ปกติจะเป็นคนขับรถไม่เร็ว แต่ไม่ค่อยมีสมาธิเพราะชอบคิดโน่นนี่ หรือพูดโทรศัพท์ (hand-free นะจ๊ะ ไม่ผิดกฎหมาย) ตลอดเวลา วันนั้นขับจากถนนพหลโยธินผ่านมาทางหน้าเมเจอร์รัชโยธิน ต้องการจะเลี้ยวเข้าถนนรัชดาภิเศก กำลังฟัง CD This is Love ของโบสถ์อยู่เพลินๆ รถช่องซ้ายสุดติดรถเมล์จอด เลยเบี่ยงแว๊บมาช่องกลาง แล่นไปเรื่อยๆจนเกือบถึงทางแยกให้เลี้ยวซ้ายเข้ารัชดาฯ ก็ปาดเข้าทางเลี้ยวซ้ายเลยทันที
แว๊บ! ตำรวจโผล่ออกมาจากไหนไม่รู้ เรียกให้หยุดรถทันที เฮ้ย! ตกใจหมดเลย ทำไงดีล่ะ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะเปิดกระจกลง ยื่นหน้าออกไปเถียงกับตำรวจ แต่วันนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ This is Love เลยหันไปหยิบใบขับขี่ เปิดกระจกส่งให้ตำรวจ พร้อมพูดว่า “พี่ขอโทษด้วยนะคะ พี่ทำผิดจริงๆ”
ตำรวจอึ้งไปสักพัก แล้วบอกว่า เลี้ยวแบบนี้อันตรายนะครับ และเป็นเส้นทึบห้ามเปลี่ยนเลน รีบตอบไปว่า “ค่ะๆ” แล้วทำหน้าสำนึกผิดสุดฤทธิ์ (ไม่ได้แกล้งนะ สำนึกจริงๆ) ตำรวจจึงส่งใบขับขี่คืนให้ ตะเบ๊ะ 1 ทีแล้วพูดว่า “เชิญครับ ขับรถให้ดีนะครับเดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ”
อ้าว!!! …. อึ้งไป 10 วินาที นึกว่าจะถูกจับและยึดใบขับขี่เพราะเราผิดจริงๆ ดันปล่อยง่ายๆเลย คิดไม่ถึงเลยขอบคุณตำรวจไป 1 ที อธิษฐานขอโทษและขอบคุณพระเจ้ามาตลอดทาง ขอบคุณพระองค์ที่สอนให้เราถ่อมใจลง ยอมรับความผิดของตัว สามารถสารภาพความผิดได้อย่างง่ายดายโดยไม่รู้สึกเสียหน้า….ฉันเปลี่ยนไปแล้ว จริงๆนะ … สรรเสริญพระเจ้า
“……..อันที่จริงให้ท่านทุกคนมีความถ่อมใจในการปฏิบัติต่อกันและกัน ด้วยว่า พระเจ้าทรงเป็นปฏิปักษ์กับคนเหล่านั้นที่ถือตัวจองหอง แต่พระองค์ทรงสำแดงพระคุณแก่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน” (1เปโตร 5:5ข)
(CJ เปีย – สุปียา แสงหิรัญ)
ข่าวประชาสัมพันธ์
- เพื่อนเคยถูกจับ เพราะจราจรยกมือให้จอด แต่ไม่จอดวิ่งฝ่าไปหน้าตาเฉย จราจรถามว่าทำไมไม่จอด กลับตอบไปว่า “อ้าวเห็นยกมือ นึกว่าให้ไปได้อีก 5 คัน ใครจะไปรู้ล่ะว่าให้จอด” … เสร็จเลยโดนปรับ !!!
- ถนนใน กทม.เป็นสนามฝึกความอดทน อดกลั้นชั้นดี ถ้าขับแล้วอารมณ์เย็นยิ้มได้นี่ แสดงว่าเป็นเซียนกทม. ตัวจริง
- อธิษฐานให้เราถ่อมใจเป็น ไม่รู้สึกเสียหน้า สารภาพผิดได้ และพึ่งพิงพระเจ้าเพื่อจะมีกำลังยืนหยัดได้