“หากว่าฉันสามารถหยุดยั้งหัวใจดวงหนึ่งไม่ให้แตกสลาย ฉันก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างไร้ประโยชน์
หากว่าฉันสามารถบรรเทาความเจ็บปวดในชีวิตของใครคนใดคนหนึ่ง หรือ
หากว่าฉันสามารถช่วยบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ประดุจนกปีกหัก ให้กลับคืนรังของเขาได้อีกครั้ง
ก็นับว่าฉันไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่อย่างไร้ประโยชน์…”
(If I can stop one heart from breaking, I shall not live in vain:
If I can ease one life the aching, Or cool one pain,
Or help one fainting robin Unto his nest again. I shall not live in rain.)
–Emily Dickinson-
ผมชอบคำกล่าวของ อีมิลี ดิกคินสัน (Emily Dickinson) ข้างต้นมากทีเดียว!
ใช่ครับ! ชีวิตของเราจะไม่ไร้ประโยชน์หากว่าเราสามารถช่วยคนอื่นให้บรรเทาให้ผ่านหรือให้รอดพ้นจากความเจ็บปวดในชีวิตของเขาได้ น่าเสียดายที่คนบางคนต้องการอยู่ในโลกนี้โดยลำพัง เขาหวงแหนและปกป้อง “ความเป็นส่วนตัว” (Privacy) ของเขาอย่างสุดตัว เขาไม่ต้องการยุ่งกับใครและไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับเขาเช่นกัน!
โลกของเขาคือ โลกของเขาจริง ๆ เขาไม่คิดจะแบ่งพื้นที่ให้กับใครทั้งนั้น!
ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่เคยตระหนักถึงวัตถุประสงค์ในการดำรงชีวิตอยู่ของเขาตามเจตนารมณ์ของผู้ที่ทรงประทานร่างกายและลมหายใจให้แก่เขา! คนประเภทนี้ ทำให้ผมคิดถึงนิทานเรื่องม้ากับลา … เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของขี่ม้าและให้ลาบรรทุกของ วันหนึ่ง ลาบรรทุกสัมภาระหนักเกินจะแบกรับได้ จึงเดินโซเซไปมา ในขณะที่เจ้าของไม่อยู่ ลาก็ขอร้องม้าว่า…
“เธอช่วยฉันแบกสัมภาระบ้างได้ไหม?” แต่เจ้าม้าไม่ตอบสนอง
“หากเธอไม่ช่วยฉันลดภาระ ฉันคงจะตายแน่เลย!” เจ้าม้าก็ยังนิ่งเฉยไม่สนใจ
“ฉันไม่ได้แกล้งสำออยหรอกนะ…ฉันไม่ไหวจริงๆ ! หากว่าเธอช่วยแบ่งน้ำหนักไปสักหน่อยหนึ่ง เธอคงจะช่วยชีวิตของฉันได้แน่…”
แต่เจ้าม้าปฏิเสธโดยพูดว่า
“น่ารำคาญจริง เลิกบ่นได้แล้ว เจ้านายเขาให้แกแบก แกก็แบกต่อไปเองสิ เรื่องของแก ฉันไม่เกี่ยว!”
หลังจากนั้น ม้าก็เดินห่างออกไป แต่เดินต่อไปได้อีกสักครู่หนึ่ง ลาก็ล้มลงขาดใจตาย..
…อะไรเกิดขึ้นตามมานะหรือ? เจ้านายเอาสัมภาระทั้งหมดที่ลาแบกบรรทุกมา เอามาใส่ไว้บนหลังม้า และที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่ากว่านั้นก็คือ เจ้าม้าตัวนี้ต้องแบกซากศพของลาตัวนั้นด้วย!
พี่น้องที่รัก ในการอยู่ร่วมกันในสังคมนี้ คุณรู้ไหมว่าหากคุณไม่มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น ผลลัพธ์ที่ตามมาจะหนักหนาสาหัสต่อตัวของคุณเองอย่างเพิ่มทวีคูณในภายหลัง! อาทิ
…หากว่าในที่ทำงานมี 2 คนทำงานด้วยกัน ปรากฎว่าคนหนึ่งแบกภาระหนักไม่ไหว และคุณเป็นหนึ่งใน 2 คนนั้น แต่คุณไม่ช่วยแบ่งเบาภาระของเขา จนในที่สุดเขาทนไม่ได้ก็เลยลาออกไป… แล้วภาระที่มีอยู่จะตกอยู่กับใคร?
…หากในบ้านมี 2 คนอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งแบกภาระดูแลบ้าน (รวมทั้งเลี้ยงลูก) ซึ่งหนักจนแบกไม่ไหว และคุณเองเป็น 1 ใน 2 คนนั้น แต่คุณไม่ยอมช่วยแบ่งเบาภาระเขาเลย จนเขาทนไม่ไหวและขอแยกตัวไปจากคุณ.. แล้วคุณจะไม่ต้องแบกภาระนั้นโดยลำพังหรอกหรือ?
ในพระวจนะของพระเจ้าสอนเราว่า…
“จงช่วยรับภาระของกันและกัน ท่านจึงจะได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระคริสต์” (กาลาเทีย 6:2)
(Carry each other’s burdens, and in this way you will fulfill the law of Christ.)
ดังนั้น วันนี้ ขอให้คุณทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นในขณะที่คุณยังกระทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่อยู่ร่วมชีวิตหรือร่วมงานกับคุณ มิฉะนั้นวันหนึ่ง คุณอาจจะต้องรับผลอันไม่พึงประสงค์จากการทำตัวไร้ประโยชน์ของคุณ!
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
ข่าวประชาสัมพันธ์
- ใครที่ได้ไปชมมินิคอนเสิร์ตที่ลานหน้า Central World บ้าง … นอกจาก อ.ธงชัยของเราได้ขึ้นไปอธิษฐานอวยพรประเทศไทย และประเทศเฮติแล้ว เรายังได้พูดถึงความรักของพระเจ้า และร้องเพลงคริสเตียนถึง 2 เพลงทีเดียว มีเพลง “มอง” และเพลง “รักวิเศษ” – สรรเสริญพระเจ้า
- พรุ่งนี้อย่าตื่นสาย มาฟังคำเทศนาที่เต็มด้วยพลังจาก ศจ.กฤษฎา ชูสกุลธนะชัยนะคะ
- ใครจอดรถที่ บ.ยอห์นสัน ขอความกรุณาเอารถออกก่อน 6 โมงเย็น ห้ามจอดไว้จนดึกค่ะ ทาง บ.ยอห์นสันขอร้องมา
- อย่าลืมออธิษฐานเผื่อผู้เจ็บป่วยด้วยค่ะ – คุณแม่พี่แดง / คุณแม่น้องโบว์ / คุณบอยด์ ฯลฯ และอย่าลืมประเทศเฮติด้วย