ย้อนเวลากลับสู่อดีต
เพราะในอดีตท่านได้ใช้เวลาไปมากพอแล้วในการทำสิ่งที่คนไม่รู้จักพระเจ้าเลือกที่จะทำกันคือ หมกมุ่นในการเสเพล ราคะตัณหา การเมามาย การมั่วสุมเสพสุรากามารมณ์ และการกราบไหว้รูปเคารพอันน่าชิงชัง (1เปโตร 4:3 TNCV)
คำพังเพยของไทยสมัยก่อนกล่าวว่า “เวลาและวารีไม่เคยคอยท่า” ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เช่นเดียวกับโอกาสต่างๆในชีวิต แต่ที่น่าสนใจคือมนุษย์ยังมีส่วนเล็กๆของอดีตแอบเอาไว้ในใจ เรามีละครย้อนยุคเป็นที่นิยม พระเอกหรือนางเอกสามารถออกจากปัจจุบันและย้อนเวลากลับเข้าไปในอดีตได้ ได้พบความจริงบางอย่าง ได้พบรักกับชายหรือหญิงในฝัน ได้สัมผัสบรรยากาศที่เรียบง่ายไม่ยุ่งยากของผู้คนในอดีต
ทำไมเราถึงทำเช่นนั้น? ส่วนหนึ่งน่าจะเหน็ดเหนื่อยจากความวุ่นวายเร่งรีบของปัจจุบัน หรือความโหดร้ายของผู้คนที่ทวีมากขึ้น หรือแค่อยากรู้อยากเห็น หรือเราเชื่อว่าอดีตย่อมดีกว่าปัจจุบัน … ดีกว่าจริงหรือ?
ชาวอิสราเอลเองก็เช่นกัน เมื่อได้รับการปลดปล่อยจากความทุกข์สาหัสของการเป็นทาสในอียิปต์ และมุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา เมื่อไม่ได้ดั่งใจ พวกเขาก็ดื้อดึง บ่นต่อว่าผู้นำและเลยเถิดกระทบไปถึงพระเจ้า ในกันดารวิถี 11 บันทึกว่า “ฝูงชนที่มากับพวกเขาเริ่มร้องหาอาหารอย่างอื่น และชาวอิสราเอลเริ่มคร่ำครวญอีกว่า “อยากกินเนื้อเหลือเกิน! นึกถึงปลาที่เราเคยกินกันในอียิปต์โดยไม่ต้องซื้อ อีกทั้งแตงกวา แตงโม กระเทียมจีน หอมใหญ่ และกระเทียม แต่ขณะนี้เราเบื่ออาหาร เพราะเราไม่เคยเห็นอาหารอย่างอื่นนอกจากมานา!”
เราเองก็ไม่ต่างกัน เรามักมองแต่ส่วนดีของอดีตเท่านั้น มองข้ามความเลวร้ายไปหมดสิ้น ถ้าอยากย้อนเวลากลับไป ให้ย้อนกลับไปดูสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงทำเพื่อเราในอดีต ทรงทำในปัจจุบัน และจะทรงทำในอนาคต ทั้งสิ้นเป็นไปเพื่อ “สิ่งดี” สำหรับเรา ดังนั้นหยุดคร่ำครวญถึงเวลาในอดีต แต่จงใช้เวลาของปัจจุบันทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อถวายพระสิริแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงทำแต่ “สิ่งดี” เพื่อเราเสมอมา
บทเฝ้าเดี่ยวโดยทีม Vitamin CJ
(Cr.ภาพ Datpiff)