วันสะบาโตคือ?
ถาม: “วันสะบาโตคือวันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์? และวันสะบาโต สำคัญอย่างไร?
ตอบ: ตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล วันสะบาโตปรากฏครั้งแรกในพระธรรมปฐมกาล เมื่อพระเจ้าบัญชาให้ถือรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ และพระเจ้าอวยพรวันสะบาโตที่ถือว่าเป็นวันที่เจ็ด(ซึ่งคนยิวถือว่า เป็นวันเสาร์) ซึ่งพระเจ้ากำหนดให้เป็นวันที่เราจะพัก ทั้งทางกาย จิต และวิญญาณ
“วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงกระทำ” ~ปฐมกาล 2:2-3 THSV11
“จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงทำงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นห้ามทำงานใดๆ ไม่ว่าเจ้าเอง หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ใช้งานของเจ้า หรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า เพราะในหกวันพระยาห์เวห์ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงอวยพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์” ~อพยพ 20:8-11 THSV11
ต่อมาชาวยิวใช้เป็นวันที่พวกเขานมัสการพระเจ้าร่วมกันในพระวิหาร ณ กรุงเยรูซาเล็ม หรือในธรรมศาลาตามเมืองต่างๆ และในช่วงเริ่มต้นของชุมชนคริสตจักรนั้น คริสเตียนยังคงไปนมัสการกันที่พระวิหาร และที่ธรรมศาลาในวันเสาร์เป็นประจำ
ถาม: “แล้วทำไมคริสเตียนจึงไปนมัสการในวันอาทิตย์แทนวันสะบาโตเดิมที่เป็นวันเสาร์?”
ตอบ: “เหตุผลที่คริสเตียนในเวลาต่อมาเริ่มหันมานมัสการพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ในวันอาทิตย์นั้น แม้มีหลายเหตุผล แต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ พระเยซูคริสต์ถูกจับถูกทรมานตั้งแต่ในคืนวันพฤหัส จนถึงเช้าวันศุกร์ต่อด้วยการถูกตรึงทรมานจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนในราวบ่าย 3 วันศุกร์นั้น และจากนั้นพวกเขานำพระศพไปฝังไว้ในอุโมงค์จนตลอดวันเสาร์ จนกระทั่งเช้าตรู่วันอาทิตย์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากตาย (โดยมีพยานบุคคลหลายคน) การเปลี่ยนการนมัสการพระเจ้าจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์จึงสมเหตุสมผลมากขึ้น เพราะว่าพระศพของพระเยซูคริสต์ยังคงอยู่ในอุโมงค์ในวันเสาร์ แต่พระองค์ทรงพิชิตความตายและเป็นขึ้นจากตายแล้วตั้งแต่เช้าตรู่ของวันอาทิตย์
“ตั้งแต่เช้ามืดของวันอาทิตย์ พวกผู้หญิงก็นำเครื่องหอมที่จัดเตรียมไว้มาถึงอุโมงค์ พวกนางพบว่าก้อนหินกลิ้งออกจากปากอุโมงค์แล้ว และเมื่อเข้าไปหาก็ไม่พบพระศพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ขณะกำลังฉงนสนเท่ห์เพราะเหตุการณ์นั้น นี่แน่ะ มีชายสองคนยืนอยู่ใกล้พวกนาง เครื่องนุ่งห่มแพรวพราวจนพร่าตา ผู้หญิงเหล่านั้นก็หวาดกลัวและซบหน้าลงถึงดิน ชายสองคนนั้นจึงพูดกับพวกนางว่า “พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม? [พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว] จงระลึกถึงคำที่พระองค์ตรัสกับพวกท่านขณะที่พระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี ว่า ‘บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของพวกคนบาป และจะต้องถูกตรึงที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่’ ” พวกนางจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์ เมื่อกลับจากอุโมงค์แล้ว พวกนางก็เล่าเหตุการณ์นี้ทั้งหมดแก่สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่นๆด้วย” ~ลูกา 24:1-9 THSV11
และจากนั้นต่อมาพวกอัครทูตก็ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูแก่คนต่างชาติไปทั่วเอเซียและยุโรป จนห่างไกลจากอิทธิพลวันสะบาโต(เสาร์) ของพวกยิวอย่างสิ้นเชิง ทำให้วันอาทิตย์หรือวันที่ 1 หรือวันต้นสัปดาห์เข้ามาแทนที่วันสะบาโตเดิม(ของยิว)
“ในวันอาทิตย์ เมื่อเราประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็กล่าวสั่งสอนเขาทั้งหลาย และเพราะท่านตั้งใจจะจากไปในวันรุ่งขึ้น ท่านจึงกล่าวยืดยาวไปจนถึงเที่ยงคืน ในห้องชั้นบนที่เราประชุมกันนั้นมีตะเกียงหลายดวง …เมื่อเปาโลกลับขึ้นไปห้องชั้นบน ท่านหักขนมปังและรับประทาน แล้วสนทนากับพวกเขาต่อจนสว่าง จากนั้นท่านก็ลาไป” ~กิจการ 20:7-8, 11 THSV11
อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้ว วันสะบาโตนั้นเกี่ยวข้องกับทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพราะตามปฏิทินของชาวฮีบรู (ยิว) วันแต่ละวันเริ่มต้นกันที่ตอนตะวันตก ต่อมาเกิดปฏิทินแบบโรม (เกรกอเรี่ยน) ซึ่งถือว่า วันนับกันหลังจากเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป
แบบยิวถือว่า… “วันสะบาโตเดิม” นั่นคือ วันที่ 7 ของสัปดาห์ โดยนับกันจากตอนตะวันตกดินของวันศุกร์จนถึงตะวันตกดินของวันเสาร์ และในทำนองเดียวกัน
แบบปัจจุบัน ถือว่า... “วันสะบาโตใหม่” ถือกันว่าเป็นวันที่ 1 (วันแรก หรือวันต้นของสัปดาห์) โดยนับกันจาก ตะวันตกดินของวันเสาร์จนถึงตะวันตกดินของวันอาทิตย์
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ในทุกวันนี้ว่า…
“วันสะบาโต” จะเป็นวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ก็ได้ เพราะเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น
อย่างไรก็ตาม มีสาระสำคัญที่น่าสังเกตดังนี้…
- หากกลุ่มใดใช้ “วันเสาร์” เป็นวันสะบาโต ก็มักเน้น “การพัก” ตามพระบัญญัติของพระเจ้าโดยยึดวันตามที่ชาวฮีบรู(ยิว)ถือรักษากันตามคำสอนของโมเสสในพระคัมภีร์เดิม (ตั้งแต่พระธรรมปฐมกาล ในพระคัมภีร์เดิม)และใช้เป็นวันนมัสการพระเจ้าต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน(และมีคริสเตียนบางกลุ่มถือปฏิบัติตามด้วย เช่นคณะวันเสาร์ หรือ เซเวนธ์เดย์ แอดเวนตีส)
- หากกลุ่มใด ใช้ “วันอาทิตย์” เป็นวันสะบาโต ก็มักเน้น “การเป็นขึ้นจากความตายขององค์พระเยซูคริสต์” ตามที่อัครทูตและคริสตจักรยุคแรกถือปฏิบัติ (นับจากตอนท้ายของพระธรรมกิจการ ในพระคัมภีร์ใหม่) เพราะเป็นหัวใจสำคัญของความเชื่อของคริสเตียนที่เรียกว่า “พระกิตติคุณ” หรือ “ข่าวประเสริฐ” (ของพระเยซูคริสต์)
ดังนั้น สำหรับพวกเราที่เป็นคริสเตียน เราถือว่าแก่นแท้ของความเชื่อของคริสเตียนที่สำคัญที่สุด คือ การเป็นขึ้นจากตายขององค์พระเยซูคริสต์ (หลังจากที่พระองค์ยอมถูกตรึงเพื่อจ่ายหนี้บาปของมนุษย์ในโลกนี้บนไม้กางเขนแล้ว) เพื่อช่วยพวกเราให้รอดจากความตายนิรันดร์ เพราะบาปที่เราแต่ละคนทำเอง โดยพึ่งในพระคุณของพระเจ้า ผ่านการกลับใจใหม่ ด้วยการเชื่อด้วยใจและรับด้วยปากของเราแต่ละคน ด้วยเหตุนี้…หากพระคริสต์ไม่ได้ถูกตรึงตายไถ่บาปของเราและเป็นขึ้นมาจากความตายในวันอาทิตย์ การมานมัสการพระเจ้าในวันสะบาโตของพวกเราก็จะไร้ความหมายในทันที!
“ถ้าพระคริสต์ไม่ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา การประกาศของเรานั้นก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไร้ประโยชน์ด้วย…และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของพวกท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังคงอยู่ในบาปของตน และถ้าอย่างนั้นคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย ถ้าเรามีความหวังในพระคริสต์เพียงแค่ในชีวิตนี้ เราก็เป็นพวกน่าเวทนาที่สุดของคนทั้งหมด แต่บัดนี้ พระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกของพวกที่ล่วงหลับไป” ~1 โครินธ์ 15:14, 17-20 THSV11
ดังนั้น นอกจากเราควรจะเป็นพยาน และประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์แก่คนรอบตัวของเราทุกวัน เราก็ควรมาร่วมยืนยันและประกาศความเชื่อเรื่องการเป็นขึ้นมาจากตาย ของพระเยซูคริสต์ด้วยกัน แก่คนที่มาโบสถ์ ในทุกวันสะบาโต(ไม่ว่าจะเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์)
…จะดีไหมครับ?
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr.ภาพ Ask Gramps Sabbath day)