ถ้าการทดลองมาพร้อมกับป้ายเตือน
“แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง” (ยากอบ 1:22 THSV11)
คุณเคยตัดสินใจบางอย่างทั้งที่ลึกๆในใจคุณรู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่มันดูสมเหตุผลที่สุดในสถานการณ์นั้นหรือไม่?
บางทีคุณอาจรู้สึกถูกทิ้งให้อยู่ลำพังในชีวิตคู่ จึงเข้าใจได้ถ้าจะมองหามิตรภาพจากใครบางคนที่ไม่ใช่สามี หรือรู้ว่าต้องใช้จ่ายตามงบที่ครอบครัวตั้งไว้ แต่รองเท้าคู่นั้นมันเกินห้ามใจ หรือตระหนักดีว่าความลับที่เผอิญได้ยินในที่ทำงาน คงไม่เป็นไรถ้าแอบกระซิบให้เพื่อนร่วมงานฟัง
เราต่างก็มีเหตุผลมาอ้างในการกระทำ จนกระทั่งตัวเลือกที่ทำกำลังกลิ้งกลับมาทับเราเหมือนหินก้อนมหึมา ลืมไปว่าบาปจะปลดปล่อยผลที่นำมาซึ่งความหวาดระแวง วิตกกังวล ปล้นเอาสันติสุขไป ทำลายความน่าเชื่อถือ และสร้างความเจ็บปวดกลับมาในแบบที่ไม่คุ้มค่า ถ้าเพียงเห็นล่วงหน้าว่าบาปส่งผลอย่างไรต่อการเลือก ถ้าเราอยากให้มีป้ายเตือนติดมากับทุกๆการทดลองจะได้รู้ล่วงหน้าว่าต้องเจอกับอะไร และป้ายเตือนอาจเป็นแบบนี้ถ้าเรากำลังจะใช้เงินเกินตัว:
“มองไปที่ข้าวของหรูที่คนอื่นมี เมล็ดพันธ์เล็กๆแห่งความอิจฉาก็เริ่มงอกขึ้น สิ่งที่เป็นความฟุ่มเฟือยก็กลายเป็นสิ่งที่สมควรได้ คุณจะเริ่มสั่งของออนไลน์และแอบบิดงบรายจ่ายที่นั่นนิดที่นี่หน่อย แต่มันจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น บาปจะทำให้เหยื่อตะกราม ก่อนจะรู้ตัวคุณก็แอบเอาใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตไปซ่อน ทำให้ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่เริ่มไม่โปร่งใสและหนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องเผชิญ การตัดสินใจที่คิดว่าไม่น่าเป็นปัญหากำลังส่งผล สร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์จนอาจทำลายครอบครัว”
หรือถ้าคุณอึดอัดใจ อยากพูดถึงใครสักคนให้อีกคนฟัง ป้ายเตือนล่วงหน้าจะบอกว่า:
“คงไม่เป็นไร เรื่องนี้ต้องมีคนรับรู้ ถ้าทำตามที่คิดพร้อมสั่งว่า – ห้ามบอกต่อ – ถ้าคุณนำความลับที่ไม่ใช่เรื่องของคุณไปพูดต่อ และรู้สึกว่าได้รับความสนใจจากคนฟัง คุณจะรู้สึกดีเพราะรู้ดีกว่าใครๆ แต่ทุกสิ่งจะทะลายลงมาเมื่อคุณสูญเสียความไว้ใจจากเพื่อนๆและญาติมิตร เป็นคนไม่น่าเชื่อถือ ความสัมพันธ์จะถดถอย และที่น่ากลัวคือคนที่เสียหายจะมาเอาคืน”
หยุดคิดสักนิด อะไรคือป้ายเตือนในชีวิตคุณ? อย่าลืมว่าพระคัมภีร์มีคำเตือนมากมาย เช่นในยากอบ 1:13-16, 21-22 ที่บอกเราว่า
“อย่าให้คนที่ถูกล่อลวงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงล่อลวงข้าพเจ้า” เพราะว่าพระเจ้าจะไม่ถูกความชั่วล่อลวง และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงใครเลย แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า อย่าถูกหลอกเลย … เพราะฉะนั้นจงขจัดความโสมมทุกอย่างและความชั่วที่มีอยู่ดาษดื่น และด้วยใจที่สุภาพอ่อนโยนจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้ แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง”
คำเตือนในจิตสำนึก และอันตรายที่ต้องเผชิญคือความจริงที่ต้องเลือกทำ การทดลองจะเกิดผลเมื่อมารปิดตาคุณไม่ให้เห็นผลที่จะตามมา มารเป็นนักการตลาดที่ฉ้อฉลและจะดีใจถ้าคุณไม่เปิดพระคัมภีร์และหาคำตอบจากพระเจ้า
พระเจ้าเป็นผู้สร้างคุณ สร้างความคิดและจิตใจภายใน คุณจึงสามารถเปิดรับคำเตือนสอนของพระองค์ได้ และถ้าสมองของคุณไม่เข้าใจ พระวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้จะทำให้คุณตอบสนองต่อความจริงของพระองค์ได้โดยไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ
อย่าลืมว่ามารรู้ดีถึงฤทธิ์อำนาจของพระวจนะ จึงทำทุกทางไม่ให้เราเข้าไปอ่านพระปัญญาของพระเจ้าได้ ดังนั้น “อย่าถูกหลอกเลย”
โดย Lysa TerKeurst
จาก Proverbs 31 Ministries: www.proverbs31.org
(Cr.ภาพ Small group leadership)