิว เกิดในเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลีเซีย” (I am a Jew, born in Tarsus in Cilicia ) = เปาโลเป็นพลเมืองทาร์ซัส (21:39) และยังเป็นพลเมืองโรมด้วย ทาร์ซัสห่างจากแม่น้ำซิดนัส 16 กม. และห่างจากเทือกเขาที่เรียกว่าประตูซิลีเซีย 48 กม. ทาร์ซัส เป็นศูนย์กลางการค้าและพาณิชย์ที่สำคัญ
“แต่เติบโตขึ้นในเมืองนี้” (brought up in this city) = เปาโลอยู่เยรูซาเล็มตั้งแต่เด็ก อาจมีความหมาย
=1) เปาโลเติบโตขึ้นในเมืองเยรูซาเล็มตั้งแต่เป็นเด็กและได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่านกามาลิเอล
2) เปาโลมาเยรูซาเล็มเมื่อโตพอจะรับการอบรมอย่างเคร่งครัดตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษ
“เป็นศิษย์ของอาจารย์กามาลิเอล” (educated at the feet of Gamaliel )
“กามาลิเอล” (Gamaliel ) = รับบีผู้เป็นที่เคารพนับถือมากที่สุดในศตวรรษที่1(และอาจเปนหลานของฮิลเลล) ~5:34-50
22:4 “ข้าพเจ้าข่มเหงคนทั้งหลายที่ถือ ‘ทางนี้’ จนถึงตาย” (I persecuted this Way to the death ) ~9:1-4
22:5 “มหาปุโรหิต” (the high priest ) =คายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตมากกว่า 20 ปี แต่ในตอนนี้คงสิ้นชีวิตไปแล้ว และมีอานาเนีย เป็นมหาปุโรหิตแทน (23:2)
“สภาผู้อาวุโส” (council of elders ) = สภาแซนเฮดริน -มก14:55
22:8 “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นใคร?” (‘Who are you, Lord?’ ) ~9:5
“ข่มเหงนั้น” ( persecuting ) -9:4
22:9 “ไม่ได้ยินพระสุรเสียงที่ตรัสกับข้าพเจ้า” ( not understand the voice of the one who was speaking to me ) = “ไม่เข้าใจความหมายของพระสุรเสียง” ทั้งๆ ที่ พวกเขาได้ยินเสียง (9:7)
22:12 “อานาเนีย เขาเป็นคนถือธรรมบัญญัติเคร่งครัด” ( Ananias, a devout man according to the law, well ) = ข้อมูลสำคัญต่อผู้ฟังที่เป็นยิวเหล่านี้ (ลก1 :6)
22:14 “เห็นพระองค์ผู้ชอบธรรม” (to see the Righteous) -เปรียบเทียบกับ 3:14;ลก.23:47
การได้เห็นพระเยซูคริสต์ผู้เป็นขึ้นมาจากความตายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตและพันธกิจของเปาโล (26:16;1คร9:1;15:8) ประสบการณ์นี้ทำให้ท่านเห็นความจริงแห่งข่าวประเสริฐ และกลายมาเป็นรากฐานศาสนศาสตร์ของเปาโล
22:16 “รับการชำระบาปของท่าน” ( wash away your sins ) = การชำระล้างบาปทั้งหลายของเรา
=บัพติสมาเป็นเครื่องหมายภายนอกที่แสดงกิจอันทรงพระคุณที่เกิดขึ้นภายใน แต่พิธีกรรมภายนอกไม่ได้เป็นบ่อเกิดแห่งพระคุณของพระเจ้าภายในตัวเรา -2:38;ทต3:5:1ปต.3:21;รม2:28-29;6:3-4;อฟ2:8-9; ฟป3:4-9)
22:17 “เมื่อข้าพเจ้ากลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม” (When I had returned to Jerusalem ) = การมาเยี่ยมเยือนที่กล่าวถึงใน กจ.9:26;กท.1:17-18
“ในพระวิหาร ก็เข้าสู่ภวังค์” ( the temple, I fell into a trance ) ปท.กับ เปโตร เข้าสู่ภวังค์ ~กจ10:10;11:15;ปท.2คร.12:3
=เปาโลไม่ได้หมิ่นประมาทพระวิหาร แต่กลับให้ความนับถืออย่างมากต่อไป
22:20 “เห็นชอบกับการกระทำนั้น” (approving ) = เปาโลต้องมีตำแหน่งฐานะ หรือบทบาทที่สำคัญไม่น้อย คงสามารถโน้มน้าวให้คนยอมเอาเสื้อผ้ามาฝากและออกไปฆ่าสเทเฟน
22:22 “คนแบบนี้อยู่หนักแผ่นดิน มันไม่ควรมีชีวิตอยู่” (For he should not be allowed to live ) = บางฉบับแปลว่า “กำจัดเขาเสียจากแผ่นดิน คนเช่นนี้ ไม่ควรมีชีวิตอยู่” ~กจ21:36;25:24
22:24 “นายพัน” (the tribune) -21:31
“กรมทหาร” (the barracks, ) -21:37
“สั่งให้ไต่สวนโดยการเฆี่ยน” ( saying that he should be examined by flogging ) = ไม่ใช่เฆี่ยนด้วย ไม้อย่างที่ฟิลิปปี (16:22-24) แต่เป็นแส้ที่ไร้ความเมตตาเป็นแส้หนังที่ทำด้วยสายหนังมัดรวมกันโดยมีชิ้นกระดูกหรือโลหะผูกติดไว้ที่ปลายสาย (ปท.มก.15:15)ใช้บีบบังคับให้คนต่าวด้าวหรือทาสรับสารภาพซึ่งเป็นเรื่องถูกกฏหมายแต่ใช้วิธีนี้ กับพลเมืองโรมไม่ได้
22:25 “พวกเขาเอาเชือกหนังมัดเปาโล” (they had stretched him out for the whip ) = พวกเขาจับเปาโลขึงภาษากรีกตอนนี้ หมายความถึงการจับคนมัดเข้ากับเสาเพื่อจะเฆี่ยน
“การเฆี่ยนคนสัญชาติโรมันก่อนตัดสินโทษนั้น ถูกต้องตามกฎหมายหรือ?” ( Is it lawful for you to flog a man who is a Roman citizen and uncondemned?) = ตาม กฎหมายโรมัน พลเมืองโรมทุกคนได้รับการประกันว่าเขาจะไม่ถูกลงโทษในลักษณะที่ทำให้เสื่อมศักดิ์ศรี เช่นถูกโบยตีด้วยไม้ เฆี่ยนด้วยแส้ และถูกตรึงที่กางเขน
22:28 “ข้าต้องเสียเงินมากมายกว่าจะได้สัญชาตินี้มา” ( “I bought this citizenship for a large sum) = ปกติจะมี 3 วิธีที่จะได้สัณชาติโรมันคือ
1.เกิดในครอบครัวชาวโรมัน
2.ซื้อด้วยราคาที่สูงมาก
3.ได้รับรางวัลจากการประกอบคุณงามความดีอย่างโดดเด่นให้แก่โรม
~ก่อนปี 171กคศ. ชาวยิวจำนวนมากเป็นพลเมืองของทาร์ซัส และในสมัย ปอมเปย์(106-46กคศ.) ชาวยิวเหล่านี้บางส่วนได้เป็นพลเมืองของโรมันด้วย
22:29 “ก็ตกใจกลัว” ( also was afraid) ~เทียบกับอาการของผู้ปกครองเมืองที่เมืองฟิลิปปี (16:38)
22:30 “นายพัน… จึงปล่อยตัวเปาโล” (all the council … set him before them. ) = เปาโลไม่ได้ถูกล่ามโซ่อีก ถ้าสภาแซนเฮดรินไม่ต้องการกักตัวเปาโล คาดว่าท่านอาจจะได้เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์
“หัวหน้าปุโรหิต” ( the chief priests ) = คนที่สืบเชื้อสายมาจากมหาปุโรหิต(ส่วนใหญ่เป็นพวกสะดูสี) ในเวลานี้ มีพวกฟาริสี อยู่มากพอควรในสภาฯ คนเหล่านี้ ก่อตั้งสภาปกครองของยิว ซึ่งรัฐบาลโรมให้ความนับถือแก่ศาลนี้ และให้ความเห็นชอบก่อนที่จะตัดสินลงโทษประหารชีวิต
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยชี้แจงเรื่องบางเรื่องกับคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังจะเล่นงานคุณบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร ทำไม? และคุณชี้แจงได้ดีหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยมีความร้อนรน ร้อนใจในเรื่องใดแบบทุ่มสุดตัวบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร และผลที่ตามมาอย่างไร?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเจ้าทรงเรียกคุณ แบบโดยตรงบ้างหรือไม่? ที่ไหน? เมื่อไร? และอย่างไร?
- คุณเริ่มต้นเชื่อและรับใช้พระเจ้าเมื่อไร? ทำไม?และ อย่างไร?
- คุณเคยอยู่ในสภาพที่ช่วยตัวเองไม่ได้บ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? เพราะอะไร?
- คุณเคยได้รับความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยรู้จักกันบ้างไหม? ในเรื่องอะไร? และเขาเป็นใคร? และเขาช่วยคุณอย่างไร?
- คุณเคยเห็นด้วยกับใครในการข่มเหงพวกคริสเตียน หรือคนอื่นบ้างหรือไม่? เขาเป็นใคร และในเรื่องอะไร?
- คุณเคยถูกคนปองร้ายหมายชีวิตบ้างหรือไม่? ทำไม? แล้วคุณรอดมาได้อย่างไร?
- คุณเคยรอดพ้นภัยเพราะสิทธิพิเศษในบางเรื่องหรือไม่? เรื่องอะไร? และอย่างไร?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer