Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

พระธรรมกิจการ บทเรียนที่ 25

เอเฟซัสที่น่าจดจำ!

พระธรรม กิจการ 19:1-41

อ้างอิง   กจ2:38;5:15;8:13;9:2,20-23;10:44;11:26;12:17;13:5;15:1;16:1,16;18:1-24;19:24,

28;20:4,16,31;21:34; ยน1:7;20:22;มก1:4;มธ12:27;รม2:22;15:24-28

บทนำ    การรับใช้พระเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือเรื่องเบาๆ เสมอไป บางครั้งเราอาจต้องเผชิญกับโจทย์ และโจทก์ที่ยากในการรับมือด้วย แต่ไม่ว่าจะพบเจออะไรขอให้เรามุ่งหน้าไปกับพระเจ้าด้วยความกล้าหาญพึ่งพาพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงนำและสถิตอยู่กับเราให้สามารถผ่านพ้นไปได้ในทุกสถานการณ์อย่างเกิดผลดี

บทเรียน
19:1 “ขณะที่อปอลโลยังอยู่ในเมืองโครินธ์ เปาโลเดินทางบกผ่านแคว้นฟรีเจียมายังเมืองเอเฟซัส ท่านพบสาวกบางคนที่นั่น”

   (And it happened that while Apollos was at Corinth, Paul passed through the inland country and came Ephesus. There he found some disciples.) 

19:2 “จึงถามเขาทั้งหลายว่า “เมื่อท่านทั้งหลายเชื่อนั้น ท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเปล่า?” พวกเขาตอบว่า “เปล่าเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเรายังไม่เคยได้ยินเลย” 

    (And he said to them, “Did you receive the Holy Spirit when you believed?” And they said, “No, we have not even heard that there is a Holy Spirit.”) 

19:3 “เปาโลจึงถามพวกเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายได้รับบัพติศมาอะไร?” พวกเขาตอบว่า “บัพติศมาของยอห์น”

    (And he said, “Into what then were you baptized?” They said, “Into John’s baptism.”)

19:4 “เปาโลจึงกล่าวว่า “ยอห์นให้รับบัพติศมาที่แสดงการกลับใจใหม่ และบอกคนทั้งปวงให้เชื่อในพระองค์ผู้จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซู” 

    (And Paul said, “John baptized with the baptism of repentance, telling the people to believe in the one who was to come after him, that is, Jesus.”) 

19:5 “เมื่อได้ยินอย่างนั้น พวกเขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า” 

    (On hearing this, they were baptized in the name of the Lord Jesus.)

19:6 “เมื่อเปาโลวางมือบนตัวพวกเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตกับพวกเขา พวกเขาจึงพูดภาษาแปลกๆ และเผยพระวจนะ” 

    (And when Paul had laid his hands on them, the Holy Spirit came on them, and they began speaking in tongues and prophesying.) 

19:7 “คนเหล่านั้นมีประมาณสิบสองคน”

    (There were about twelve men in all.)

19:8 “เปาโลเข้าไปในธรรมศาลาและกล่าวด้วยใจกล้าเป็นเวลาสามเดือน ถกปัญหาและชักชวนเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้า”

    (And he entered the synagogue and for three months spoke boldly, reasoning and persuading them about the kingdom of God.) 

19:9 “แต่บางคนมีใจแข็งกระด้างไม่ยอมเชื่อและพูดหยาบช้าเรื่อง “ทางนั้น”ต่อหน้าชุมนุมชน เปาโลจึงแยกจากพวกเขาและพาพวกสาวกไปด้วย แล้วท่านไปอภิปรายในห้องประชุมของท่านผู้หนึ่งชื่อทีรันนัสทุกวัน” 

    (But when some became stubborn and continued in unbelief, speaking evil of the Way before the congregation, he withdrew from them and took the disciples with him, reasoning daily in the hall of Tyrannus.) 

19:10 “ท่านทำเช่นนั้นติดต่อกันสองปีจนชาวแคว้นเอเชียทั้งพวกยิวและพวกกรีกได้ยินพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

    (This continued for two years, so that all the residents of Asia heard the word of the Lord, both Jews and Greeks.)

19:11 “พระเจ้าทรงทำอิทธิฤทธิ์ใหญ่หลวงด้วยมือของเปาโล” 

     (And God was doing extraordinary miracles by the hands of Paul) 

19:12 “จนเขานำผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อนที่ถูกต้องตัวเปาโลไปวางบนตัวของบรรดาคนเจ็บป่วยแล้วโรคก็หายและผีร้ายก็ออกจากเขา” 

     (so that even handkerchiefs or aprons that had touched his skin were carried away to the sick, and their diseases left them and the evil spirits came out of them.) 

19:13 “แต่พวกยิวบางคนที่เที่ยวเป็นหมอผี พยายามใช้พระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้ากับพวกที่มีผีเข้าว่า “ข้าสั่งเจ้าโดยพระเยซูผู้ที่เปาโลประกาศนั้น

     (Then some of the itinerant Jewish exorcists undertook to invoke the name of the Lord Jesus over those who had evil spirits, saying, “I adjure you by the Jesus whom Paul proclaims.”) 

19:14 “บุตรชายเจ็ดคนของเส-วาซึ่งเป็นหัวหน้าปุโรหิตคนหนึ่งของชาวยิวก็ทำอย่างนั้น” 

    (Seven sons of a Jewish high priest named Sceva were doing this.) 

19:15 “ผีร้ายจึงพูดกับพวกเขาว่า “พระเยซูนั้นข้าก็คุ้นเคย และเปาโลนั้นข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นใครกัน?”

    (But the evil spirit answered them, “Jesus I know, and Paul I recognize, but who are you?”) 

19:16 “แล้วคนที่มีผีสิงนั้นก็กระโดดใส่คนเหล่านั้นและต่อสู้เอาชนะพวกเขาจนเขาต้องหนีออกจากบ้านนั้นในสภาพเปลือยกาย และบาดเจ็บ” 

     (And the man in whom was the evil spirit leaped on them, mastered all of them and overpowered them, so that they fled out of that house naked and wounded.)

19:17 “เมื่อทุกคนที่อยู่ในเมืองเอเฟซัสทั้งพวกยิวกับพวกกรีกรู้เรื่องนี้ พวกเขาต่างมีความเกรงกลัว และพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญ” 

     (And this became known to all the residents of Ephesus, both Jews and Greeks. And fear fell upon them all, and the name of the Lord Jesus was extolled.) 

19:18 “มีหลายคนที่เชื่อแล้วมาสารภาพและเปิดเผยพฤติกรรมของพวกเขา” 

     (Also many of those who were now believers came, confessing and divulging their practices.) 

19:19 “และหลายคนที่ใช้เวทมนตร์คาถาเอาตำราของพวกตนมาเผาไฟเสียต่อหน้าคนทั้งปวง ตำราเหล่านั้นคิดเป็นเงินมีราคาถึงห้าหมื่นเหรียญเงิน” 

     (And a number of those who had practiced magic arts brought their books together and burned them in the sight of all. And they counted the value of them and found it came to fifty thousand pieces of silver.)

19:20 “พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็เกิดผลเจริญและมีอานุภาพยิ่ง”

     (So the word of the Lord continued to increase and prevail mightily.)

19:21 “เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้สิ้นสุดแล้ว เปาโลตั้งใจว่า หลังจากไปทั่วแคว้นมาซิโดเนียกับแคว้นอาคายาแล้ว จะเลยไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ท่านกล่าวว่า “หลังจากข้าพเจ้าไปที่นั่นแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องไปเห็นกรุงโรมด้วย” 

    (Now after these events Paul resolved in the Spirit to pass through Macedonia and Achaia and go to Jerusalem, saying, “After I have been there, I must also see Rome.”)

19:22 “ท่านจึงใช้ผู้ช่วยของท่านสองคนคือทิโมธีกับเอรัสทัสไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ส่วนท่านเองยังอยู่ในแคว้นเอเชียต่อไปอีกระยะหนึ่ง”

    (And having sent into Macedonia two of his helpers, Timothy and Erastus, he himself stayed in Asia for a while.)

19:23 “เวลานั้นเกิดการวุ่นวายอย่างยิ่งเพราะเหตุ “ทางนั้น” 

     (About that time there arose no little disturbance concerning the Way) 

19:24 “เพราะว่ามีช่างเงินคนหนึ่งชื่อเดเมตริอัสเอาเงินมาทำเป็นรูปจำลองวิหารของเจ้าแม่อารเทมิส ทำกำไรให้พวกช่างเงินเหล่านั้นอย่างมาก”

     (For a man named Demetrius, a silversmith, who made silver shrines of Artemis, brought no little business to the craftsmen.)

19:25 “เดเมตริอัสเรียกประชุมช่างเหล่านั้นพร้อมกับคนทั้งหลายที่ทำกิจการคล้ายกัน แล้วกล่าวว่า “นี่แน่ะ ท่านทั้งหลาย พวกท่านทราบอยู่แล้วว่าเราได้ทรัพย์สินเงินทองมาเพราะกิจการนี้” 

    (These he gathered together, with the workmen in similar trades, and said, “Men, you know that from this business we have our wealth.)

19:26 “และพวกท่านก็ได้เห็นและได้ยินแล้วว่า ไม่ใช่เฉพาะในเมืองเอเฟซัสเมืองเดียว แต่เกือบทั่วแคว้นเอเชีย ที่เปาโลคนนี้ได้เกลี้ยกล่อมและชักนำคนจำนวนมากให้เลิกทางเก่า โดยกล่าวว่ารูปพระที่มือมนุษย์ทำนั้นไม่ใช่พระเจ้า” 

    (And you see and hear that not only in Ephesus but in almost all of Asia this Paul has persuaded and turned away a great many people, saying that gods made with hands are not gods.)

19:27 “น่ากลัวว่าไม่ใช่แต่อาชีพของเราจะเสียไปอย่างเดียว แต่วิหารของเจ้าแม่อารเทมิสซึ่งเป็นใหญ่จะเป็นที่หมิ่นประมาทด้วย และพระนางเองผู้เป็นที่นับถือของบรรดาชาวแคว้นเอเชียกับคนทั่วโลกจะตกต่ำสิ้นศักดิ์ศรี

     (And there is danger not only that this trade of ours may come into disrepute but also that the temple of the great goddess Artemis may be counted as nothing, and that she may even be deposed from her magnificence, she whom all Asia and the world worship.”)

19:28 “เมื่อคนทั้งหลายได้ยินอย่างนั้น ต่างฉุนเฉียวและร้องว่า “เจ้าแม่อารเทมิสของชาวเอเฟซัสเป็นผู้ยิ่งใหญ่” 

     (When they heard this they were enraged and were crying out, “Great is Artemis of the Ephesians!”)

19:29 “แล้วเกิดความวุ่นวายทั่วทั้งเมือง พวกเขาจึงพร้อมใจกันวิ่งและลากกายอัสกับอาริสทารคัสชาวมาซิโดเนียเพื่อนร่วมเดินทางของเปาโลเข้าไปในเวทีมหรสพ”

     (So the city was filled with the confusion, and they rushed together into the theater, dragging with them Gaius and Aristarchus, Macedonians who were Paul’s companions in travel.)

19:30 “เปาโลต้องการจะเข้าไปในกลุ่มคนด้วย แต่พวกสาวกไม่ยอมให้ท่านเข้าไป” 

     (But when Paul wished to go in among the crowd, the disciples would not let him.) 

19:31 “แม้แต่บางคนในพวกหัวหน้าศาสนาประจำแคว้นเอเชียซึ่งเป็นเพื่อนของเปาโล ก็ใช้คนไปวิงวอนเปาโลไม่ให้เข้าไปในเวทีมหรสพ” 

     (And even some of the Asiarchs, who were friends of his, sent to him and were urging him not to venture into the theater.) 

19:32 “เวลานั้นบางคนตะโกนว่าอย่างนี้ บางคนตะโกนว่าอย่างนั้น เพราะว่าที่ประชุมวุ่นวายมาก และคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามาประชุมกันเรื่องอะไร”

     (Now some cried out one thing, some another, for the assembly was in confusion, and most of them did not know why they had come together.) 

19:33 “บางคนในฝูงชนก็ให้คำแนะนำแก่อเล็กซานเดอร์คนที่ถูกพวกยิวผลักให้ออกมาข้างหน้า อเล็กซานเดอร์จึงโบกมือและพยายามจะแก้ต่างต่อหน้าประชาชน” 

     (Some of the crowd prompted Alexander, whom the Jews had put forward. And Alexander, motioning with his hand, wanted to make a defense to the crowd.)

19:34 “แต่เมื่อคนทั้งหลายรู้ว่าเขาเป็นคนยิว พวกเขายิ่งส่งเสียงร้องพร้อมกันอยู่ประมาณสองชั่วโมงว่า “เจ้าแม่อารเทมิสของชาวเอเฟซัสเป็นผู้ยิ่งใหญ่

     (But when they recognized that he was a Jew, for about two hours they all cried out with one voice, “Great is Artemis of the Ephesians!”)

19:35 “เมื่อเลขานุการสภาเมืองทำให้ฝูงชนเงียบลงแล้วจึงกล่าวว่า “นี่แน่ะ ท่านชาวเอเฟซัส มีใครบ้างที่ไม่ทราบว่าชาวเมืองเอเฟซัสนี้เป็นผู้ดูแลวิหารของเจ้าแม่อารเทมิสผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้ดูแลรูปที่ตกลงมาจากฟ้า?” 

     (And when the town clerk had quieted the crowd, he said, “Men of Ephesus, who is there who does not know that the city of the Ephesians is temple keeper of the great Artemis, and of the sacred stone that fell from the sky?)

19:36 “ในเมื่อไม่มีใครปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ได้ ท่านทั้งหลายควรอยู่ในความสงบ อย่าทำอะไรวู่วามไป”

    (Seeing then that these things cannot be denied, you ought to be quiet and do nothing rash.) 

19:37 “ท่านทั้งหลายพาคนเหล่านี้มา ซึ่งไม่ได้เป็นพวกปล้นพระวิหารหรือพูดหมิ่นประมาทพระของเราแต่อย่างใด” 

     (For you have brought these men here who are neither sacrilegious nor blasphemers of our goddess.) 

19:38 “เพราะฉะนั้น ถ้าเดเมตริอัสกับพวกช่างที่มีอาชีพอย่างเดียวกันมีเรื่องกับใคร วันกำหนดว่าความก็มี ผู้พิพากษาก็มีให้พวกเขาไปฟ้องกันเองเถิด”

     (If therefore Demetrius and the craftsmen with him have a complaint against anyone, the courts are open, and there are proconsuls. Let them bring charges against one another.) 

19:39 “ถ้าพวกท่านมีข้อหาอย่างอื่นอีก ก็ให้ตกลงกันในที่ประชุมสามัญ” 

      (But if you seek anything further, it shall be settled in the regular assembly.)

19:40 “เพราะเราตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกฟ้องว่าเป็นผู้ก่อการจลาจลในวันนี้ เนื่องจากเราไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะเป็นเหตุผลเพียงพอสำหรับความวุ่นวายครั้งนี้” 

     (For we really are in danger of being charged with rioting today, since there is no cause that we can give to justify this commotion.)

19:41 “เมื่อกล่าวอย่างนั้นแล้ว ท่านจึงให้เลิกชุมนุม”

     (And when he had said these things, he dismissed the assembly.)

ข้อมูลมีประโยชน์

19:1     “ขณะที่อปอลโลยังอยู่ในเมืองโครินธ์”  (while Apollos was at Corinth) = อปอลโล ปรากฏครั้งแรกที่เอเฟซัส

            (18:24)ตอนที่เปาโลไม่อยู่ เขาย้ายไปโครินธ์ก่อนเปาโลกลับเอเฟซัส ต่อมาอปอลโลกลับมาเอเฟซัสตอนที่เปาโลอยู่ที่นั่น(1คร16:12)
            “เปาโลเดินทางบก” ( Paul passed through the inland country ) = ตามถนนที่ผ่านดินแดนด้านใน เป็นเส้นทางฟรีเจียตอนบนเข้าสู่เอเฟซัสจากทางเหนือ   (16:6;18:23)
            “พบสาวกบางคนที่นั่น”  (There he found some disciples) = ผู้ชายประมาณ 12 คน (19:7) ดูเหมือนจะเป็นสาวกพระเยซูทางอ้อม ผ่านทางยอห์นผู้ให้บัพติศมา(หรือสาวกของยอห์น)หรือจากอปอลโล ตอนที่เขายังเข้าใจเรื่องราวของพระเยซูบางส่วน(18:25-26) พวกเขาจึงมีความเข้าใจในข่าวประเสริฐจำกัดอย่างอปอลโล

19:2   “เมื่อท่านทั้งหลายเชื่อนั้นท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเปล่า?” (Did you receive the Holy Spirit when you believed?) = เปาโลพบว่า พวกผู้เชื่อที่เอเฟซัส ยังไม่เคยได้ยินเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์เลย (19:3-6) 

            พวกเขาตอบว่า “เปล่า เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเรายังไม่เคยได้ยินเลย” เปาโลจึงถามพวกเขาว่า

            “ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายได้รับบัพติศมาอะไร?” พวกเขาตอบว่า

19:4     “บัพติศมาของยอห์น” (John baptized)= -มธ3:11,15 = บัพติศมาที่แสดงการกลับใจใหม่ และบอกคนทั้งปวงให้เชื่อในพระองค์ผู้จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซู ผู้ทรงทำให้การอภัยบาปเกิดขึ้น (มก1:4) เมื่อได้ยินอย่างนั้น พวกเขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า 

19:6     “เปาโลวางมือบนตัวพวกเขา” (Paul had laid his hands on them) -6:6  = การวางมือมีความหมายหลายอย่างในพระคัมภีร์ เช่น ในพระคัมภีร์เดิม หมายถึง
            1.เพื่ออวยพร~ปฐก48:13-20   2.เพื่อส่งผ่านความผิดบาปจากคนบาปไปยังแท่นบูชา~ลนต1:4  3.เพื่อมอบหมายความรับผิดชอบ~กดว27:23

ในพระคัมภีร์ใหม่ หมายถึง
            1.เพื่อ(ให้พระเจ้า)รักษาโรค~กจ28:8;มก1:41        2.เพื่ออวยพร~มก10:16
            3.เพื่อแต่งตั้งหรือสถาปนาให้ทำงาน~กจ6:6;13:3;1ทธ5:22
            4.เพื่อยืนยัน(การที่พระเจ้ามอบ)ของประทานฝ่ายวิญญาณ~กจ8:17;19:6;1ทธ4:14;2ทธ1:6

 “พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตกับพวกเขา พวกเขาจึงพูดภาษาแปลกๆ และเผยพระวจนะ”

 (the Holy Spirit came on them, and they began speaking in tongues and prophesying. )

 = ประสบการณ์เดียวกับพวกสาวกได้รับในวันเพ็นเทคอสต์ (2:4,11)  และคนต่างชาติได้รับในซีซารียา(10:46)

19:8     “สามเดือน” (three months)= เปาโลใช้เวลาที่เมืองเอเฟซัสนี้นานมากกว่าที่อื่น ๆ เช่น ที่เธสะโลนิกา 3 สัปดาห์  (17:2)

19:9     “ทางนั้น”  ( the Way)~ดู9:2
            “ห้องประชุมของท่านผู้หนึ่งชื่อทีรันนัส” (in the hall of Tyrannus.) = อาจเป็นโรงเรียนที่ทิรันนัสผู้เป็นนักปรัชญาและนักพูดใช้เป็นประจำเปาโลคงใช้ในช่วงเวลาที่ห้องว่าง และอากาสร้อน(บางฉบับบอกว่าเปาโลสอนช่วงเวลา 11.00-16.00 น.สอนทุกวัน

19:10 “ติดต่อกันสองปี” (This continued for two years,) = รวมเวลาทั้งหมดราว ๆ 2 ปี +3 เดือน (19:8) เป็นการปักหลักประกาศในที่เดียวที่ยาวนานที่สุดของเปาโล แต่คนยิวนำเศษของปีเป็น  1 ปี จึงกล่าวได้ว่าเปาโลใช้เวลาประกาศข่าวประเสริฐที่เอเฟซัสเป็นเวลา 3 ปี          

“จนชาวแคว้นเอเชียทั้งพวกยิวและพวกกรีกได้ยินพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (so that all the residents of Asia heard the word of the Lord, both Jews and Greeks.) = เปาโลมียุทธศาสตร์ในการประกาศ โดยมุ่งทุ่มเทประกาศในเมืองใหญ่ และตั้งคริสตจักรเป็นศูนย์กลางให้ข่าวประเสริฐแพร่ออกไปในบริเวณโดยรอบเช่น ที่ทำกับในเมือง

                        1.อันทิโอก ในปิสีเดีย-13:14          2.เธสะโลนิกา-17:1
                        3.เอเธนส์-17:15                           4.โครินธ์-18:1

19:12   “ผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อน” (handkerchiefs or aprons) = อาจเป็นผ้าผืนหนึ่งที่เปาโลใช้พันศีรษะและอีกผืนหนึ่งใช้พันรอบเอวในเวลาที่ ท่านเย็บเต็นท์ (5:15) -เขาเอาไปวางบนตัวคนเจ็บป่วย โรคก็หายและผีร้ายก็ออก

19:14   “เส-วา” (Sceva) = หัวหน้าปุโรหิตคนหนึ่งของชาวยิว ที่อาจเกี่ยวข้องกับมหาปุโรหิตในกรุงเยรูซาเล็ม หรือไม่เกี่ยว แต่อุปโลกน์ตัวเองขึ้นมาในตำแหน่งนี้ เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้อื่น และอยากเพิ่มขึ้นอีกโดยการพยายามเลียนแบบเปาโลในการขับวิญญาณชั่วให้ออกจากคน (8:9-24;13:6)

19:19   “เอาตำราของพวกตนมาเผาไฟเสียต่อหน้าคนทั้งปวง” (brought their books together and burned them in the sight of all) = ตำราเวทมนต์ลี้ลับต่างๆ เหล่านั้นคิดเป็นเงินมีราคาถึงห้าหมื่นเหรียญเงิน (แดรกม่า) เป็นที่นิยม เพราะเอเฟซัสเป็นศูนย์กลางการใช้เวทย์มนต์คาถา

19:20   “พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็เกิดผลเจริญและมีอานุภาพยิ่ง” (the word of the Lord continued to increase and prevail mightily.) =กจ6:7;12:24;13:48

19:21   “แคว้นมาซิโดเนียกับแคว้นอาคายา” (Macedonia and Achaia ) = แคว้นทั้ง 2 ของโรมันที่ทำให้ประเทศกรีซถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน (รม15:26;1ธส1:7;ฟป4:15) โดยมีมาซิโดเนียอยู่ทางตอนเหนือ เป็นที่ตั้งของเมืองเบโรอา เธสะโลนิกา และฟิลิปปี

19:22   “ทิโมธีกับเอรัสทัส” (Macedonia and Achaia) = ทิโมธี (กจ16:1) เป็นศิษย์และผู้ช่วยคนสำคัญของเปาโล เอรัสทัสเคยเป็นคนสำคัญที่โครินธ์  คืออยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่า  “ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะของเมือง” (รม16:23) ต่อมามาอยู่ที่เมืองโครินธ์ด้วย (2ทธ4:20) เพิ่งกลับไปโครินธ์ทางมาซิโดเนีย พร้อมทิโมธี

19:23   “ทางนั้น” (the Way) = กจ9:2

คำว่า ‘ทางนั้น’ เดิมเป็นคำที่ใช้เรียกคริสตศาสนา พวกคริสเตียนคือพวกที่เชื่อถือ ในทางนั้นซึ่งก็หมายถึงองค์พระเยซู  (ยน14:1;กจ16:17;18:25-26;19:9,23;22:424:14,22;2ปต2:2)

19:24   “ช่างเงินคนหนึ่งชื่อเดเมตริอัส” (a man named Demetrius, a silversmith) = อาจเป็นผู้นำ หรือหัวหน้าสมาคมผู้ผลิตหรือผู้ค้าสถานบูชาหรือรูปจำลองและรูปเคารพที่ทำกำไรให้กับพวกเขา
            “เจ้าแม่อารเทมิส” (silver shrines of Artemis)=เป็นชื่อกรีกของเทพเทวีไดอาน่าของโรมัน แต่เทพเทวรอารเทมิส ของเอเฟซัสแตกต่างจากของกรีกและโรม เพราะมีลักษณะของไซเบเล เทพมารดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งได้นับการนมัสการกันในเอเชียน้อย และยังมีโสเภณีรับใช้เป็นเทวีทาส เทวรูปอารเทมิสมีทรวงอกที่มีถันมากมายอ้างว่าเป็นผลงานตกลงมาจากสวรรค์ (ข.35) จึงเชื่อกันว่าน่าจะสร้างจากหินดาวตก มีการพยเทวรูปจำลองจากของเดิมในสมัยจักรพรรดิโดมิเชียน (คศ.81-96) พบในเอเฟซัส

19:25   “ทำกำไรให้พวกช่างเงินเหล่านั้นอย่างมาก” (business we have our wealth) = วิหารอารเทมิสเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ มีผู้คนมากมายเดินทางมาเยี่ยมชม และซื้อแท่นบูชาจำลองกับเทวรูปเงินกลับไปจำนวนมาก ทำให้เป็นแหล่งรายได้มหาศาลของคนกลุ่มอาชีพนี้

19:27   “วิหารของเจ้าแม่อารเทมิสซึ่งเป็นใหญ่” (but also that the temple of the great goddess Artemis)

= วิหารของเจ้าแม่อารเทมิสเป็นหน้าเป็นตาของเอเฟซัส ยาว 129.5 เมตร มีเสาหินอ่อนสีขาว สูง 18.9 เมตร จำนวน 127 ต้นเรียงกัน แต่ละต้นห่างกันไม่ถึง 1.2 เมตร ในห้องนมัสการขั้นในเป็นที่ตั้งของเทวรูปที่มีทรวงอกเต็มด้วยถันจำนวนมาก

19:29   “กายอัสกับอาริสทารคัสชาวมาซิโดเนีย” (Gaius and Aristarchus, Macedonians) = กายอัสมาจากมาซิโดเนีย (กจ20:4;รม16:23;1คร1:14) และอาริสทารคัส (กจ27:2;คส4:10;ฟม24) ต่อมาเขาร่วมเดินทางกับเปาโลจากโครินธ์ไปยังเยรูซาเล็ม (20:3-4) และยังเดินทางจากเยรูซาเล็มไปโรมด้วย

19:31   “บางคนในพวกหัวหน้าศาสนาประจำแคว้นเอเชียซึ่งเป็นเพื่อนของเปาโล” (some of the Asiarchs, who were friends of his) = บางฉบับแปลว่า เจ้าหน้าที่บางคนของแคว้นนั้น

=ภาษากรีก ใช้คำว่า “อาซิยารคอน” หมายถึงสมาชิกสภา บุรุษผู้มั่งคั่งและทรงอิทธิพลซึ่งได้รับการเลือกตั้งเพื่อส่งเสริมการนมัสการจักรพรรดิ
            -น่าสนใจที่เปาโลมีเพื่อนเป็นคนในแวดวงชั้นสูงเช่นนี้

19:33   “อเล็กซานเดอร์” (Alexander ) =คนที่ถูกพวกยิวผลักให้ออกมาข้างหน้า อาจเพราะพวกยิวต้องการปกป้องตัวเองว่าพวกเขา ไม่เกี่ยวข้องกับพวกคริสเตียน แต่แล้วฝูงชนก็ตระหนักว่าพวกยิวก็ไม่ได้นมัสการเทวีอารเทมิสเช่นกัน จึงไม่ได้แตกต่างจากพวกคริสเตียนเลย

19:35   “เลขานุการสภาเมือง” (the town clerk) = บางฉบับแปลว่า “เจ้าหน้าที่ของเมืองนั้น”  ถือเป็นเจ้าที่ท้องถิ่นที่ สำคัญที่สุดที่ทำหน้าที่เลขาธิการเป็นประธานบริหารสูงสุดของที่ประชุมแถลงผลการประชุมของเมือง เป็นผู้ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ของเอเฟซัสกับโรม

19:38   “วันกำหนดว่าความก็มี ผู้พิพากษาก็มี ให้พวกเขาไปฟ้องกันเองเถิด”  ( the courts are open, and there are proconsuls. Let them bring charges against one another ) = เอเฟซัสเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอเชีย มีสำนักงานใหญ่สำหรับผู้ตรวจการที่พร้อมรับเรื่องที่ร้องเรียนหรือฟ้องร้องได้เสมอ

19:39   “ในที่ประชุมสามัญ” (in the regular assembly) =ที่ประชุมตามกฏหมาย เป็นการประชุมสามัญของเมืองที่จัดขึ้นเดือนละ 3 ครั้ง

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วหรือยัง? ทำไมคุณคิดเช่นนั้น? ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและการรับใช้ของคุณอย่างไรบ้างหรือไม่?
  2. คุณเข้าใจคำว่า “บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ” อย่างไรบ้าง? (มธ.3:11) เกี่ยวข้องอะไรกับพระธรรมในตอนนี้บ้าง? อย่างไร? คุณได้รับบัพติศมาทั้ง 2 อย่างนั้นแล้วหรือยัง? ทำไม? และอย่างไร?
  3. ผู้เชื่อทุกคนต้องพูดภาษาแปลกๆ และเผยพระวจนะหรือไม่? ทำไม?
  4. ทำไมอาจารย์เปาโลใช้เวลายาวนานถึง 3 เดือนในการถกปัญหาและชักชวนเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้าในธรรมศาลา และใช้เวลา 2 ปีอภิปรายในห้องประชุม? คุณเคยทำอะไรคล้ายๆ อย่างที่ท่านทำหรือไม่? แล้วมีผลอะไรตามมา?
  5. คุณเคยเห็นการอัศจรรย์ เช่นคนหายโรค หรือ ผีออกจากตัวเขาหรือตรงกันข้าม คุณเคยเห็นผีทำร้าย ผู้ใดบ้างหรือไม่ (ทั้งๆที่เขาอ้างนามของพระเยซู) ที่ไหน และอย่างไร?
  6. คุณเคยเชื่อหรือใช้เวทมนตร์คาถาในเรื่องใดบ้างหรือไม่? ผลเป็นอย่างไร? แล้วคุณ ละเลิกสิ่งเหล่านั้นได้หรือไม่ อย่างไร?
  7. คุณเคยประสบกับการต่อต้านในการประกาศข่าวประเสริฐหรือไม่ เพราะเหตุใด ที่ไหน อย่างไร? (ประสบการณ์ที่ร้ายแรงหรือเลวร้ายที่สุดในชีวิตที่คุณประสบคืออะไร?)
  8. คุณเคยนับถือหรือบูชารูปเคารพใดบ้าง? ทำไม?และส่งผลอะไรต่อคุณบ้าง? แล้วคุณละเลิกการกราบไหว้บูชาสิ่งเหล่านั้น และจัดการกับสิ่งเหล่านั้น อย่างไรบ้าง? เมื่อคุณมานับถือพระเจ้าแล้ว

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.