จงเป็นพรต่อผู้อื่นด้วยการให้!
“ไม่มีใครยากจนลงเพราะการให้”
“No one has ever become poor by giving.” ―Anne Frank
จะมีอะไรทำให้พระทัยของพระเจ้า และ ใจของเรามีความสุขมากเท่ากับการให้!
แท้จริงแล้ว คนที่ให้ จะเป็นผู้แรกที่มีความสุขอยู่แล้ว ระหว่างคนให้กับคนรับ ใครมีความสุขมากกว่า?
โดยทั่วไป คนคิดกันว่า คนรับมีความสุขมากกว่าคนให้ ซึ่งก็ถูก แต่ไม่หมด เพราะความสุขที่เกิดจากการรับนั้นเกิดขึ้นทันที แต่ก็เป็นแค่สภาวะชั่วคราวและสั้นๆ แต่ความสุขที่เกิดจากการให้นั้นดำรงอยู่อย่างยาวนาน และถาวร ฉะนั้น เราจึงควรตั้งเป้า และขวนขวายหาโอกาสที่จะเป็นผู้ให้
ดังที่ Pablo Picasso กล่าวไว้ว่า…
“ความหมายของชีวิตคือการค้นพบของประทาน (พรจากสวรรค์) ของคุณ และวัตถุประสงค์ของชีวิตคือการให้สิ่ง(ที่พบ)นั้นออกไป!”
“The meaning of life is to find your gift. The purpose of life is to give it away.” ―Pablo Picasso
ใช่ครับ สิ่งที่เราค้นพบ ควรเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่เราพร้อมเต็มใจจะแบ่งปันให้แก่ผู้อื่นต่อๆ ไป
ดังที่ Dorothy Day กล่าวว่า….
“สิ่งดีที่สุดที่ควรทำกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตก็คือ การให้สิ่งเหล่านั้นออกไป!”
“The best thing to do with the best things in life is to give them away.” —Dorothy Day
และเราควร “คิดและตระหนักไว้เสมอว่า การให้ไม่ใช่เป็นหน้าที่ แต่เป็นสิทธิพิเศษ!”
(Think of giving not as a duty but as a privilege.) ―John D. Rockefeller Jr.
นั่นคือ ถ้าเรามีอะไรที่จะให้แก่ผู้อื่นได้ นั่นหมายความว่า พระเจ้าทรงให้สิทธิพิเศษที่จะทำเช่นนั้นแก่เรา เราจึงควรฉวยโอกาสที่จะให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ให้ความสุขแก่ผู้อื่นอยู่เสมอ อันที่จริง การให้นั้นคือการรับใช้ที่ทำให้เราค้นพบตัวเอง!
ดังคำกล่าวของ มหาตมะ คานธี ที่ว่า…
วิถีที่ดีที่สุดในการค้นพบตัวคุณเอง ก็คือ การยอมสูญเสียตัวคุณเองในการรับใช้ผู้อื่น!”
(“The best way to find yourself, is to lose yourself in the service of others.”) —Mahatma Gandhi
ยิ่งกว่านั้น เราควรตระหนักว่า การให้ของเราคือการสร้างชีวิตของเราและผู้อื่นด้วย
ดุจดังที่ วินสตัน เชอร์ชิล กล่าวว่า…
“เราสร้างตัวโดยการได้มา เราสร้างชีวิตโดยการให้ไป!”
“We make a living by what we get. We make a life by what we give.” ―Winston S. Churchill
เชื่อได้เลยว่า คนที่ให้จะมีความสุข และยิ่งเขาให้มากขึ้น เขาก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก
และเป็นจริงตามที่ แจ๊คสัน บราวน์ กล่าวไว้ว่า…
“จงจำไว้ว่า คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ใช่คนที่ได้มามากขึ้น แต่คือคนที่ให้เพิ่มขึ้น!”
“Remember that the happiest people are not those getting more, but those giving more.” ―H. Jackson Brown J
ขอให้เราจดจำไว้เสมอว่า ยิ่งให้แก่คนอื่นมากเท่าไร เราก็จะยิ่งได้รับมากขึ้นเท่านั้น
“จงให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับด้วยแบบยัดสั่นแน่นพูนล้นเต็มหน้าตักของท่าน เพราะว่าเมื่อท่านตวงให้เขาเท่าไร ท่านก็จะได้รับการตวงกลับคืนไปเท่านั้นเช่นกัน” (ลูกา6:38)
พระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า คนใดที่ให้ผู้อื่นด้วยใจกว้างขวาง คนนั้นก็จะเจริญรุ่งเรือง
“คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรือง คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน” -สุภาษิต11:25
(A generous person will prosper; whoever refreshes others will be refreshed. -Proverbs 11:25 NIV
ฟรานซิส แห่งอัสซิสซี ก็กล่าวไว้เช่นกันว่า…
เพราะคนที่ให้คือคนที่จะได้รับ “เพราะว่าในการให้ เป็นเหตุที่ทำให้เราได้รับ”
(“For it is in giving that we receive.”) ―St. Francis of Assisi
เราจึงต้องให้ก่อนที่เราจะได้รับ! และเราควรจะให้ด้วยใจที่ยินดี
“แต่ละคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ให้ด้วยความจำใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี” 2โครินธ์9:7
“Each of you should give what you have decided in your heart to give, not reluctantly or under compulsion, for God loves a cheerful giver.” 2 Corinthians 9:7 NIV
ดังนั้น หากวันนี้ เรามีสิทธิอำนาจที่จะรับใช้พระเจ้า และรับใช้ผู้อื่นด้วยการให้อะไร แก่ใคร ก็อย่าให้เรารีรอ ที่จะเป็นพรแก่คนเหล่านั้นโดยการเริ่มต้นให้สิ่งดีๆ ที่ให้กำลังใจ ให้ความรอดและให้ความสุขแก่ทุกคน โดยเริ่มต้นจากคนอยู่ใกล้ตัวของเรามากที่สุดก่อนแล้วค่อยๆ ขยายวงออกไปจนกว้างไกล!
“อย่ากีดกันสิ่งดีไว้จากผู้สมควรจะได้รับ ในเมื่อสิ่งนี้อยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะทำได้” สุภาษิต3:27
(Do not withhold good from those to whom it is due, when it is in your power to act.) Proverbs 3:27
เห็นด้วยไหมครับ?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr.ภาพ Giving and receiving)