ก้าวที่ยิ่งใหญ่แห่งความเชื่อ
พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16 THSV11)
ในเรื่องของอับราฮัมและอิสอัค เราเห็นภาพสวยงามของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กางเขนบนเนินหัวกระโหลก เราเห็นพ่อที่ยอมก้าวออกไปในการเชื่อฟังพระเจ้า เราเห็นด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ที่บนกางเขนเพื่อเรา พ่อที่ยอมสละลูกชายเพื่อถวายบูชา และลูกที่ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อเป็นเครื่องบูชา
นักวิชาการพระคัมภีร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าในตอนนั้นอิสอัคน่าจะอายุราวๆ 18 ถึง 20 ปี บางคนว่าน่าจะถึง 33 ปี โจเซฟัส นักประวัติศาสตร์ชาวยิวคิดว่าน่าจะ 25 ปี ไม่ว่าอิสอัคจะอายุเท่าไร สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน เขาไม่จำเป็นต้องทำตามถ้าไม่ต้องการ แต่เขาเต็มใจไป นี่เป็นภาพเดียวกับที่เกิดบนเส้นทางไปสู่กางเขนหรือไม่? พ่อที่รักลูกมาก ยอมสละลูกคนเดียวที่มี และลูกรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ยินยอมไป
ลูกคือของขวัญที่พระเจ้าประทานให้ เราไม่ได้เป็นเจ้าของพวกเขา พวกเขาเป็นของพระเจ้า หน้าที่ของเราคือนำพวกเขาให้ไปถึงพระองค์ ทำนองเดียวกัน ทุกสิ่งที่เรามีในชีวิต – ทรัพย์สมบัติทุกอย่าง ทุกความชำนาญ ทุกความสามารถ ทุกพรสวรรค์ที่มี – เป็นของประทานจากพระเจ้า ผมคิดเสมอว่าจะดีแค่ไหนถ้าได้นำสิ่งเหล่านี้กลับไปที่พระเจ้าทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าครับ พระองค์ประทานสิ่งนี้ให้ลูก ลูกขอคืนกลับให้พระองค์” ทำได้ไหมครับ? กล้าทำไหมครับ?
อับราฮัมกล้า และได้ทำแล้วครับ
เราต่างก็มีอิสอัคอยู่ในชีวิต คือบางสิ่งหรือบางคนที่เรารักมากมาย นี่คือการดีที่ควรนำไปมอบให้พระเจ้า เพราะไม่มีที่ไหนปลอดภัยมากกว่าให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า คนที่เปลี่ยนแปลงโลกจะมอบทุกสิ่งที่มีคืนให้พระเจ้าเพราะทุกสิ่งนั้นมาจากพระองค์
ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยเท่ากับในพระหัตถ์ของพระเจ้า
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000, Riverside, CA 92514
(Cr.ภาพ Nuisri)