ดร. คาร์ล เมนนิงเจอร์ (Dr. Karl Menninger) ได้กล่าวไว้ดีมากว่า… “Love cures people – both the ones who give it and the ones who receive it.” (ความรักเยียวยารักษาคน – ทั้งคนที่ให้และคนที่รับความรักนั้น!)
คุณเคยป่วยเป็นโรครักบ้างไหม?
โรครักที่ว่าเป็นอย่างไร?
คำว่า “โรค” หมายความถึง = “ความเจ็บไข้ด้วยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง” หรือ “ภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปรกติเนื่องจากเชื้อโรคเป็นต้น” ปรกตินั้นโรคมีหลากหลายชนิด อาทิ โรคภูมิแพ้ (โรคที่ร่างกายมีความไวผิดปรกติต่อสารรอบตัว) , โรคติดต่อ (โรคที่มีเชื้อติดต่อถึงผู้อื่นได้), โรคระบาด (โรคที่ติดต่ออย่างรวดเร็ว), โรควูบ (อาการหมดสติขณะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง) , โรคประสาท (โรคทางจิตใจที่มีความกังวลเป็นอาการสำคัญ โดยคนไข้จะแสดงอาการแห่งความกังวลนั้นออกมาทางกายหรือทางอารมณ์) หรือ โรคจิต (โรคที่มีความผิดปรกติทางจิตใจ) แต่ก็มีโรคบางโรคที่ไม่เป็นตามนิยามศัพท์ข้างต้น เช่น “โรคเลื่อน” (ผิดนัดเรื่อย) และ “โรคทรัพย์จาง” (ไม่ค่อยมีเงิน)! …เวลานี้คุณกำลังเป็นโรคใดโรคหนึ่งข้างต้นอยู่หรือไม่?
ส่วน “โรครัก” นั้นหมายถึง “ความเจ็บไข้ด้วยอาการที่เกี่ยวข้องกับความรัก!” หรือ “ภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปรกติเนื่องจากความรัก” ใช่ครับ คนบางคนร่างกายทำงานไม่ได้เลย เพราะขาดเรี่ยวแรง เมื่อว่าเขาป่วยเป็นโรคขาดรัก! คือได้รับความรักไม่เพียงพอ หรือไม่ได้รับความรักจากคนที่เขารัก! เขาคงเป็นเหมือนหญิงสาวในพระธรรมเพลงซาโลมอน ที่รำพันว่า … “จงชูกำลังของดิฉันด้วยขนมองุ่นแห้ง ขอทำให้ดิฉันชื่นใจด้วยผลลูกท้อ เพราะดิฉันป่วยเป็นโรครัก” (เพลงซาโลมอน 2:5)
ความรักจึงนับว่าเป็นสิ่งแปลกที่เหมือนกับเชื้อไวรัส ที่หากว่าใครติดมันเข้าก็จะออกอาการอ่อนแรง หรือหมดกำลังอย่างฉับพลันไปทีเดียว! ดังนั้น ทิพยโอสถเดียวที่จะช่วยรักษาคนที่อยู่ในสภาวะติดเชื้อโรครักนี้ได้ ก็คือ ความรัก! เพราะว่าเป็นอย่างที่ ดร. คาร์ล เมนนิงเจอร์ กล่าวไว้ว่า… ความรักคือตัวยาสำคัญในการรักษาคนที่ป่วยเป็นโรครัก! จริงๆ แล้วความรักไม่เพียงแต่จะช่วยคนที่รู้ตัวว่าป่วยเท่านั้น แต่ยังช่วยคนป่วยที่คิดว่าคนเองเป็นปรกติดีอยู่แล้วด้วย!
ใช่ครับ! มีคนจำนวนไม่น้อยที่ติดเชื้อหรือติดไวรัส “ความรัก” นี้โดยไม่รู้ตัว เพียงแต่ว่า ยังไม่ออกอาการอะไรออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเท่านั้น แต่หากว่า เชื้อโรครักนี้ออกอาการเมื่อไร คนที่ป่วยก็อาจจะทรุดหนักจนเกินกว่าที่จะเยียวยารักษาก็เป็นได้! ดังนั้น อย่าประมาท! คนที่ไม่เคยป่วยเป็นโรครัก อาจรู้สึกขบขันกับอาการต่าง ๆ ของหนุ่มสาวที่อยู่ในห้วงรักแสดงออกมาหรือบางคนอาจรู้สึกสังเวช ไม่เข้าใจหรืออาจประหลาดใจ เหมือนดังที่บันทึกไว้ในพระธรรมสุภาษิตที่ว่า… “มี 3 สิ่งที่ประหลาดเหลือสำหรับข้า เออ 4 สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ คือ ท่าทีของอินทรีในฟ้า ท่าทีของงูบนหิน ท่าทีของเรือในท้องทะเล และท่าทีของชายกับหญิงสาว!” (สุภาษิต 30:18-19)
โดยธรรมชาติ…คนที่ป่วยเป็นโรครักมักจะมีอาการแปลก ๆ เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่หลงรักใครคนใดคนหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำ อย่างไรก็ตามเขาหรือเธอจะมีอาการดีขึ้นหากได้รับความรักตอบสนองกลับมาอย่างเหมาะสมในปริมาณที่เพียงพอ! และหากว่าผู้หนึ่งผู้ใดได้รับการสนองตอบด้วยความรักดังที่กล่าวมา ผู้นั้นจะมีความสุขที่เหนือคำบรรยาย! ดุจดังที่ Victor Hugo (วิคเตอร์ ฮิวโก) ได้กล่าวไว้ว่า … “Life’s greatest happiness is to be convinced we are loved.” (ความสุขสุดยอดของชีวิตคือ การที่ได้รับการยืนยันอย่างมั่นใจว่า เราเป็นที่รักของผู้อื่น!)
ดังนั้น วันนี้ขอให้เรามารักษาโรครักของกันและกัน ทั้งรักษาผู้อื่น และรับการรักษาจากเขาด้วย… จะดีไหมครับ?
ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
ข่าวประชาสัมพันธ์
- มีใครรักจนป่วยบ้างหรือเปล่า? เข้ารับการรักษาด่วน
- พรุ่งนี้มาฟังคำเทศนาดีๆจาก อ.สิริวรรณ ฉลองวันขึ้นปีใหม่ ไม่เหนื่อยจนเกินไปเจอกันที่โบสถ์นะคะ
- อธิษฐานเผื่อประเทศไทยของเรา ให้ฟันฝ่าวิกฤติต่างๆไปได้ ขอพระเจ้าเมตตา
- เผื่อคริสตจักรของเราด้วยที่สมาชิกจะเติบโต เป็นที่พึ่งพิงของผู้เชื่อรุ่นใหม่ๆได้ ใครที่แจ้งเกิดใหม่มานานแล้ว อย่ามัวเตาะแตะอยู่เลยค่ะ คริสตจักรต้องการกำลังจากท่าน
- เจอกันพรุ่งนี้ที่โบสถ์นะคะ