เปาโล (2) และเปโตร
พระธรรม กิจการ 9:23-43
อ้างอิง กจ4:10;36;8:1;20:3,19;22:17;23:16,30;26:20;1ซมอ19:12;2คร11:26,32-33;กท1:17-18; 1พศด5:16;27:29;อสย33:9;35:2;65:10;ทต3:8;1ทธ5:3;ลก22:41
บทนำ พระเจ้าทรงใช้ทั้งอาจารย์เปาโล และอาจารย์เปโตรในการขยายแผ่นดินของพระเจ้า ทั้ง 2 กระทำกิจที่สำคัญอย่างอัศจรรย์ ทั้งที่คล้ายคลึง และแตกต่างกัน เป็นเหตุให้เกิดคริสตจักร และการเจริญเติบโตเสริมสร้างจนเพิ่มพูนผู้เชื่อให้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา
บทเรียน
9:23 “หลังจากนั้นอีกหลายวัน พวกยิวก็ปรึกษากันว่าจะฆ่าเซาโล”
(When many days had passed, the Jews plotted to kill him, )
9:24 “แต่แผนการของพวกเขารู้ไปถึงหูของเซาโล พวกเขาคอยเฝ้าที่ประตูเมืองทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อดักฆ่าเซาโล”
(but their plot became known to Saul. They were watching the gates day and night in order to kill him, )
9:25 “แต่พวกสาวกเอาเซาโลนั่งลงในกระบุงใบใหญ่ตอนกลางคืนแล้วหย่อนท่านลงจากกำแพงเมือง”
(but his disciples took him by night and let him down through an opening in the wall, lowering him in a basket.)
9:26 “เมื่อเซาโลไปถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ท่านพยายามจะเข้าร่วมกับพวกสาวก แต่เขาทั้งหลายกลัว เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็นสาวก”
(And when he had come to Jerusalem, he attempted to join the disciples. And they were all afraid of him, for they did not believe that he was a disciple.)
9:27 “แต่บารนาบัสพาท่านไปหาพวกอัครทูต และเล่าให้พวกเขาฟังว่าเซาโลเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ตรัสกับท่านระหว่างทางอย่างไร และท่านประกาศออกพระนามพระเยซูด้วยใจกล้าหาญในเมืองดามัสกัสอย่างไร”
(But Barnabas took him and brought him to the apostles and declared to them how on the road he had seen the Lord, who spoke to him, and how at Damascus he had preached boldly in the name of Jesus. )
9:28 “แล้วเซาโลจึงได้เข้านอกออกในอยู่กับพวกอัครทูตในกรุงเยรูซาเล็ม”
(So he went in and out among them at Jerusalem, preaching boldly in the name of the Lord.)
9:29 “ประกาศออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจกล้าหาญ ท่านพูดและโต้แย้งกับพวกยิวที่พูดกรีก แต่พวกนั้นพยายามหาทางฆ่าท่านเสีย”
(And he spoke and disputed against the Hellenists. But they were seeking to kill him. )
9:30 “เมื่อพี่น้องรู้เรื่องนี้ ก็พาท่านลงไปยังเมืองซีซารียา แล้วส่งต่อไปยังเมืองทาร์ซัส”
(And when the brothers learned this, they brought him down to Caesarea and sent him off to Tarsus.)
9:31 “เพราะฉะนั้น คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลี และสะมาเรียก็เกิดความสงบสุขและเจริญเติบโต ต่างประพฤติตนด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและรับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตสมาชิกจึงยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น”
(So the church throughout all Judea and Galilee and Samaria had peace and was being built up. And walking in the fear of the Lord and in the comfort of the Holy Spirit, it multiplied.)
9:32 “ขณะที่เปโตรเดินทางไปๆ มาๆ ทั่วทุกแห่งนั้น ท่านก็ลงไปหาพวกธรรมิกชนที่อาศัยอยู่ในเมืองลิดดาด้วย”
(Now as Peter went here and there among them all, he came down also to the saints who lived at Lydda. )
9:33 “เปโตรพบคนหนึ่งชื่อไอเนอัสที่นั่น เขาเป็นอัมพาตต้องนอนอยู่บนเตียงมาแปดปีแล้ว”
(There he found a man named Aeneas, bedridden for eight years, who was paralyzed. )
9: 34 “เปโตรกล่าวกับเขาว่า “ไอเนอัส พระเยซูคริสต์ทรงให้ท่านหายโรค จงลุกขึ้นเก็บที่นอนของท่านเถิด” ทันใดนั้นไอเนอัสก็ลุกขึ้น”
(And Peter said to him, “Aeneas, Jesus Christ heals you; rise and make your bed.” And immediately he rose. )
9:35 “เมื่อคนทั้งหลายที่อยู่ในเมืองลิดดาและที่ราบชาโรนเห็นแล้วก็กลับใจมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า”
(And all the residents of Lydda and Sharon saw him, and they turned to the Lord.)
9:36 “ในเมืองยัฟฟามีหญิงคนหนึ่งที่เป็นสาวกชื่อทาบิธาเป็นภาษาอาราเมคแปลว่า กวาง ตามภาษากรีกว่าโดรคัสแปลว่ากวาง หญิงคนนี้เคยทำคุณประโยชน์และสงเคราะห์คนจนมากมาย”
(Now there was in Joppa a disciple named Tabitha, which, translated, means Dorcas. She was full of good works and acts of charity. )
9:37 “เวลานั้นหญิงคนนี้ป่วยจนถึงแก่ความตาย พวกเขาจึงอาบน้ำศพและตั้งไว้ในห้องชั้นบน”
(In those days she became ill and died, and when they had washed her, they laid her in an upper room. )
9:38 “เมืองลิดดานั้นอยู่ใกล้กับเมืองยัฟฟา เมื่อพวกสาวกได้ยินว่าเปโตรอยู่ที่นั่น จึงใช้คนสองคนไปขอร้องท่านว่า “เชิญมาหาโดยด่วน”
(Since Lydda was near Joppa, the disciples, hearing that Peter was there, sent two men to him, urging him, “Please come to us without delay.” )
9:39 “เปโตรจึงลุกขึ้นไปกับเขาทั้งสอง เมื่อถึงแล้วพวกเขาก็พาท่านขึ้นไปที่ห้องชั้นบน พวกหญิงม่ายก็ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆท่านและชี้ให้ท่านดูเสื้อผ้าต่างๆ ที่โดรคัสทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่”
(So Peter rose and went with them. And when he arrived, they took him to the upper room. All the widows stood beside him weeping and showing tunics and other garments that Dorcas made while she was with them. )
9:40 “เปโตรจึงให้คนทั้งหลายออกไปข้างนอก และคุกเข่าลงอธิษฐาน แล้วหันมายังศพนั้นกล่าวว่า “ทาบิธา จงลุกขึ้น” ทาบิธาก็ลืมตา เมื่อเห็นเปโตรจึงลุกขึ้นนั่ง”
(But Peter put them all outside, and knelt down and prayed; and turning to the body he said, “Tabitha, arise.” And she opened her eyes, and when she saw Peter she sat up. )
9:41 “เปโตรยื่นมือออกมาพยุงเธอ แล้วเรียกพวกธรรมิกชนกับบรรดาแม่ม่ายเข้ามา แล้วมอบหญิงที่มีชีวิตนั้นให้กับพวกเขา”
(And he gave her his hand and raised her up. Then, calling the saints and widows, he presented her alive. )
9:42 “เหตุการณ์นั้นลือไปตลอดทั่วเมืองยัฟฟา คนจำนวนมากก็พากันมาเชื่อถือองค์พระผู้เป็นเจ้า”
(And it became known throughout all Joppa, and many believed in the Lord.)
9:43 “เปโตรอาศัยอยู่ในเมืองยัฟฟาหลายวัน โดยพักอยู่กับซีโมนที่เป็นช่างฟอกหนัง”
(And he stayed in Joppa for many days with one Simon, a tanner.)
ข้อมูลมีประโยชน์
9:23 “หลังจากนั้นอีกหลายวัน” (many days had passed) = หลายวันผ่านไป หรือ อาจหมายความว่า “วันเวลาผ่านไป” ซึ่งอาจเท่ากับช่วงเวลา “3 ปี” ตามที่บันทึกไว้ใน กาลาเทีย1:17-18 นักวิชาการเชื่อว่า เซาโลอาจใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วง 3 ปีนี้ ในอาระเบีย ซึ่งห่างออกไปจากดามัสกัส(พรมแดนอาระเบียมีส่วนที่ติดกับดามัสกัส)
“พวกยิวก็ปรึกษากันว่าจะฆ่าเซาโล” ( the Jews plotted to kill him ) =เมื่อเซาโล กลับไปดามัสกัส เจ้าเมือง หรือผู้ว่าการเมืองของ กษัตริย์อาเรทัสให้คนเฝ้าคอยจับเซาโล(2คร11:32)
~พบเหรียญของโรมปรากฏในดามัสกัส ระหว่าง คศ. 34-62 อาจบ่งชี้ว่า อาเรทัสครองอำนาจอยู่ในเวลานั้น
9:25 “เอาเซาโลนั่งลงในกระบุงใบใหญ่”( lowering him in a basket) = ให้เซาโลซุกตัวลงไปในเข่ง (2คร11:33 ) เปรียบเทียบ โยชูวา 2:15;1ซมอ 19:12
9:26 “เซาโลไปถึงกรุงเยรูซาเล็ม” (when he had come to Jerusalem) = จากพระธรรม กาลาเทีย 1:19 เรารู้ว่าอัครทูตคนอื่นๆ หายกันไปหมด เหลือเพียงแค่เปโตรกับยากอบน้องชายของพระเยซูซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้นำในเยรูซาเล็มเสมือนอัครทูตคนหนึ่ง (กท2:9)
9:27 “บารนาบัส” ( Barnabas ) =ดู กจ.4:36
9:29 “ท่านพูดและโต้แย้ง” (he spoke and disputed) = ก่อนหน้านี้ เซาโลเคยโต้แย้งโจมตีพระเยซูคริสต์ แต่เวลานี้ เซาโลเองทั้งโต้และแย้ง เพื่อประกาศยืนยันว่า พระเยซูคือพระคริสต์ หรือพระเมสสิยาห์
9:30 “เมืองซีซาริยา” (Caesarea ) -ดู กจ.8:40
“เมืองทาร์ซัส” (Tarsus) =บ้านเกิดของเซาโล (22:3)
9:31 “คริสตจักร” (the church ) = เป็นคำเอกพจน์ หมายถึง คริสเตียนทั้งหมด ทั้งในยูเดีย สะมาเรีย และกาลิลี ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่คริสตจักรท้องถิ่นหลายๆ แห่ง (กจ5:11)
“รับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์” (in the comfort of the Holy Spirit) = กิจการของ พระวิญญาณคือการ ทรงปลอบโยน หนุนชูใจผู้เชื่อ (กจ13:2;1:2)
9:32 “ลิดดา” (Lydda ) =เมืองที่อยู่ห่างจากยัฟฟาไปทางเหนือราว 19 กิโลเมตร และห่างจากถนนที่เชื่อมยัฟฟากับเยรูซาเล็มราว 4-5 กิโลเมตร
9:33 “ไอเนอัส” (Aeneas) =อาจเป็นคริสเตียนที่เมืองลิดดา เพราะก่อนหน้านี้บันทึกว่า เปโตรตั้งใจไปเยี่ยมพวกสาวกที่ลิดดา
9:35 “ที่ราบชาโรน” (Sharon) =ที่ราบอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ราว 80 กิโลเมตร ตามแนวชายฝั่งทะเล เมดิเตอร์เรเนียน(ตั้งแต่ยัฟฟาถึงซีซารียา) แต่ในตอนนี้ อาจเป็นชื่อหมู่บ้านหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับเมืองลิดดา
9:36 “ยัฟฟา” (Joppa) = อยู่ห่างจากเยรูซาเล็มราว 61 กิโลเมตร เป็นท่าเรือหลักของยูเดีย(ปัจจุบันเป็น ชานเมือง ของเทลอาวิฟ)
9:37 “เขาจึงอาบน้ำศพ” (they had washed her) = ร่างของนางได้รับการชำระให้สะอาด เป็นการเตรียมการฝังศพ ซึ่งเป็นธรรมเนียมทั้งของยิวและของกรีก
“ห้องชั้นบน” (an upper room) = ปกติศพในเยรูซาเล็ม จะถูกฝังในวันที่ตาย แต่นอกเยรูซาเล็มอาจเลื่อนเก็บศพไปได้ 3 วัน และวางศพไว้ในห้องชั้นบน
9:38 “เชิญมาหาโดยด่วน” (Please come to us without delay ) = “ขอโปรดมาในทันที!” พวกเขาขอร้องให้เปโตรรีบไปให้ทันก่อนฝังศพ ไม่ว่าจะเพื่อปลอบโยนใจ หรือเพื่อทำการอัศจรรย์ในการรักษาให้ฟื้นขึ้นมา
9:40 “ให้คนทั้งหลายออกไปข้างนอก” (put them all outside ) = เปรียบเทียบกับใน 1พกษ17:23;2พกษ4:33
ในพระคัมภีร์บันทึกเรื่องราวไว้ 3 ตอนที่พระเยซูคริสต์ทรงทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาโดยที่เปโตรอยู่ที่นั่นกับพระองค์ด้วยอยู่ใน -มธ9:25;ลก7:11-17;ยน11:1-44
ในตอนนี้ เปโตรทำเช่นเดียวกับที่พระเยซูทรงกระทำเมื่อรักษาบุตรสาวของไยรัส คือให้ฝูงชนออกไปข้างนอก แต่ที่แตกต่างกันคือ เปโตรคุกเข่าลง และอธิษฐาน
9:42 “คนจำนวนมากก็พากันมาเชื่อ” (many believed ) -เปรียบ ยน 12:11
9:43 “ช่างฟอกหนัง” (a tanner) -โดยปกติมีการ ระบุอาชีพต่อท้ายชื่อบุคคล เพื่อบรรยายลักษณะของคนๆ นั้น ให้ชัดเจน เช่น 16:14;18:3;19:24;2ทธ4:14
แต่ในกรณีนี้ มีนัยที่สำคัญเป็นพิเศษ เพราะช่างฟอกหนังคือคนที่ต้องแตะต้องซากสัตว์ที่ตายไปแล้ว ซึ่งตามบัญญัติของยิว ถือว่าคนนั้นก็เป็นมลทิน คนจึงมักดูหมิ่นเหยียดหยามคนที่ทำอาชีพนี้
ในตอนนี้ เปโตรพักอยู่กับช่างฟอกหนังที่บ้าน แสดงว่า เปโตรได้ละอคติของคนยิวลง อันเป็นการเตรียมตัวเพื่อทำพันธกิจประกาศข่าวประเสริฐกับคนต่างชาติ
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยถูกคนปองร้าย(หมายเอาชีวิตคุณ)บ้างไหม? อย่างไร เรื่องราวเป็นอย่างไร? แล้วคุณรอดพ้นมาได้อย่างไร? (หรือกลับกัน คุณเคยมุ่งร้ายต่อผู้ใดบ้างหรือไม่? อย่างไร และทำไม?) และเกิดผลอะไรตามมา?
- คุณเคยได้รับความช่วยเหลือให้พ้นภัยอันตรายจากอะไร ผู้ใด หรือกลุ่มใดบ้าง? ในเรื่องอะไร? ใครคือผู้ที่ช่วยคุณ? และช่วยอย่างไร?
- คุณเคยอยากร่วมคบหาสมาคมกับผู้หนึ่งผู้ใด หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่คนเหล่านั้นไม่ต้อนรับคุณบ้างหรือไม่? เพราะอะไร? เรื่องราวเป็นอย่างไร ? ให้แบ่งปัน
- คุณเคยสามารถคบหาสมาคม หรือได้รับการต้อนรับเข้าร่วมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่คุณอยากเข้าบ้างหรือไม่? เพราะอะไร หรือเพราะใคร?
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการเป็นพยานหรือประกาศอย่างกล้าหาญจนเกือบประสบภัยบ้างหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยสัมผัสกับ ความสงบสุข และความเจริญเติบโตของคริสตจักรบ้างหรือไม่? อย่างไร? อะไรเป็นสาเหตุ?
- คุณเคยเห็นหรือมีประสบการณ์กับการหายโรค หรือการรักษาโรคบ้างหรือไม่ ? อย่างไร? และส่งผลอะไรบ้าง? (ให้แบ่งปัน)
- คุณคิดว่าใครจะร้องไห้อาลัยคุณจริงๆ เมื่อคุณตายจากโลกนี้? ทำไมคุณคิดเข่นนั้น?
- คุณเคยนำผู้ใดมาเชื่อถือในพระคริสต์บ้าง? ที่ไหน? เมื่อไร และอย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์