ทุกๆพายุคือโอกาสวางใจในพระจ้า
แม้ข้าพระองค์เดินอยู่กลางความยากลำบาก พระองค์ทรงรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้ พระองค์เหยียดพระหัตถ์ออกต่อต้าน ความกริ้วของศัตรูของข้าพระองค์ และพระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็ช่วยข้าพระองค์ให้รอด (สดุดี 138:7 THSV11)
พ่อสามีของฉันเคยว่ายน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกแล้วตกอยู่ในวงล้อมของฝูงแมงกะพรุน คุณพ่อโดนเข็มพิษของแมงกะพรุนไปกว่ายี่สิบสามครั้ง ระหว่างที่เจ็บปวดแสนสาหัสและตื่นตระหนก ท่านเริ่มดำลงไปและว่ายหนีอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อให้พ้นจากพื้นน้ำที่เต็มด้วยสัตว์ที่อันตรายนั้น – แต่ปัญหาคือ ท่านไม่รู้ว่าควรโผล่ขึ้นพ้นผิวน้ำที่ตรงไหน – อากาศเริ่มหมดจากปอด … ท่านร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
แล้วจู่ๆก็เกิดความคิดขึ้นมา ความหวังเดียวของท่านคือหยุดว่าย ปล่อยให้ร่างกายคลายลง และมองหาแสง เมื่อบังคับให้ร่างกายผ่อนคลายลง ท่านก็ค่อยๆลอยขึ้น และได้เห็นแสงด้านบน ท่านใช้แรงทั้งหมดเท่าที่เหลือ ว่ายไปหาแสงนั้นจนโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำและได้รับการช่วยเหลือก่อนที่จะหมดสติ
เราต่างก็ตอบสนองต่อวิกฤติในแบบเดียวกัน เมื่อความเจ็บปวดของชีวิตบดขยี้เรา เราตระหนกจนหายใจแทบไม่ออก ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ไม่ช้าเราก็แน่นิ่งไปในความท้อล้า รอเวลาหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือ และที่พึ่งสุดท้ายของเราคือร้องหาพระเจ้า
เมื่อไรที่เราจะเรียนรู้ว่าร้องหาพระเจ้าควรเป็นการตอบสนองแรก แทนที่จะเป็นตัวช่วยสุดท้าย?
ผู้เขียนสดุดีสัญญาว่าพระเจ้าจะรักษาชีวิตเราด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ คำว่า “พระหัตถ์” ของพระองค์หมายถึง “กำลังและฤทธิ์อำนาจ” เมื่อเรายอมจำนนทั้งสิ้นให้พระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสถิตภายในเรา เป็นทางเชื่อมสู่ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า และหนึ่งในพระราชกิจที่สำคัญของพระองค์คือปลอบโยนเราในท่ามกลางความเจ็บปวด และพาเราฝ่าเข้าไปในพายุชีวิต
“เรากล่าวคำเหล่านี้กับพวกท่านขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว” (ยอห์น 14:25-26 THSV11)
บ่อยครั้ง เมื่อถูกพายุชีวิตโถมใส่ เราลืมพระสัญญาหมดสิ้น และนั่นคือเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเตือนเรา…
- พระเจ้านั้นซื่อสัตย์
- พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเรา
- พระเจ้าจะไม่จากเราไป
- พระเจ้าจะอยู่กับเราเสมอ
- พระเจ้าจะประทานกำลังให้เราฟันฝ่าพายุนั้นไปได้
เช่นเดียวกับความแน่นอนของพายุชีวิต การจัดเตรียมของพระเจ้าก็เช่นกัน
ชีวิตอาจจะวุ่นวายและสิ่งร้ายๆเกิดขึ้นกับเรา แต่ในทุกๆวิกฤติและพายุคือโอกาสให้เราวางใจในพระเจ้า พระองค์ทรงเรียกให้เรามองด้วยมุมมองของสวรรค์เมื่อเผชิญการท้าทาย เรียกให้เรามองไปที่พายุชีวิตด้วยสายพระเนตรของพระองค์ – โอกาสที่จะได้พึ่งพิงพระกำลังและเรียนรู้พระประสงค์ของพระองค์ในระหว่างนั้น
ในท่ามกลางความมืดมิด พระองค์จะชี้ทางสว่างให้เรา เมื่อคลื่นใหญ่โถมใส่จนเราล้มลง มันง่ายที่เราจะมองไม่เห็นหนทาง เมื่อพายุท่วมทับ เราจำเป็นต้องหยุด มองหาความสว่างของพระองค์และมุ่งไปให้ถึงความสว่างนั้น
โดย Mary Southerland
อนุญาตโดย Girlsfriend in God: www.crosswalk.com
(Cr.ภาพ flickr.com)