ต้อนรับกลับบ้าน
ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย (ยอห์น 14:2-3 THSV11)
ท่านนั่งอยู่ในโซฟาตัวเก่า มองไปที่รูปลูกๆหลานๆบนผนัง ภรรยาอายุ 60 ปีของท่านนั่งอยู่ใกล้ๆ
“ได้เวลากลับบ้านแล้ว” ท่านพูดขึ้น พ่อสามีของฉันมีภาวะสมองเสื่อม (Dementia) มานาน ชายที่เคยเข้มแข็ง อารมณ์ขันและเป็นเสาหลักของครอบครัว เดี๋ยวนี้จำผู้คนที่เคยรักมาตลอดชีวิตไม่ได้ ไม่รู้ว่า “บ้าน” อยู่ที่ไหนแม้นั่งอยู่ในบ้านที่ตนเองสร้างมากับมือและอาศัยมานานหลายสิบปี จนกว่าชีวิตท่านจบลง นี่คือวาระของการต่อสู้
ในที่สุดครอบครัวของเราก็คิดแผนขึ้นมา เมื่อพ่อพูดว่าจะกลับบ้าน คนหนึ่งจะไปคว้าเสื้อโคท “ถูกเลยครับจิมมี่ ได้เวลากลับบ้านแล้ว” ท่านก็จะเข้าไปนั่งในรถ แล้วลูกคนหนึ่งก็จะขับรถไปรอบๆ พอกลับมาก็พากันเข้าบ้าน แล้วท่านก็สบายใจที่ได้กลับบ้าน – อย่างน้อยก็สักพัก
ในพระวจนะด้านบน พระเยซูประกาศว่าพระองค์จะกลับมาอีก พระสหายของพระองค์นึกไม่ออกว่าชีวิตทางกายที่ไม่มีพระองค์จะอยู่กันอย่างไร ทุกสิ่งที่พวกเขาเคยอุ่นใจสั่นคลอนไปสิ้น พระเยซูตรัสกับคนที่เป็นทุกข์ด้วยกำลังใจ
“อย่าให้ใจท่านทั้งหลายวิตกเลย ท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย” (ยอห์น 14:1-3 THSV11)
จากกันทางกายเป็นเพียงชั่วคราว กลับมาพบกันในวันข้างหน้าเป็นสิ่งที่สวยงามเกินบรรยาย ไม่เพียงเท่านั้น — พระเยซูคริสต์จะเป็นผู้จัดเตรียมบ้านให้พวกเราเพื่อจะได้อยู่ร่วมกันนิรันดร ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่ติดตามพระเยซูเข้าใจสิ่งที่พระองค์ตรัสหรือไม่ แต่วันหนึ่งพวกเขาจะเข้าใจ วันหนึ่งพวกเขาจะก้าวเท้าออกจากโลกนี้และเข้าสู่สวรรค์เพื่อไปอยู่กับพระเยซู
คริสตมาสที่ผ่านมาคุณพ่ออาการแย่ลง ครอบครัวต่างก็มารวมกัน พวกเรากว่า 40 คน เปิดของขวัญ หัวเราะ ร้องไห้ และยืนล้อมเตียงคุณพ่อ สองสามสัปดาห์จากนั้นคุณพ่อก็ไม่ต้องต่อสู้ต่อไปเมื่อเสียงโทรศัทพ์ดังกลางดึก ฉันได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงน้ำตาไหลพราก เสียใจที่คุณพ่อจากไป แต่น้ำตาของฉันเป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี
ฉันนึกภาพคุณพ่อจิมมี่เดินเล่นอยู่ในสวรรค์ หัวเราะกับเรื่องขำขันของตนเอง นึกภาพท่านทักทายญาติพี่น้อง ทักคุณแม่และคุณพ่อของท่าน นึกถึงลมหายใจสุดท้ายของท่านที่ในโลกนี้ และลมหายใจแรกที่ในสวรรค์ ได้พบกับพระเยซูคริสต์ที่ประทับยืนต้อนรับอยู่ ไม่มีความวิตกกังวล มีแต่ความปิติยินดีเกินกว่าจะนึกได้ ทั้งกายและใจของท่านเป็นอิสระแล้ว
ปีนี้ครอบครัวของเราไม่มีท่านร่วมฉลองคริสตมาส ฉันไม่ได้บอกว่ามันง่าย เรายังอยู่กันที่บ้านเดิม รูปแขวนบนผนังก็ยังรูปเดิม เราเปิดของขวัญ หัวเราะและร้องไห้ เล่าเรื่องสนุกๆของวันคริสตมาสเก่าๆที่เราเคยร้องเพลง เต้นรำ และร้องเสียงดังเมื่อเปิดของขวัญและพบสิ่งที่อยู่ข้างในโดยมีเสียงคุณพ่อจิมมี่ร้อง “เซอร์ไพรส์!!!” แต่ภายใต้ความโศกเศร้าคือความชื่นชมยินดี
เดี๋ยวนี้คุณพ่อจิมมี่ได้อยู่ “บ้าน” นิรันดร์ของท่านแล้ว คงไม่ต้องการไปอยู่ที่อื่นอีกต่อไป
โดย Suzie Eller
Encouragement for today devotional : www.crosswalk.com
(Cr.ภาพ The reconnect with Carmen)