Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนจากพระธรรมกิจการ บทที่ 12

เซาโลผู้กลับใจ (1)

พระธรรม    กิจการ 9:1-22

อ้างอิง    กจ.2:38;6:8;8:3;9:14-18:10:3,17-19;11:25-26;13:12-2-5;14:1;16:9-10;17:2-3;19:9,23:20:23; 21:11;24:14,22;อสย.17:1;ยรม.49:23;อสค.3:22;ดนล.10:7;1คร.15:8;ยน.12:29;รม.1:1

บทนำ      ชีวิตของคนเราอาจพลิกผันได้ภายในชั่วครู่ ดุจดังชีวิตของเซาโลที่เปลี่ยนจากผู้ล่า มากลายเป็นพวกเดียวกับผู้ถูกล่า จากนั้นก็กลายมาเป็น ผู้ถูกไล่ล่าโดยตรง เพื่อพระเยซูคริสต์ จากนั้นชีวิตของท่านก็เปลี่ยนจากการเป็นศัตรูของพระคริสต์ กลายมาเป็นสาวกที่โดดเด่นที่สุดของพระองค์!

บทเรียน

9:1 “ในระหว่างนั้นเซาโลยังขู่คำราม กล่าวว่าจะฆ่าบรรดาสาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงไปหามหาปุโรหิต” 

  (But Saul, still breathing threats and murder against the disciples of the Lord, went to the high priest) 

9:2 “ขอหนังสือไปยังธรรมศาลาต่างๆ ในเมืองดามัสกัส เพื่อที่ว่าถ้าพบใครเป็นพวก “ทางนั้น”ไม่ว่าชายหรือหญิง จะจับมัดพามายังกรุงเยรูซาเล็ม” 

   (and asked him for letters to the synagogues at Damascus, so that if he found any belonging to the Way,  men or women, he might bring them bound to Jerusalem. )

9:3 “ขณะที่เซาโลเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างส่องมาจากฟ้าล้อมรอบตัวท่าน” 

  (Now as he went on his way, he approached Damascus, and suddenly a light from heaven shone around him.)

9:4 “ท่านก็ล้มลงที่พื้นและได้ยินพระสุรเสียงตรัสว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?” 

  (And falling to the ground, he heard a voice saying to him, “Saul, Saul, why are you persecuting me?” )

9:5 “เซาโลจึงทูลถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นใคร?” พระองค์ตรัสว่า “เราคือเยซูผู้ที่เจ้าข่มเหง” 

  (And he said, “Who are you, Lord?” And he said, “I am Jesus, whom you are persecuting. )

9:6 “จงลุกขึ้นเถิดและเข้าไปในเมือง จะมีคนบอกให้เจ้าทราบว่าเจ้าต้องทำอะไร” 

  (But rise and enter the city, and you will be told what you are to do.)

9:7 “พวกที่เดินทางไปด้วยกันก็ยืนจังงังพูดไม่ออก พวกเขาได้ยินพระสุรเสียงแต่ไม่เห็นใคร” 

  (The men who were traveling with him stood speechless, hearing the voice but seeing no one.) 

9:8 “เซาโลจึงลุกขึ้นจากพื้น เมื่อลืมตาแล้วก็มองอะไรไม่เห็น พวกเขาจึงจูงมือท่านเข้าไปในเมืองดามัสกัส” 

  (Saul rose from the ground, and although his eyes were opened, he saw nothing. So they led him by the hand and brought him into Damascus. )

9:9  “ตาของท่านก็มืดมัวไปถึงสามวัน และท่านไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย”

  (And for three days he was without sight, and neither ate nor drank.)

9:10 “ในเมืองดามัสกัสมีสาวกคนหนึ่งชื่ออานาเนีย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับคนนั้นทางนิมิตว่า “อานาเนียเอ๋ย” อานาเนียจึงทูลตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่” 

   (Now there was a disciple at Damascus named Ananias. The Lord said to him in a vision,  “Ananias.” And he said, “Here I am, Lord.” )

9:11 “พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้นไปที่ถนนสายที่เรียกว่า ‘ถนนตรง’ และไปที่บ้านของยูดาสถามหาชายคนหนึ่งจากเมืองทาร์ซัสที่ชื่อเซาโล ตอนนี้เขากำลังอธิษฐานอยู่” 

   (And the Lord said to him,”Rise and go to the street called Straight, and at the house of Judas look for a man of Tarsus named Saul, for behold, he is praying, )

9:12 “และ[ในนิมิตเขามองเห็นชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียเข้ามาวางมือบนตัวเขาเพื่อที่ว่าเขาจะมองเห็นอีก” 

   (and he has seen in a vision a man named Ananias come in and lay his hands on him so that he might regain his sight.” )

9:13 “แต่อานาเนียทูลตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้ยินหลายคนพูดถึงคนนั้นว่า เขาทำร้ายธรรมิกชนของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็มมากมาย” 

   (But Ananias answered, “Lord, I have heard from many about this man, how much evil he has done to your saints at Jerusalem. )

9:14 “และที่นี่เขาก็ได้สิทธิอำนาจจากพวกหัวหน้าปุโรหิตให้มาจับคนทั้งหลายที่อธิษฐานออกพระนามของพระองค์”

    (And here he has authority from the chief priests to bind all who call on your name.” )

9:15 “องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับท่านว่า “จงไปเถิด เพราะว่าคนนี้เป็นภาชนะที่เราเลือกสรรไว้ เขาจะนำนามของเราไปถึงบรรดาคนต่างชาติและบรรดากษัตริย์ และไปถึงพวกอิสราเอล” 

   (But the Lord said to him, “Go, for he is a chosen instrument of mine to carry my name before the Gentiles and kings and the children of Israel.) 

9:16 “เราจะแสดงให้เขาเห็นว่าเขาจะต้องทนทุกข์ลำบากมากเท่าไรเพื่อนามของเรา” 

   (For I will show him how much he must suffer for the sake of my name.” )

9:17 “แล้วอานาเนียก็ไป และเข้าไปในบ้านนั้น วางมือบนตัวเซาโลกล่าวว่า “พี่เซาโล พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ปรากฏแก่ท่านระหว่างทางที่ท่านมาที่นี่ ทรงใช้ข้าพเจ้ามาเพื่อให้ท่านมองเห็นอีก และเพื่อให้ท่านเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์

   (So Ananias departed and entered the house. And laying his hands on him he said, “Brother Saul, the Lord Jesus who appeared to you on the road by which you came has sent me so that you may regain your sight and be filled with the Holy Spirit.” )

9:18 “ทันใดนั้นมีอะไรเหมือนเกล็ดหลุดจากตาของเซาโล แล้วท่านก็เห็นได้อีก ท่านจึงลุกขึ้นรับบัพติศมา”

   (And immediately something like scales fell from his eyes, and he regained his sight. Then he rose and was baptized)

9:19 “พอรับประทานอาหารแล้วก็มีกำลังขึ้น  เซาโลพักอยู่กับพวกสาวกในเมืองดามัสกัสหลายวัน” 

   (and taking food, he was strengthened. For some days he was with the disciples at Damascus.)

9:20 “และท่านก็ไม่ได้รีรอ ท่านเริ่มประกาศเรื่องพระเยซูตามธรรมศาลาต่างๆ ว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า” 

   (And immediately he proclaimed Jesus in the synagogues, saying, “He is the Son of God.”)

9:21 “คนทั้งหลายที่ได้ยินก็ประหลาดใจพูดกันว่า “คนนี้ไม่ใช่หรือที่ทำร้ายผู้คนในกรุงเยรูซาเล็มที่อธิษฐานออกพระนามนี้? และเขามาที่นี่ก็เพื่อจับพวกนั้นส่งให้พวกหัวหน้าปุโรหิตไม่ใช่หรือ?” 

   (And all who heard him were amazed and said, “Is not this the man who made havoc in Jerusalem of those who called upon this name? And has he not come here for this purpose, to bring them bound before the chief priests?” )

9:22 “แต่เซาโลยิ่งมีกำลังมากขึ้น และทำให้พวกยิวในเมืองดามัสกัสงงงันด้วยการพิสูจน์ว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์”

   (But Saul increased all the more in strength, and confounded the Jews who lived in Damascus by proving that Jesus was the Christ.)

ข้อมูลมีประโยชน์

9:1     “เซาโล” (Saul) –ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในกิจการ ในเหตุการณ์สังหารสเทเฟน (7:58)  เขาเกิดที่ทาร์ซัส เป็นศิษย์ของกามาลิเอล (22:3) ปท. ฟป.3:4-14

          “ขู่คำราม” (breathing  threats) = ข่มขู่จะฆ่า  ปท.22:4;26;10

         “มหาปุโรหิต” (the high priest) = อาจเป็นคายาฟาส (4:6) ในที่นี้คงหมายรวมถึง สมาชิกสภาแซนเฮดรินซึ่งมีสิทธิอำนาจเหนือชาวยิวทั้งในยูเดีย และที่ต่าง ๆ

9:2       “ดามัสกัส” (Damascus) =อยู่ในแคว้นซีเรีย (ของโรม) เป็นเมืองสำคัญที่ใกล้ที่สุดของอิสราเอล มีประชากร ยิวอยู่จำนวนมาก ระยะทางจากเยรูซาเล็มถึงดามัสกัส ราว ๆ 241 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราวๆ 4-6 วัน

            “ทางนั้น” = ชื่อเรียกคริสต์ศาสนา (หรือทางของพระเยซูคริสต์) ปรากฏบ่อยในพระธรรมกิจการ         (16:17;18:25-26)  = พระเยซูก็ทรงเรียกพระองค์เองว่า เป็น “ทางนั้น” (ยน.14:6)

            “จับมัดพามายังกรุงเยรูซาเล็ม” (might bring them bound to Jerusalem)  = คุมตัว เป็นนักโทษมายังกรุงเยรูซาเล็ม

        = เพราะเยรูซาเล็มเป็นที่ที่พวกเขาสามารถใช้สิทธิอำนาจของสภาแซนเฮดริน ได้อย่างเต็มที่ในการไต่สวน

9:3       “แสงสว่างส่องมาจากฟ้า” (a light from heaven) = เวลาประมาณเที่ยงวัน (26:13)

           การข่มเหงคริสเตียนหรือคริสตจักรก็เหมือนกับข่มเหงตัวพระคริสต์เอง เพราะคริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์ -1คร.12:27;อฟ.1:22-23

9:5       “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นใคร?” (Who are you, Lord?)  = ตามคำสอนของพวกรับบี เชื่อว่าเสียงที่มาจากสวรรค์ เช่นนี้เป็นพระสุรเสียงของพระเจ้าเอง

           “เราคือเยซูผู้ที่เจ้าข่มเหง” (I am Jesus, whom you are persecuting)  = ทั้งแสงสว่างและพระสุรเสียงที่เซาโลได้ยิน ล้วนเป็นการบ่งบอกกับเซาโลว่า เขากำลังอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า

9:7       “พวกเขาได้ยินพระสุรเสียง” ( hearing the voice) = คนที่อยู่กับเซาโลได้ยินเสียงนั้น แต่ไม่เข้าใจความหมาย  (22:9 ปท.ดนล.10:7)

9:10     “อานาเนีย” (Ananias) = อานาเนียคนนี้ถูกกล่าวถึง 2 ครั้ง คือ ครั้งนี้ที่นี่ และใน 22 :12  แต่ชื่อนี้เป็นชื่อที่คนนิยมใช้ตั้งชื่อ (5:1;23:2) เป็นชื่อกรีกที่มาจากภาษาฮีบรูว่า “ฮานันยาห์” ที่แปลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระคุณหรือสำแดงพระคุณ” (ดนล.1:6)

 9:11     “ถนนตรง” (the street called Straight) = อาจเป็นเส้นทางตรงยาว ซึ่งทุกวันนี้ทอดผ่านเมืองจากตะวันออกไปตะวันตก การตั้งชื่อเช่นนี้เพื่อให้เห็นความแตกต่างจากถนนอื่น ๆ ในเมืองที่คดเคี้ยว

            “เมืองทาร์ซัส” (Tarsus ) -22:3

           “กำลังอธิษฐานอยู่” (praying) –ในลูกา และกิจการ การอธิษฐานมักเกี่ยวกับนิมิต (10:9-11;ลก.1:10;3:21;9:28)

9:13     “ธรรมิกชนของพระองค์” (your saints) = ประชากรของพระองค์(พระเจ้า) –รม.1:7;ฟป.1:1

9:15     “จะนำนามของเราไปถึงบรรดาคนต่างชาติ” (carry my name before the Gentiles and kings) 

             -รม.1:13-14

             “และบรรดากษัตริย์” (kings) = อากริปปา (26:1),ซีซาร์ที่โรม (25:11-12;28:19)

 9:16     “เขาจะต้องทนทุกข์ลำบากมากเท่าไร” (he must suffer for the sake of my name) = เขาต้องทุกข์มากมายเพียงใด –2คร.11:23-28

9:17     “พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ปรากฏแก่ท่าน” (the Lord Jesus who appeared to you)

           = ประสบการณ์ของเซาโลบนถนนไปดามัสกัส เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดกับเซาโลจริง ๆ (ไม่ใช่แค่นิมิต) และเซาโลใช้ข้อนี้ยืนยันการมีคุณสมบัติเป็นอัครทูตของท่าน  (1คร.9:1;15:8)

9:20     “ไม่ได้รีรอ” (immediately) = ทันทีหลังจากที่เซาโลรับบัพติศมา (ข.18)

           “ตามธรรมศาลาต่าง ๆ” (the synagogues) = กิจวัตรของเซาโลคือ การเทศนาในธรรมศาลาทุกครั้งที่มีโอกาส   -13:5;14:1;17:1-2,10;18:4,19;19:8

          “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า” (He is the Son of God) = เซาโลประกาศสิ่งที่ตัวท่านเองได้เชื่อบนถนนสู่ดามัสกัสแล้ว นั่นคือ พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์และเป็นพระเจ้า (ข.22)

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยต่อต้าน ข่มเหงหรือเล่นงานพวกคริสเตียนก่อนมาเชื่อพระเยซูคริสต์หรือไม่? อย่างไร? ทำไม?
  2. คุณมีประสบการณ์กับการรู้จักพระเยซูคริสต์เป็นส่วนตัวหรือไม่? อย่างไร? แล้วเกิดอะไรตามมา?
  3. คุณเคยอยู่ในสภาวะที่ช่วยตัวเองไม่ได้ หรือทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เลยบ้างหรือไม่? อย่างไร? เพราะอะไร?นานแค่ไหน? ทำไม?
  4. คุณเคยได้รับการมอบหมายจากรพระเจ้าให้ไปทำบางอย่างที่ขัดหรือฝืนกับใจของคุณมากหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วคุณทำตามหรือไม่?
  5. คุณเคยอธิษฐานต่อพระเจ้าแบบจริงจังที่สุดในชีวิตท่านหรือไม่? อย่างไร? ที่ไหน? เมื่อไร? ทำไม? แล้วผลที่ตามมาคืออะไร?
  6. คุณเคยได้รับสิทธิอำนาจเด็ดขาดในการกระทำบางสิ่งและคุณใช้สิทธิอำนาจนั้นอย่างตรงข้ามกับน้ำพระทัยหรือพระประสงค์ของพระเจ้าบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วเกิดอะไรตามมา?
  7. คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเจ้าเบรคหรือขัดคุณอย่างรุนแรง จนหมดสภาพบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วผลลัพธ์คืออะไร?
  8. คุณเคยได้รับการเสริมกำลังเรี่ยวแรงจากคนอื่นหรือไม่? จากใคร? เรื่องอะไรและอย่างไร?
  9. คุณเริ่มต้นเป็นพยานและประกาศเรื่องราวของพระเยซูอย่างจริงจังเมื่อไร? ที่ไหน? กับใคร? และได้ผลอะไรบ้าง?
  10. คุณเคยทำให้คนทั้งหลายประหลาดใจบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? ดีหรือไม่ดี? อย่างไร?

 

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.