เปโตรและโครเนลิอัส
พระธรรม กิจการ 10:1-48
อ้างอิง กจ.8:40;22:17;ปฐก.9:3;สดด.55:17;20:3;ลนต.11:4-8,13-20;20:25;มธ.26:13;24:17;ฉธบ.14:3-20; 10:17;อสย.53:11
บทนำ บางครั้งพระเจ้าอาจบัญชาให้เรากระทำกิจบางเรื่องที่เกินความคิดความเข้าใจของเรา เพราะเรื่องนั้นอาจผ่าเหล่าผ่ากอ คือขัดหรือแย้งกับขนบธรรมเนียมประเพณีที่เราและคนอื่น ๆ คุ้นเคย หรือปฏิบัติสืบต่อกันมา แต่เราผู้ที่ปรารถนาจะรับใช้พระเจ้าย่อมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะยอมจ่ายราคาเพื่อกระทำตามพระบัญชาของพระองค์
คุณเคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้บ้างหรือไม่? แล้วคุณตอบสนองอย่างไร?
บทเรียน
10:1 “และมีชายคนหนึ่งชื่อโครเนลิอัสอาศัยอยู่ในเมืองซีซารียา เป็นนายร้อยในกองพันทหารที่เรียกว่ากองอิตาเลียน”
(At Caesarea there was a man named Cornelius, a centurion of what was known as the Italian Cohort,)
10:2 “ท่านและครอบครัวเป็นคนเคร่งศาสนาและเกรงกลัวพระเจ้า ท่านให้ทานแก่ประชาชนอย่างมากมายและอ้อนวอนพระเจ้าอยู่เสมอ”
(a devout man who feared God with all his household, gave alms generously to the people, and prayed continually to God.)
10:3 “เวลาประมาณบ่ายสามโมง นายร้อยคนนั้นเห็นนิมิตชัดเจนว่ามีทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้ามาหาตน และกล่าวว่า “โครเนลิอัส”
(About the ninth hour of the day he saw clearly in a vision an angel of God come in and say to him, “Cornelius.”)
10:4 “โครเนลิอัสจ้องมองทูตองค์นั้นด้วยความตกใจกลัว และถามว่า “นี่หมายความถึงอะไร ท่านเจ้าข้า?” ทูตสวรรค์จึงตอบท่านว่า “คำอธิษฐานและการให้ทานของท่านขึ้นไปถึงพระเจ้าเป็นเหตุให้พระองค์ทรงระลึกถึงท่านแล้ว”
(And he stared at him in terror and said, “What is it, Lord?” And he said to him, “Your prayers and your alms have ascended as a memorial before God.)
10:5 “บัดนี้จงใช้คนไปเมืองยัฟฟา เชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา”
(And now send men to Joppa and bring one Simon who is called Peter. )
10:6 “ท่านอาศัยอยู่กับซีโมนที่เป็นช่างฟอกหนัง บ้านของเขาอยู่ริมฝั่งทะเล”
(He is lodging with one Simon, a tanner, whose house is by the sea.” )
10:7 “เมื่อทูตสวรรค์ที่พูดกับท่านจากไปแล้ว ท่านก็เรียกหาคนใช้สองคนกับทหารที่เคร่งศาสนาคนหนึ่งซึ่งเคยปรนนิบัติท่านเสมอ”
(When the angel who spoke to him had departed, he called two of his servants and a devout soldier from among those who attended him, )
10:8 “เมื่อโครเนลิอัสเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พวกเขาฟังแล้ว ท่านก็ใช้พวกเขาไปเมืองยัฟฟา”
(and having related everything to them, he sent them to Joppa.)
10:9 “วันรุ่งขึ้นเวลาประมาณเที่ยง ขณะที่คนกลุ่มนี้เดินทางใกล้จะถึงเมืองยัฟฟา เปโตรขึ้นไปบนหลังคาตึกเพื่ออธิษฐาน”
(The next day, as they were on their journey and approaching the city, Peter went up on the housetop about the sixth hour to pray. )
10:10 “ขณะนั้นท่านหิวอยากจะรับประทานอาหาร และในระหว่างที่ยังจัดอาหารกันอยู่ เปโตรก็ตกอยู่ในภวังค์”
(And he became hungry and wanted something to eat, but while they were preparing it, he fell into a trance)
10:11 “และท่านเห็นท้องฟ้าแหวกออกเป็นช่อง มีอะไรอย่างหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ ซึ่งมุมทั้งสี่ถูกหย่อนลงมายังพื้นโลก”
(and saw the heavens opened and something like a great sheet descending, being let down by its four corners upon the earth. )
10:12 “ในนั้นมีสัตว์ทุกอย่าง ทั้งสัตว์สี่เท้า สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศ”
(In it were all kinds of animals and reptiles and birds of the air.)
10:13 “แล้วมีพระสุรเสียงกล่าวกับท่านว่า “เปโตร จงลุกขึ้นฆ่ากิน”
(And there came a voice to him: “Rise, Peter; kill and eat.” )
10:14 “เปโตรจึงทูลว่า “ไม่ได้ องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสิ่งไม่บริสุทธิ์หรือเป็นมลทินนั้น ข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานเลย”
(But Peter said, “By no means, Lord; for I have never eaten anything that is common or unclean.”)
10:15 “แล้วมีพระสุรเสียงมาเป็นครั้งที่สองกล่าวกับท่านว่า “สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระแล้ว เจ้าอย่าว่าเป็นสิ่งไม่บริสุทธิ์”
(And the voice came to him again a second time, “What God has made clean, do not call common.” )
10:16 “สิ่งนี้ปรากฏถึงสามครั้ง แล้วถูกรับขึ้นไปในท้องฟ้าทันที”
(This happened three times, and the thing was taken up at once to heaven.)
10:17 “เมื่อเปโตรยังคิดสงสัยเรื่องนิมิตที่เห็นนั้นว่ามีความหมายอย่างไร ในทันใดนั้น คนที่โครเนลิอัสใช้ไปนั้นก็มายืนอยู่หน้าประตูรั้วหลังจากถามหาจนพบตึกของซีโมน”
(Now while Peter was inwardly perplexed as to what the vision that he had seen might mean, behold, the men who were sent by Cornelius, having made inquiry for Simon’s house, stood at the gate)
10:18 “พวกเขาร้องถามว่าซีโมนที่เรียกว่าเปโตรพักอยู่ที่นี่หรือไม่?”
(and called out to ask whether Simon who was called Peter was lodging there.)
10:19 “ขณะเปโตรตริตรองเรื่องนิมิตอยู่นั้น พระวิญญาณตรัสกับท่านว่า “นี่แน่ะ มีชายสามคนมาหาเจ้า”
(And while Peter was pondering the vision, the Spirit said to him, “Behold, three men are looking for you.)
10:20 “จงลุกขึ้นลงไปข้างล่างและไปกับพวกเขาเถิด อย่าลังเลใจเลย เพราะว่าเราใช้พวกเขามา”
(Rise and go down and accompany them without hesitation, for I have sent them.”)
10:21 “เปโตรจึงลงไปหาคนเหล่านั้นกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าคือคนที่พวกท่านตามหา พวกท่านมีธุระอะไรหรือ?”
(And Peter went down to the men and said, “I am the one you are looking for. What is the reason for your coming?”)
10:22 “เขาทั้งหลายจึงตอบว่า “นายร้อยโครเนลิอัสเป็นคนชอบธรรมและเกรงกลัวพระเจ้า และเป็นคนมีชื่อเสียงดีในหมู่พวกยิว โครเนลิอัสผู้นี้ได้รับคำบอกจากทูตสวรรค์บริสุทธิ์ให้มาเชิญท่านไปบ้านเพื่อฟังถ้อยคำของท่าน”
(And they said, “Cornelius, a centurion, an upright and God-fearing man, who is well spoken of by the whole Jewish nation, was directed by a holy angel to send for you to come to his house and to hear what you have to say.”)
10:23 “เปโตรจึงเชิญพวกเขาเข้าไปข้างในและให้พักอยู่ที่นั่น วันรุ่งขึ้นเปโตรลุกขึ้นไปกับพวกเขา และพี่น้องบางคนที่เมืองยัฟฟาก็ไปด้วย”
(So he invited them in to be his guests. The next day he rose and went away with them, and some of the brothers from Joppa accompanied him. )
10:24 “วันต่อมาเขาทั้งหลายไปถึงเมืองซีซารียา โครเนลิอัสกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ และเชิญญาติพี่น้องกับเพื่อนสนิทมาประชุมร่วมกัน”
(And on the following day they entered Caesarea. Cornelius was expecting them and had called together his relatives and close friends.)
10:25 “เมื่อเปโตรมาถึง โครเนลิอัสก็ต้อนรับเปโตรและทรุดตัวลงแทบเท้าท่าน”
(When Peter entered, Cornelius met him and fell down at his feet and worshiped him.)
10:26 “เปโตรจึงประคองโครเนลิอัสให้ลุกขึ้นและกล่าวว่า “จงลุกขึ้นยืน ข้าพเจ้าก็เป็นเพียงมนุษย์เหมือนกัน”
(But Peter lifted him up, saying, “Stand up; I too am a man.”)
10:27 “ระหว่างที่กำลังสนทนากัน เปโตรเข้าไปและเห็นคนจำนวนมากมาอยู่รวมกัน”
(And as he talked with him, he went in and found many persons gathered.)
10:28 “จึงกล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านทราบแล้วว่า การที่คนยิวจะคบหาหรือเยี่ยมเยียนคนต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม แต่พระเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ไม่ควรถือว่าคนหนึ่งคนใดไม่บริสุทธิ์หรือเป็นมลทิน”
(And he said to them, “You yourselves know how unlawful it is for a Jew to associate with or to visit anyone of another nation, but God has shown me that I should not call any person common or unclean.)
10:29 “เพราะเหตุนี้เมื่อท่านใช้คนไปเชิญข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมาโดยไม่ขัด ข้าพเจ้าขอถามว่า ที่ท่านเชิญข้าพเจ้ามานี้มีจุดประสงค์อะไร?”
(So when I was sent for, I came without objection. I ask then why you sent for me.”)
10:30 “โครเนลิอัสจึงตอบว่า “สี่วันที่แล้วขณะข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานอยู่ในบ้านของข้าพเจ้าราวๆ ตอนนี้คือบ่ายสามโมง มีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า สวมเสื้อผ้ามันวาวระยิบระยับ”
(And Cornelius said, “Four days ago, about this hour, I was praying in my house at the ninth hour, and behold, a man stood before me in bright clothing)
10:31 “คนนั้นกล่าวว่า ‘โครเนลิอัส พระเจ้าทรงระลึกถึงคำอธิษฐาน และการทำทานของท่านแล้ว”
(and said, ‘Cornelius, your prayer has been heard and your alms have been remembered before God.)
10:32 “เพราะฉะนั้นจงใช้คนไปเมืองยัฟฟาเชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา ท่านอาศัยอยู่ในบ้านของซีโมนช่างฟอกหนังที่ริมฝั่งทะเล’”
(Send therefore to Joppa and ask for Simon who is called Peter. He is lodging in the house of Simon, a tanner, by the sea.’)
10:33 “ข้าพเจ้าจึงใช้คนไปเชิญท่านมาทันที การที่ท่านมาก็ดีแล้ว เวลานี้เราอยู่กันพร้อมหน้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อฟังสิ่งสารพัดที่พระองค์ตรัสสั่งท่านไว้”
(So I sent for you at once, and you have been kind enough to come. Now therefore we are all here in the presence of God to hear all that you have been commanded by the Lord.”)
10:34 “แล้วเปโตรจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่าพระเจ้าไม่ทรงลำเอียง”
(So Peter opened his mouth and said: “Truly I understand that God shows no partiality,)
10:35 “ทุกคนในทุกชนชาติที่เกรงกลัวพระองค์ และประพฤติตามทางชอบธรรมก็เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์
(but in every nation anyone who fears him and does what is right is acceptable to him.” )
10:36 “เรื่องที่พระองค์ทรงฝากไว้กับพวกอิสราเอลคือการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์ผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือคนทั้งหลาย”
(As for the word that he sent to Israel, preaching good news of peace through Jesus Christ (he is Lord of all),
10:37 “พวกท่านก็รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วแคว้นยูเดีย โดยเริ่มต้นที่แคว้นกาลิลีหลังจากยอห์นประกาศเรื่องบัพติศมานั้น”
(you yourselves know what happened throughout all Judea, beginning from Galilee after the baptism that John Proclaimed)
10:38 “คือเรื่องที่ว่าพระเจ้าทรงเจิมพระเยซูชาวนาซาเร็ธด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร และเรื่องที่ว่าพระเยซูเสด็จไปทำคุณประโยชน์และรักษาคนทั้งหลายที่ถูกมารเบียดเบียนอย่างไร เพราะว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์”
(how God anointed Jesus of Nazareth with the Holy Spirit and with power. He went about doing good and healing all who were oppressed by the devil, for God was with him.)
10:39 “เราคือสักขีพยานของกิจการทั้งหมดที่พระองค์ทรงทำในแคว้นยูเดียและในกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาฆ่าพระองค์โดยแขวนไว้ที่ต้นไม้หมายถึง กางเขน”
(And we are witnesses of all that he did both in the country of the Jews and in Jerusalem. They put him to death by hanging him on a tree,)
10:40 “และในวันที่สามพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตายและทรงให้ปรากฏ”
(but God raised him on the third day and made him to appear,)
10:41 “ไม่ใช่ให้ปรากฏแก่คนทั่วไป แต่ให้ปรากฏแก่เรา คือบรรดาสักขีพยานที่พระเจ้าทรงเลือกไว้แล้ว คือทรงปรากฏแก่เราที่กินและดื่มกับพระองค์หลังจากพระองค์ทรงเป็นขึ้นจากตาย”
(not to all the people but to us who had been chosen by God as witnesses, who ate and drank with him after he rose from the dead.)
10:42 “พระองค์ทรงสั่งให้เราประกาศกับคนทั้งหลาย และเป็นพยานว่า พระเจ้าทรงตั้งพระองค์เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย”
(And he commanded us to preach to the people and to testify that he is the one appointed by God to be judge of the living and the dead.)
10:43 “บรรดาผู้เผยพระวจนะก็เป็นพยานถึงพระองค์ว่า ทุกคนที่เชื่อถือในพระองค์นั้น พระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของพวกเขาโดยพระนามของพระองค์”
(To him all the prophets bear witness that everyone who believes in him receives forgiveness of sins through his name.”)
10:44 “ขณะเปโตรยังกล่าวคำเหล่านั้นอยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาสถิตกับทุกคนที่ฟังพระวจนะนั้น”
(While Peter was still saying these things, the Holy Spirit fell on all who heard the word.)
10:45 “บรรดาคนเข้าสุหนัตที่เชื่อแล้วซึ่งมาพร้อมกับเปโตรต่างประหลาดใจ เพราะว่าพระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่คนต่างชาติด้วย”
(And the believers from among the circumcised who had come with Peter were amazed, because the gift of the Holy Spirit was poured out even on the Gentiles.)
10:46 “เพราะเขาทั้งหลายได้ยินคนเหล่านั้นพูดภาษาต่างๆ และยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เปโตรจึงถามว่า”
(For they were hearing them speaking in tongues and extolling God. Then Peter declared,)
10:47 “ใครจะห้ามคนเหล่านี้ที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนเราจากการรับบัพติศมาด้วยน้ำ?”
(“Can anyone withhold water for baptizing these people, who have received the Holy Spirit just as we have?”)
10:48 “เปโตรจึงสั่งให้เขาทั้งหลายรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ แล้วพวกเขาขอให้เปโตรพักอยู่กับพวกเขาอีกสักระยะหนึ่ง”
(And he commanded them to be baptized in the name of Jesus Christ. Then they asked him to remain for some days.)
ข้อมูลมีประโยชน์
10:1 “เมืองซีซารียา” (Caesarea) –อยู่ห่างจากเมืองยัฟฟาไปทางเหนือราว 48 กิโลเมตร ตั้งชื่อเป็นเกียรติให้แก่ซีซาร์ออกัสตัส ใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของเจ้าหน้าที่ของโรม (8:40)
“โครเนลิอัส” (Cornelius) = ชื่อภาษาลาติน ที่โด่งดัง เพราะเมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้น โครเนลิอัสซัลลา ปลดแอกทาสกว่าหมื่นคน คนเหล่านั้นจึงใช้ชื่อสกุลว่า โครเนลิอัสต่อ ๆ กันมา
“นายร้อย” (a centurion) = ผู้บัญชาการหน่วยทหารซึ่งปกติมีอย่างน้อย 100 นาย (มธ.8:5) กองทหารโรม (6000 นาย) แบ่งเป็น 10 กอง แต่ละกองมีชื่อเรียกเฉพาะเจาะจง
-ในที่นี้มีชื่อกองว่า กองอิตาเลียน (กองอื่น ๆ ก็มีเช่น กองจักรวรรดิ หรือกองออกัสตัส ,27:1) นายร้อยที่บัญชาประมาณ 1 ใน 6 กอง จะถูกเลือกจากคน ที่ทรงเกียรติ – ลก.7:5 ,พวกเขาเป็นผู้สร้างเสถียรภาพให้กับระบบโรมันทั้งหมด
10:2 “เป็นคนเคร่งศาสนา และยำเกรงพระเจ้า” (a devout man who feared God) -กจ.10:22,35;13:16,26
= ในทีนี้หมายถึง คนที่ไม่ได้เข้าจารีตยิวเต็มตัว แต่เชื่อพระเจ้า และถือคำสอนด้านศีลธรรมจรรยาของยิว
10:3 “เวลาประมาณบ่าย 3 โมง” (the ninth hour) = ข้อบ่งชี้ว่า โครเนลิอัสปฏิบัติตามศาสนายิว เพราะบ่ายสามโมงคือ เวลาอธิษฐานของคนยิว (3:1) = เวลาเผาเครื่องหอมยามเย็น
“เห็นนิมิตชัดเจน” (he saw clearly in a vision) = การสำแดงผ่านทูตสวรรค์แก่โครเนลิอัส ขณะที่เขาอธิษฐาน (ข.30;9:11)
10:4 “คำอธิษฐาน และการให้ทานของท่านขึ้นไปถึงพระเจ้า” (Your prayers and your alms have ascended) = เหมือนควันของเครื่องถวายบูชา (สดด.141:2; ฟป.4:18;ฮบ.13:15-16)
“เป็นเหตุให้พระองค์ระลึกถึงท่านแล้ว” (as a memorial before God) = เป็นเครื่องบูชาให้ระลึกถึงต่อพระพักตร์ของพระเจ้าแล้ว –สดด.20:3;มธ.10:42;26:13;วว.8:4
= ส่วนหนึ่งของธัญบูชาที่เผาบนแท่นบูชาเรียกว่า “ส่วนอนุสรณ์” (ลนต.2:2)
10:5-6 “เมืองยัฟฟา…ซีโมนที่เป็นช่างฟอกหนัง” (Joppa… Simon, a tanner) ดู 9:36,43
10:9 “บนหลังคาตึกเพื่ออธิษฐาน” (on the housetop about the sixth hour to pray) ดาดฟ้า เป็นธรรมเนียม ในเวลานั้นที่บ้านแต่ละหลัง จะมีหลังคาแบน และมีบันไดขึ้นด้านนอก หลังคา/ดาดฟ้าจึงเป็นที่เหมาะแก่ การพักผ่อนและทำกิจกรรมส่วนตัว (มก.2:4)
10:10 “เปโตรก็ตกอยู่ในภวังค์” (he fell into a trance) = เข้าสู่ภวังค์ เป็นสภาวะจิตใจที่พระเจ้าบันดาลให้เกิดเพื่อสื่อสารกับเปโตร ไม่ใช่เป็นการฝันหรือจินตนาการไปเอง เขามีสติสัมปชัญญะดีในขณะที่รับนิมิตจากพระเจ้า
10:12 “สัตว์สี่เท้า….” ( all kinds of animals) = ทั้งสัตว์ที่เป็นมลทิน และไม่เป็นมลทิน (ลนต.11)
10:14 “ไม่ได้ องค์พระผู้เป็นเจ้า” (By no means, Lord) = “ไม่ได้พระเจ้าข้า” เปโตรเป็นคนรักษากฎบัญญัติเรื่องความสะอาด ปราศจากมลทินอย่างเคร่งครัดจนไม่ยอมเชื่อฟังทำตามในทันที
10:15 “สิ่งที่พระเจ้าทรงชำระแล้ว เจ้าอย่าว่าเป็นสิ่งไม่บริสุทธิ์” (What God has made clean) = พระเจ้าบัญชาให้เลิกบัญญัติเรื่องอาหารที่สะอาดและเป็นมลทิน (มธ.15:11); ปท.1ทธ.4:3-5)
10:16 “สิ่งนี้ปรากฏถึงสามครั้ง” (happened three times) = เพื่อให้เปโตรมั่นใจ
10:23 “เชิญพวกเขาเข้าไปข้างใน” (he invited them in) = การจัดที่พักให้กับคนที่โครเนลิอัสส่งมา นับเป็นก้าวแรกที่เปโตรยอมรับคนต่างชาติ ทั้ง ๆ ที่ความใกล้ชิดเช่นนี้ขัดแย้งกับแนวปฏิบัติของคนยิว
“วันรุ่งขึ้น” (The next day) = วันที่คนเหล่านั้นมาถึงที่เปโตรอยู่นั้นล่าช้า จึงพักอยู่ 1 คืนก่อนออกเดินทางไกลไปซีซารียาในวันรุ่งขึ้น
“พี่น้องบางคน” (some of the brothers) = จำนวน 6 คน (11:12) ซึ่งมีภูมิหลังเป็นยิว (10:45;11:1)
10:26 “ข้าพเจ้าก็เป็นเพียงมนุษย์เหมือนกัน” ( I too am a man) = เปโตรไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด เขาไม่ต้องการให้โครเนลิอัส แสดงอาการ การให้เกียรติเป็นเหมือนนมัสการต่อเขา (14:11-15)
10:28 “แต่พระเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้ว” (God has shown me) = เปโตรตระหนักว่า นิมิตที่เขาได้เห็นมีความสำคัญลึกซึ้งมากกว่า แค่การประกาศยกเลิก การแบ่งแยกระหว่างเนื้อสะอาดกับเนื้อที่มีมลทิน แต่กำแพงที่ขวางกั้นระหว่างยิวกับคนต่างชาติกำลังถูกรื้อออกไป (อฟ.2:11-22)
10:30 “สี่วันที่แล้ว” (Four days ago) = สี่วันก่อน คนยิวนับเศษของวันเป็น 1 วัน
- ฑูตสวรรค์ปรากฎต่อโครเนลิอัส -1 วัน
- ผู้ส่งข่าวเดินทางมายัฟฟา และเปโตรรับนิมิต– 1 วัน
- คนทั้งหมดเดินทางออกจากยัฟฟา – 1 วัน
- พวกเขามาถึงบ้านโครเนลิอัส – 1 วัน
“คนหนึ่ง…สวมเสื้อผ้ามันวาวระยิบระยับ” (a man … in bright clothing ) = การบรรยายลักษณะทูตสวรรค์ในสภาพกายมนุษย์
10:34 “พระเจ้าไม่ทรงลำเอียง” (God shows no partiality) = พระเจ้าไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง = พระเจ้าไม่ได้โปรดปรานคนใด เพราะเชื้อชาติ ฐานะ หรือทรัพย์สมบัติของเขา (รม.2:11;ยก.2:1;ฉธบ. 10:17-19;2พศด.19:17;โยบ 34:19;อฟ.6:9;คส.3:25;1ปต.1:17) แต่พระเจ้าทอดพระเนตรที่อุปนิสัยการตัดสินใจทำของพวกเขา
10:35 “เกรงกลัวพระองค์ และประพฤติตามทางชอบธรรม” (fears him and does what is right is acceptable to him) = การประพฤติที่พระเจ้าพอพระทัยเป็นสิ่งที่ถูกต้องพึงกระทำ – กจ.15:9
10:36 “ข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขในพระคริสต์” (good news of peace through Jesus Christ ) = โครเนลิอัส นมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ก็ดีอยู่ แต่เขายังไม่รู้จักหรือเชื่อในพระคริสต์ ในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง คือทั้งยิวและต่างชาติ (ยน.3:16;รม.1:16;กจ.10:34-35;รม.5:1) ซึ่งจะก่อเกิดสันติสุข ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์
10:37 “หลังจากยอห์นประกาศเรื่องบัพติศมา” (after the baptism that John proclaimed) = คำเทศนาของเปโตรคล้ายกับโครงเรื่องที่บันทึกไว้ในพระธรรมมาระโก คือเริ่มจากบัพติศมาของยอห์น และดำเนินต่อเนื่องถึงการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์ มีนัยว่า มาระโกเป็นล่ามให้กับเปโตร ปท. คำเทศนาของเปโตรก่อนหน้านี้คือ 2:14-41;3:12-26; 4:8-12; 5:29-32
10:38 “พระเจ้าทรงเจิมพระเยซู” (God anointed Jesus) -อสย.61:1-3;ลก.4:18-21
10:39 “แขวนไว้ที่ต้นไม้” (hanging him on a tree) -กจ.5:30
10:41 “ปรากฏแก่เราที่กินและดื่มกับพระองค์” (witnesses, who ate and drank) = คนที่เป็นพยานหรือเห็นหลักฐานของการที่พระเยซูเป็นขึ้นจากตายทางฝ่ายร่างกายอย่างชัดเจน (ลก.24:42-43;ยน.21:12-15)
10:44 “พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาสถิตกับทุกคน” (the Holy Spirit fell on all) -8:16
10:45 “ต่างประหลาดใจ….เพราะว่าพระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่คนต่างชาติด้วย” (were amazed, because the gift of the Holy Spirit was poured out even on the Gentiles)
= คริสเตียนยิวยุคแรก ๆ ไม่เข้าใจที่ข่าวประเสริฐนี้มีเพื่อคนต่างชาติด้วยเช่นเดียวกับเพื่อชาวยิวคือ พวกเขาก็ได้รับประโยชน์จากการไถ่บาปด้วย
10:47 “ใครจะห้ามคนเหล่านี้ที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนเรา จากการรับบัพติศมาด้วยน้ำ” (Can anyone withhold water for baptizing these people, who have received the Holy Spirit just as we have?) = คนต่างชาติได้รับของประทานเดียวกันกับชาวยิว (11:17)
คำถามนำอภิปราย
- คุณเป็นฝ่ายแสวงหาพระเจ้าก่อนหรือพระเจ้า(หรือพระเยซูคริสต์)ทรงเป็นฝ่ายตามหาคุณ? อย่างไร? และชีวิตของคุณก่อนพบกับการเปิดเผยพระองค์ของพระเจ้าเป็นอย่างไร?
1) เป็นคนดี อย่างไร?…………………………………………………………………………
2) เป็นคนไม่ดี อย่างไร?……………………………………………………………………..
- คุณมีประสบการณ์พิเศษในการพบกับพระเจ้าหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยประสบกับเรื่องที่ไม่คาดฝันในชีวิตบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? และอย่างไร?
- คุณเคยถูกสั่งให้ทำอะไรที่คุณไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายต้องทำตามนั้นบ้างอย่างไร? ทำไม?
- คุณเคยถูกตามให้ไปอธิบาย เรื่องพระเยซูคริสต์ให้ผู้ใด ครอบครัวใด หรือกลุ่มใดฟังบ้างหรือไม่? แล้วผลเป็นอย่างไร?
- คุณเคยเห็นพระเจ้าทรงสำแดงพระคุณต่อคนอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชังหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการได้เห็น
1) คนรับบัพติศมาด้วยน้ำก่อน รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และ
2) คนที่รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก่อนรับบัพติศมาด้วยน้ำ? หรือไม่? ที่ไหน? อย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์