แต่พระเจ้า
แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา (โรม 5:8 THSV11)
ครอบครัวฉันมีฐานะดี บ้านของเรามีเสาทรงโรมันสีขาวที่ประตูทางเข้า มีต้นสนสูงขนาด 60 ฟุตเรียงรายให้ร่มเงาก่อนถึงเฉลียงหน้าบ้าน พ่อแม่มีลูกสองคนและมีสุนัขชื่อแลสซี่ เราเป็นครอบครัวในฝันของชาวอเมริกันทั้งหลาย คฤหาสน์สีขาว ฉากหลังเป็นสนามกว้าง มีต้นไม้ใหญ่เล็กให้ร่มเงาอย่างเป็นระเบียบ มองจากภายนอกสัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็น แต่ภายในตัวบ้านมีแต่ความร้อนรุ่ม เกลียดชัง และความกลัว
นับแต่จำความได้ พ่อแม่ของฉันมีความสัมพันธ์ที่สับสนอลหม่าน ไม่เคยคิดอยากจำห้าปีแรกของชีวิต มีแต่เสียงโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน บันดาลโทสะ และเมินเฉยต่อกัน อาจมีความสุขชั่วระยะสั้นๆบ้าง แต่วันแห่งความมืดมนครอบงำจนไม่อยากจดจำสิ่งใดเลย
จำได้ว่าเคยเข้าไปซุกตัวในตู้เสื้อผ้า สองมือปิดหู ปิดตาแน่นเพื่อไม่ต้องได้ยินและไม่ต้องเห็นความรุนแรงที่เกิดขึ้น บางทีก็นอนคลุมโปงอธิษฐานขอให้หลับไวๆ ไม่ต้องการรับรู้สิ่งที่พ่อแม่ทะเลาะกัน ตอนเป็นเด็กรู้สึกตลอดเวลาว่าตัวเองเป็นอุปสรรค แม้จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีทางกาย แต่หัวใจเรียกร้องอยากได้มากกว่า ทั้งๆที่ไม่รู้ว่า “มากกว่า” นั้นคืออะไร เสื้อผ้าสวยๆ ของแต่งตัว หรือของเล่นชิ้นใหม่
สภาพที่รู้สึกตกต่ำ ขาดความมั่นใจ และไม่เคยรู้สึกเพียงพอค่อยๆก่อตัวขึ้นมาจนพันแน่นอยู่ในความคิดและจิตใจ รู้สึกตัวเองไม่ดีพอ ไม่ฉลาด หรือสวยพอจะได้รับความรักจากใคร พออายุได้ 12 ความรู้สึก “ไม่เคยเพียงพอ” ก็ปักฐานแน่นอยู่ในฉัน เด็กสาวที่ทั้งกลัวและเต็มด้วยบาดแผลทางใจที่ปิดปากเงียบตอนกลางวัน และปิดตาแน่นในยามค่ำคืน
แต่พระเจ้าไม่ได้ทิ้งฉันไว้แบบนั้น! คุณชอบคำว่า “แต่พระเจ้า” ไหมคะ?
พออายุ 12 เรื่อง “แต่พระเจ้า” ของฉันก็เริ่มต้นขึ้น ครอบครัวของแวนด้าเพื่อนรักก็เข้ามาโอบอุ้ม คุณพ่อคุณแม่ของแวนด้ารักกันมาก และรักพระเยซู คุณแม่จะทำงานบ้านไปร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าไป บางทีก็พูดคุยกับพระเยซู และพูดถึงพระองค์ราวกับรู้จักกันเป็นส่วนตัว
ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่เท่าที่จำได้อยู่ในบ้านนี้ นอนค้างที่บ้านแวนด้าในคืนวันเสาร์และเช้าวันอาทิตย์ก็ไปโบสถ์ด้วยกัน พ่อแม่ของฉันก็ไปโบสถ์ พวกเขานับถือศาสนา แต่ครอบครัวของแวนด้ามีความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์ และนี่คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างมากมาย
ฉันอยากมีในสิ่งที่ครอบครัวนี้มี พยายามหาข้ออ้างเพื่อจะได้มาอยู่กับครอบครัวแวนด้า ขณะที่สมองเริ่มซึมซับพระวจนะเข้ามา และหัวใจได้รับการหว่านเมล็ดพันธ์ เป็นครั้งแรกที่ฉันสัมผัสได้ถึง “พระบิดาในสวรรค์” ที่ทรงรักฉัน – รักมากจนยอมสละพระบุตรองค์เดียวมายอมตายเพื่อฉัน ฉันดื่มด่ำกับความจริงที่พระเยซูทรงยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อชดใช้บาปให้ฉัน เพื่อให้ฉันได้ไปสวรรค์นิรันดร์ ฉันอัศจรรย์ใจที่พระเจ้ารักฉัน ไม่ใช่เพราะหน้าตาหรือความประพฤติ แต่เพราะฉันเป็นของพระองค์
แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา (โรม 5:8 THSV11)
เป็นพระวจนะที่หลอมละลายใจฉัน ครอบครัวของแวนด้ารักฉัน แบ่งปันเรื่องราวของพระเยซูคริสต์กับฉัน และพวกเขายังไปสอนพระคัมภีร์ตามบ้านเพื่อนบ้านด้วย พออายุได้ 14 พวกเขาเชิญให้ฉันรับองค์พระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นพระเจ้าของฉัน ฉันยอมรับพระองค์ด้วยน้ำตานองหน้า
มองย้อนไปในวันที่สับสนวุ่นวาย ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าครอบครัวไหนอยากจะให้ลูกมาคบกับฉัน เพราะมีแต่ปัญหา แต่ครอบครัวนี้ที่พวกเขาอาจไม่รู้ตัว ได้ฟันหัวซาตานแห่งอดีตทิ้งไปและดึงตัวฉันออกมา
ตอนแรกพ่อแม่ฉันไม่ชอบใจในความเชื่อใหม่นี้ แต่ความรักของพระเจ้ายากเกินจะต้านไหว สามปีจากนั้นแม่ก็มารับเชื่อ หลังจากนั้นอีกสามปีผ่านเรื่องราวที่พลิกผันมากมายตามที่พระเจ้าทรงจัดเตรียม พ่อของฉันก็ได้มอบชีวิตให้พระเยซู ในเวลาหกปี พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ในชีวิตฉันและในครอบครัวของฉัน …. ทุกสิ่งเริ่มต้นจากสตรีท่านหนึ่ง
สตรี หรือบุรุษท่านนั้นอาจเป็นคุณ
คุณอยากให้พระเจ้าประพันธ์เรื่องราวชีวิตคุณอย่างไร?
โดย Sharon Jaynes
Encouragement for today : www.crosswalk.com
(Cr.ภาพ Hip Diggs)