เชื่อฟังโดยไม่มีเงื่อนไข
พระเยซูตรัสตอบว่า “ไม่ใช่คนนี้หรือพ่อแม่ของเขาที่ทำบาป แต่เขาเกิดมาตาบอดเพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา” (ยอห์น 9:3 THSV11)
เคยสงสัยหรือไม่ สิ่งที่คุณทำ (หรือสิ่งที่คุณถูกกระทำ) เป็นสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้คุณมีประสบการณ์การทนทุกข์ หรือสงสัยว่าเหตุการณ์ในอดีต หรือความผิดที่เคยทำเป็นตัวขัดขวางการมีชีวิตที่มีเป้าหมายและถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือ?
ฉันหมกมุ่นอยู่ในความคิดนี้มานาน แต่หลายปีที่แล้ว มุมมองของฉันเปลี่ยนไปเมื่อได้อ่านพระวจนะตอนที่สาวกของพระเยซูกำลังดิ้นรนอยู่กับคำถามเดียวกัน
ขณะที่พระเยซูทรงดำเนินอยู่บนถนนในกรุงเยรูซาเล็มและได้พบชายตาบอด ในยอห์น 9:1-2 หนึ่งในสาวกทูลถามพระเยซูว่าทำไมชายคนนี้ถึงตาบอด “ขณะพระองค์เสด็จไปนั้น ทรงเห็นชายคนหนึ่งตาบอดแต่กำเนิด พวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป คนนี้หรือพ่อแม่ของเขา เขาถึงเกิดมาตาบอด?” (THSV11)
พระเยซูทรงตอบพวกเขาอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ใช่คนนี้หรือพ่อแม่ของเขาที่ทำบาป แต่เขาเกิดมาตาบอดเพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา” (ยอห์น 9:3 THSV11)
ฉันคิดว่าพวกสาวกเมื่อได้ยินคงพากันยืนงง พระเยซูหมายความว่าอะไร? ชายตาบอดคนนี้จะให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฎในตัวเขาได้อย่างไร? เขาได้ทำสิ่งใดที่ถวายเกียรติพระเจ้าหรือ? ชีวิตแบบนี้จะมีอะไรให้พระเจ้าใช้ได้?
พระวจนะบันทึกต่อไปว่า “เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ดิน แล้วทรงเอาน้ำลายนั้นทำเป็นโคลนทาที่ตาของคนตาบอด แล้วตรัสสั่งเขาว่า “จงไปล้างโคลนออกในสระสิโลอัม” (สิโลอัมแปลว่า ใช้ไป) เขาจึงไปล้างแล้วกลับมาก็มองเห็น” (ยอห์น 9:6-7 THSV11)
ชายตาบอดคนนั้นก็ได้รับการรรักษาจนหายขาด แต่สังเกตดูว่าเขาไม่ได้หายขาดในทันที ยังตาบอดอยู่เมื่อพระเยซูทรงบ้วนน้ำลายลงดิน เอาน้ำลายนั้นทำโคลนทาที่ตาของเขา จนหลังจากที่เขาเชื่อฟัง ทำตามคำสั่งของพระเยซู
ชายตาบอดได้รับการรักษาเมื่อเลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซู “จงไปล้างโคลนออกในสระสิโลอัม” โดยไม่รีรอหรือสงสัย เมื่อเขาเชื่อฟัง ก็มองเห็น และพระราชกิจของพระเจ้าก็สำเร็จลง
ชายคนนี้ทนทุกข์ทางกายและอารมณ์มานานนับสิบๆปี ชีวิตที่ผ่านมาทำให้เขารู้สึกตกต่ำ ถูกปฏิเสธ ขาดความรัก และดูจะไม่มีทางรักษาให้หาย จึงคิดว่าตนเองไม่มีอนาคต เป็นคนไร้ประโยชน์ ไม่สามารถช่วยตัวเองหรือคนอื่นๆได้ เพราะตาบอดทำให้ทำอะไรแทบไม่ได้เลย
แต่เมื่อพระเยซูเสด็จไปที่นั่น บอกทุกคนว่าชายคนนี้ยังมีประโยชน์ และชีวิตของเขาเป็นหลักฐานยืนยันถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เพราะการเชื่อฟังของเขา ความมืดบอดฝ่ายกายจึงได้รับการรักษา ที่สำคัญกว่า จิตวิญญาณที่มืดบอดของเขาก็ได้รับการรักษาด้วย และเปิดตาเขาสู่มุมมองใหม่ๆกี่ยวกับอดีตและอนาคต
ต่างจากชายตาบอดคนนี้ เรามักพบตนเองมีคำถามต่อการทรงเรียกของพระเจ้า หาเหตุผลให้ตนเองเพื่อจะไม่เชื่อฟัง แทนที่จะเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อพระเจ้าบอกให้ “ไป” แต่เมื่อเราดำเนินตามความเชื่อ แม้รู้สึกยังไม่พร้อม มีข้อสงสัย บวกกับความกลัวและไม่แน่ใจ การรักษาที่แท้จริงก็ไม่สามารถเข้ามาในหัวใจและในชีวิตเราได้
พระเจ้าทรงอนุญาตให้ความเจ็บปวด การดิ้นรน และการต่อต้านเข้ามาในชีวิตเรา แต่ไม่ว่าสถานการณ์หรือความจำกัดของเราเป็นอย่างไร เมื่อเลือกที่จะก้าวกระโดดออกไปในความเชื่อ วางใจในพระเจ้า แม้ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า เราเองก็จะได้รับการรักษาฝ่ายวิญญาณ เห็นมุมมองใหม่ๆเกี่ยวกับอดีตของเรา และกล้าก้าวออกไปพบพระประสงค์ส่วนตัวที่ทรงมีให้เรา
ขอพระเจ้าอวยพระพร
โดย Tracy Miles
จาก Encouragement for today (Proverbs 31 Ministries): www.crosswalk.com
(Cr.ภาพ The Theologians Library)