ใครคือผู้อ่านตัวจริง?
เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย ไม่มีสิ่งทรงสร้างใดใดถูกปิดซ่อนไว้จากพระองค์ แต่ตรงกันข้าม ทุกสิ่งก็ปรากฏแจ้งต่อพระเนตรของพระองค์ผู้ซึ่งเราจะต้องถวายรายงานด้วย (ฮีบรู 4:12-13THSV11)
เราคงเคยได้ยินคนพูดว่า “คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ” คำพูดนี้จริงหรือ?
มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งพูดเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ สิ่งที่ผู้ดำเนินรายการค้นพบคือที่จริงแล้วคนไทยทั้งชอบอ่านและชอบเขียน แต่อ่านและเขียนในสิ่งที่อาจไม่เสริมสร้างหรือไม่เป็นประโยชน์ต่อความคิดและจิตใจ แต่กลับเป็นการกระตุ้นและปลุกเร้าสังคมได้ทั้งทางบวกและทางลบ
เนื่องด้วยความเร่งรีบของชีวิต คนส่วนใหญ่มักชอบอ่านอะไรที่เร็วๆสั้นๆ และสิ่งที่ตอบโจทย์ได้คือ ความคิดเห็นจากนักเลงคีย์บอร์ด กระทู้ต่างๆในโลกออนไลน์ และข้อมูลที่เป็นไปตามที่ผู้เขียนกำหนดว่าอยากให้ผู้อ่านรู้สึกอย่างไร อีกทั้งยังกระตุ้นให้มีอารมณ์ร่วม หรือแปรปรวนไปตามที่ต้องการเพื่อผลบางอย่าง ถ้าไม่แยกแยะให้ดี เราอาจเผลอไปโกรธ เกลียด วิพากษ์วิจารณ์คนที่เราไม่รู้จัก ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวและเป็นอันตรายต่อความคิด จิตใจ และทัศนคติของผู้อ่าน และทำลายผู้อื่นได้โดยไม่ทันรู้ตัว
แต่มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่เราคิดว่าเราเป็นผู้อ่าน แต่หารู้ไม่ที่จริงแล้วหนังสือเล่มนั้นต่างหากที่เป็นฝ่ายอ่านเรา
เมื่ออ่านพระคัมภีร์หรือพระวจนะของพระเจ้า ต้องยอมรับว่าพระคัมภีร์เป็นหนังสือที่ทำให้เรานอกจากได้รู้จักพระผู้สร้างของเราแล้ว ยังตีแผ่ความเป็นตัวเราล้วนๆ ความบาป แรงจูงใจในทุกสิ่งที่เราพูด ทำหรือคิด แต่ที่ประเสริฐที่สุดคือให้คำตอบ บอกทางแก้ไข และให้โอกาสได้เริ่มต้นใหม่ไว้ด้วย
พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่มีคำสั่ง ข้อเสนอแนะ เงื่อนไข มีบำเหน็จและมีคำมั่นสัญญา ขอแค่เพียงให้เราเป็นนักอ่านที่ดี รักที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้และเชื่อฟัง เราจะมีแต่ได้และได้ในสิ่งที่ดีๆเท่านั้น เพราะพระเจ้าเป็นผู้ดลใจให้เขียน เพราะพระองค์ทรง “รักและห่วงใยผู้อ่าน”
วันนี่คุณอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับตัวคุณหรือยัง?
บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin CJ
(Cr. ภาพ depositphotos.com)