ความรักเมตตาส่งตรงจากสวรรค์
“โดยพระทัยเมตตาของพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด และในเงาของความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข” -เศคาริยาห์ (ลูกา 1:78-79 THSV11)
“because of the tender mercy of our God, Where by the sunrise shall visit us from on high to give light to those who sit in darkness and in the shadow of death, to guide our feet into the way of peace.” ~Zechariah (Luke 1:78-79 ESV)
คริสต์มาสเป็นเรื่องราวข่าวดี ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลก และเปลี่ยนชีวิตของเราทุกคน! เพราะ… “ความรัก” มีพลังในการเปลี่ยนแปลงอันมหาศาล! และ คริสต์มาสเป็นเวลาที่พระเจ้าทรงแสดงพระทัยรักเมตตาของพระองค์ต่อมวลมนุษย์โดยไม่จำกัดที่เชื้อชาติ ศาสนา เพศวัย หรือ ฐานะตำแหน่งใดๆ ฯลฯ
คริสต์มาสเป็นเวลาสำคัญที่พระเจ้าทรงประกาศอภัยโทษบาปของคนบาปอย่างพวกเรา(ไม่ว่าจะเป็นบาปประเภทใด) โดยการส่งพระคริสต์พระบุตรของพระองค์ลงมาเพื่อรับโทษตายแทนเรา
คริสต์มาสจึงเป็นเวลาที่เราควรชื่นชมยินดีกับชีวิตที่มีเสรีภาพอย่างแท้จริง นั่นคือเสรีภาพจาก
- “โทษของบาป” (Penalty of sin) ในอดีตทั้งสิ้นของเรา
- “อำนาจของบาป” (Power of sin) ในปัจจุบันที่เราเผชิญอยู่
ซึ่งเป็นหลักประกันว่า วันหนึ่งข้างหน้า ด้วยพระทัยรักเมตตาของพระเจ้า พระองค์จะทรงนำเราเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ ทำให้มีความรอดอันบริบูรณ์ควบคู่กับเสรีภาพอันสมบูรณ์ คือ เสรีภาพจาก
- “การปรากฏของบาป” (Presence of sin) ในอนาคตกาลของเรา
นั่นคือเราจะหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมแห่งบาปที่มีศักยภาพจะก่อเกิดบาปในตัวของเราอีกต่อไป นี่จึงคือ ข่าวดี ของ วันคริสต์มาส ที่เราจำเป็นต้องประกาศบอกทุกคนออกไปให้ไกลจนสุดปลายแผ่นดินไทยและแผ่นดินโลก เพราะเมื่อหากว่า เราแต่ละคนหมดบาป พ้นจากหนี้บาป และ อำนาจของบาป เราก็จะหมดทุกข์ และมีความสุขอย่างแท้จริง!
เรื่องน่าแปลกใจก็คือ มนุษย์บางคนมีเป้าหมายปลายทางชีวิต อยู่ที่การดับทุกข์ และ ยุติตัวตนให้สูญสลายไป เพราะว่าความเชื่อของเขาที่มองทุกอย่างในชีวิตทุกข์ ทำให้โลกทั้งใบของเขาเป็นโลกแห่งความมืดเทา และอยู่ในเงาของความมรณา (แห่งความทุกข์)
นั่นช่างเป็นมุมมองชีวิตที่หดหู่ สิ้นหวัง และปราศจากความหวัง แต่คริสต์มาสเป็นเวลาแห่งการปรับเปลี่ยน มุมมอง และกรอบชีวิตของเราด้วยสายตาใหม่ ที่เกิดจากการเสด็จมาขององค์พระคริสต์ ในวันคริสต์มาสนี้
เพราะว่าพระคริสต์แห่งคริสต์มาส เป็นดุจแสงสว่างที่ส่องเข้ามาในความมืดและนำเท้าของเราออกจากเงาแห่งความหดหู่สิ้นหวังของชีวิต ไปสู่วิถีชีวิตที่มีความหมาย มีความหวัง และมีสันติสุขเป็นชีวิตที่หลุดพ้นทุกข์ไปสู่สุขได้ โดยไม่ต้องให้ดับสูญเสียไปเปล่าๆ เพราะชีวิตที่เรามีนั้นเป็นของขวัญมาจากพระเจ้าเพื่อให้ความสุขแก่เราอย่างครบบริบูรณ์ แต่เพราะเราหันหนีไปไกลจากพระเจ้า เข้าหาความทุกข์สิ้นหวัง ทำให้ไม่สามารถหลุดจากสภาวะแห่งทุกข์ดังกล่าวได้ เพราะเราถูกบาป และความรู้สึกผิดฟ้อง ควบคู่กับ อำนาจ และโทษของบาปควบคุมเราอยู่
แต่พระเจ้าทรงรักเรา จึงได้เสด็จลงมาจากสวรรค์และยอมรับสภาพของมนุษย์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของหญิงพรหมจารี นามมารีย์ ถือกำเนิดออกมาจนเติบใหญ่และยอมรับโทษบาปแทนเราทุกคนโดยการยอมถูกตรึงตายที่บนไม้กางเขนอันแสนทุกข์ทรมาน
วันนี้ …เราจึงควรก้าวออกจากความมืดแห่งความทุกข์สิ้นหวัง ไปสู่วิถีแห่งความสุข มีความหวัง และให้เราดำเนินชีวิตในความสว่างอย่างมีความหมายตลอดนิรันดร์กาลกับพระคริสต์เจ้าผู้ทรงรักเมตตาเราในสวรรค์ โดยขอให้เรายอมรับว่าพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาสคือพระเจ้าผู้เสด็จมาตายไถ่บาปเราอย่างสิ้นเชิง และเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว และพระองค์จะเสด็จกลับมารับผู้เชื่อในพระองค์จริง ๆ ทุกคน และขอให้เราแสดงความรักเมตตาต่อผู้อื่น โดยการบอกพวกเขาให้ได้ยินข่าวดีนี้ด้วย
…จะได้ไหม?
ตอบที!
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr. ภาพ Youtube.com)