เราควรรักใคร?
“มีเพียงความสุขเดียวในชีวิตนี้ คือ การได้รัก และได้รับความรัก!”
(There is only one happiness in this life, to love and be loved.) — George Sand
แน่นอนว่า เราจะมีคนที่เรารักอยู่ในแต่ละช่วงของชีวิต
ความรักที่เรามี มักมากน้อยแตกต่างกันไปตามระดับความลึกซึ้งของความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน อาทิ เมื่อเราเกิดมา ถ้ามีพ่อแม่เลี้ยงดูใกล้ชิด เราก็รักพ่อแม่ หากพ่อแม่ไม่ได้เป็นผู้ฟูมฟักเลี้ยงดู แต่เป็นปู่ย่าตายายทำหน้าที่แทน ความรักของเราก็จะถ่ายโอนไปให้ท่านเหล่านั้นแทนผู้เป็นพ่อเป็นแม่ของเรา หรือบางทีคนใช้ หรือพี่เลี้ยง(แม่นม)ก็อาจกลับกลายเป็นที่รักของเรายิ่งกว่าพ่อแม่ ถ้าเขาเอาใจใส่ทุ่มเทเลี้ยงดูเราดีมากยิ่งกว่าที่พ่อแม่ของเราแสดงออกต่อเรา
พอเราโตขึ้นมาหน่อย เราก็รักเพื่อน ตั้งแต่ในวัยเด็ก หรือในวัยเรียน ซึ่งอาจจะเป็นรักที่ใสซื่อไม่รู้ความมากนักก่อนที่จะก้าวสู่รักมีความดึงดูดทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อก่อนก็มีแต่รักแบบที่เป็นความดึงดูดระหว่างคนต่างเพศ ตามพระเจ้าทรงกำหนดไว้
แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นการดึงดูดระหว่างคนเพศเดียวกัน จนเขย่าสังคมและโลกและเกิดศัพท์เรียกคนที่มีรสนิยมทางเพศเช่นนี้ หลากหลาย อาทิเช่น เพศที่ 3 (ซึ่งจริงๆ ไม่มี เพราะพระเจ้าสร้างมาเพียง 2 เพศเท่านั้น) หรือเพศทางเลือก ซึ่งเป็นทางเลือกที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตจิตใจของตนเอง คนรอบตัว และสังคมอย่างไม่มีสิ้นสุด และแม้จะมีการผลักดันให้ออกกฎหมายรับรองสถานะจนได้ ก็ไม่เป็นหลักประกันว่าสัมพันธภาพดังกล่าวจะมีความเสถียร และยั่งยืนมีสุข เพราะแม้แต่คู่รักต่างเพศที่ดึงดูดกันสอดคล้องตามแบบที่กำหนดไว้โดยพระเจ้ายังไปไม่รอดจำนวนไม่น้อย ด้วยสาเหตุและปัจจัยหลายประการ และความรักของคนเพศเดียวกันยิ่งไม่มีหลักประกันใด ๆ ผูกมัดเลย
ความรักไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็มักมีความผิดหวัง เจ็บปวดตามมาเสมอ เพราะคนเราเปลี่ยนแปลงทุกวัน ควบคู่กับที่เรามีธรรมชาตินิสัยบาปครอบงำความคิด จิตใจอยู่ การขัดแย้ง การเลิกรา การทำร้าย การฆาตกรรม การนอกใจ หรือ หย่าร้าง จึงตามมา และส่งผลร้ายคือความบิดเบี้ยวและปวดร้าวให้แก่สังคม นี่ยังไม่นับถึงเพื่อนที่คบหา หุ้นส่วนที่ร่วมทำธุรกิจ หรือ ผู้ที่เรารัก เชื่อถืออย่างเชื่อใจ ก็อาจหักอกเราได้เช่นกัน
จึงมีคำเตือนว่า จะคบคนคบใคร ต้องระมัดระวัง อย่าเชื่อ อย่ารัก หรืออย่าวางใจคนง่ายๆ คนก็เหมือนน้ำที่ไม่ง่ายนักที่จะหยั่งให้รู้ว่าลึกเพียงใด นอกจากต้องคบกันนานเพียงพอ
จึงมีผู้กล่าวว่า…
“คบหากันระยะสั้น นั้นดูที่อารมณ์ คนหากับระยะยาว นั้น ดูที่คุณธรรม”
และเวลาที่มีคุณภาพจะช่วยแยกแยะและพิสูจน์ให้เห็นว่า ใครคือคนดีจริงใจที่เราควรคบหา และทุ่มเทความรักให้
“คนจริงใจ ยิ่งคบยิ่งเข้าใจยิ่งสุขใจ คนเสแสร้ง ยิ่งคบก็ยิ่งถอดใจ!”
หากเรารักใคร หรือใครรักเราจริงๆ เราจะพยายามรักษากันและกันไว้ด้วยการให้ นั่นคือให้ความจริงใจ ให้อภัย ให้เกียรติ และให้ความสุขแก่กัน และการให้จะนำมาซึ่งการรับ
- หากเราคบหาถูกคน เราย่อมได้รับการคุ้มครองปกป้อง
- หากเราคบผิดคน เราก็จะถูกเอาเปรียบไปทั้งชีวิต
- หากเราคบถูกคน ชีวิตเราก็สว่างสดใส
- หากเราคบผิดคน ชีวิตของเราก็เหมือนถูกแผดเผาตายทั้งเป็น
แล้วใคร คือ คนที่เราควรรัก ใครคือมิตรแท้ หุ้นส่วนแท้ หรือคู่ครองแท้ ของเรา? เราต้องดูว่า เราคบกันด้วยแรงจูงใจอะไร? ด้วยเงิน ด้วยผลประโยชน์ หรือ ด้วยใจ?
หากวันใด เราหมดสิ้นทุกอย่าง และหมดผลประโยชน์สำหรับเขาแล้ว จะมีใครยังคงมีใครที่รักเราเหลืออยู่และใครจะจากเราไป?
ข่าวดีคือ เรามีผู้ที่รักเราเสมอ ไม่ว่าใครจะสัตย์ซื่อต่อเราหรือไม่ อย่างไร
แต่มีผู้หนึ่งที่สัตย์ซื่อมั่นคงในการรักเราด้วยความรักนิรันดร์ นั่นคือ พระเยซูคริสต์ ขอให้เรารักพระเจ้า และ ให้พระเจ้าทรงรักเรา!
ที่เรารักพระองค์ ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน
“เรารัก ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน” 1 ยอห์น 4:19 THSV11
ในเมื่อพระเจ้าทรงรักเราก่อน และความรักของพระองค์ที่มีต่อเราเป็นรักแท้ แล้วรักของเราที่มีต่อพระองค์ล่ะ จะเป็นรักที่แท้หรือไม่? และเราจะแสดงรักแท้นั้นออกมาต่อพระองค์ และคนอื่นๆ ได้อย่างไรบ้าง?
ตอบที!
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr.ภาพ Thrive Global)