Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถ้ามีใจ เรื่องยากๆ ก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ!

ถ้ามีใจ เรื่องยากๆ ก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ!

วันนี้ ผมไม่ขอเขียนอะไรมากมายนอกจากเอาข่าวที่สะท้านโลกมาแบ่งปัน

ภายใต้ความตรึงเครียด และความกลัวอันตรายจากสงครามนิวเคลียร์ที่เกาหลีและสหรัฐอเมริกาทำให้ตื่นเต้นเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาเป็นเวลายาวนานหลายปี  ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องที่เขย่าขวัญคนทั้งโลกนี้ อยู่ๆ ก็จะจบลงได้ โดยฝีมือของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่ก้าวร้าว เจ้าอารมณ์และเชื่อมั่นในตัวเองสูงแบบไม่แคร์คนทั้งโลกอย่าง นาย คิม จอง อึน ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 12 มิถุนายน 2018 ที่ผ่านมา ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยมีเนื้อข่าวที่อยากให้อ่านกันเอาเองดังนี้…
               

“…วันนี้ (12 มิ.ย.61) เวลาประมาณ 13.40 น. (เวลาประเทศสิงคโปร์) ภายหลังการเจรจาทวิภาคีและร่วมรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ  Donald Trump และผู้นำเกาหลีเหนือ  Kim Jong Un ได้ร่วมลงนามในเอกสาร comprehensive” ก่อนที่จะสิ้นสุดการประชุมซัมมิต ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดภายในเอกสารดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ผู้นำของทั้งสองประเทศได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าสิ่งนี้นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
               

นาย Kim Jong Un กล่าวว่า “วันนี้เราได้มีการประชุมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์, การเอาชนะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของเราและการเริ่มต้นใหม่ เรากำลังจะลงนามในข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ และทั้งโลกจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
               

ประธานาธิบดี Trump กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือจะเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ผ่านมาอย่างแน่นอน “เราสองคนลงมือทำบางอย่าง และพวกเราได้สร้างความสัมพันธ์ที่มีความพิเศษเป็นอย่างมาก พวกเราจะจัดการกับปัญหาที่ใหญ่และอันตรายต่อทั้งโลก” นอกจากนี้เขายังเสริมว่า “การพูดคุยในครั้งนี้เป็นไปได้ดีสำหรับเราทั้งคู่ และดีเกินกว่าที่ใครจะคาดหวังได้” ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเกี่ยวกับกรณีพิพาทด้านนิวเคลียร์ ประธานาธิบดี Trump กล่าวว่า “เราจะเริ่มกระบวนการอย่างรวดเร็วที่สุด” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ”    – The Straits Times

 “วันนี้ (12 มิ.ย.61) ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง-อึน ได้ยืนยันถึง “พันธกิจที่แน่วแน่และมั่นคง ในความพยายามที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์” ทั้งนี้ ความพยายามดังกล่าวได้เริ่มต้นจากการลงนามในเอกสารร่วมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง-อึน ที่เกิดขึ้นระหว่างกระประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีรายละเอียดในเอกสาร ดังนี้:
               

“ประธานาธิบดี โดนัลด์ เจ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และ ผู้นำ คิม จอง-อึน แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ (DPRK)) ได้จัดการประชุมซัมมิต ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นในสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561  ประธานาธิบดี ทรัมป์ และผู้นำ คิม จอง-อึน ได้ดำเนินการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างละเอียดลึกซึ้งและจริงใจต่อกัน เกี่ยวกับประเด็นด้านการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ รวมถึงการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลีเหนือ โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ยืนยันว่าจะประกันความมั่นคงปลอดภัยให้กับเกาหลีเหนือ และผู้นำ คิม ก็ได้ยืนยันถึงความแน่วแน่ และมั่นคงที่จะดำเนินการเพื่อให้คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ขอยืนยันว่าการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือครั้งใหม่นี้ จะช่วยก่อให้เกิดสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองแก่คาบสมุทรเกาหลีและทั่วโลก รวมทั้งตระหนักว่า การสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกันจะสามารถส่งเสริมให้คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ได้ ทั้งนี้ ประธานาธิบดี ทรัมป์ และผู้นำ คิม จอง-อึน ขอแถลงดังนี้ดังนี้:

1. สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ มีพันธกรณีในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในการสร้างสันติภาพและความมั่งคั่งของทั้งสองประเทศ
2. สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ จะร่วมกันในความพยายามเพื่อก่อให้เกิดระบอบการปกครองแห่งสันติภาพยั่งยืน และมีเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
3. ยืนยันถึงข้อตกลงปันมุนจอม ที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้กระทำร่วมกัน เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 ว่าเกาหลีเหนือจะดำเนินการเพื่อให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์
4. สหรัฐฯและเกาหลีเหนือตกลงที่จะกู้คืนร่างของเชลยศึกและผู้สูญหายจากสงคราม (POW/MIA) ซึ่งรวมถึงการส่งกลับร่างที่ได้รับการระบุตัวตนแล้วทันที

เป็นที่ยอมรับว่า การประชุมซัมมิต ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ นับเป็นการประชุมครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ อีกทั้งเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการเอาชนะความตึงเครียดและการสู้รบระหว่างทั้งสองประเทศมาเป็นระยะเวลานานหลายสิบปี เพื่อเปิดโอกาสให้กับอนาคตใหม่ โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ และผู้นำ คิม จอง-อึน จะปฏิบัติตามข้อกำหนดในแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้อย่างเต็มที่และเร่งด่วน ทั้งนี้ สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ได้ยืนยันที่จะจัดการเจรจาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การนำของ นาย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องของเกาหลีเหนือ โดยจะจัดการประชุมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อนำผลการประชุมดังกล่าวมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม
             

ประธานาธิบดี โดนัลด์ เจ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และ ผู้นำ คิม จอง-อึน แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ขอยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือขึ้นมาใหม่ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่งคั่ง และความมั่นคงปลอดภัยบนคาบสมุทรเกาหลีและทั่วโลก”
(ที่มา: https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/full-joint-statement-donald-trump-kim-jong-un-singapore-summit-10423446)

เรื่องของนายคิม กับนาย ทรัมป์ ในครั้งนี้ ทำให้ผมมีความหวังต่อทุกความขัดแย้งในโลกนี้ รวมทั้งในท่ามกลางคริสตจักรไทยด้วย สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นพยานยืนยันว่า เรื่องต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่นั้น ล้วนขึ้นอยู่กับเราทั้งนั้น ว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นก็ได้ ทำให้มันขยายวงก็ได้ หรือจะทำให้มันจบลงก็ได้ ทั้งหมดล้วนอยู่ที่ตัวของเราเองทั้งนั้น
               

ดังนั้น อาจารย์เปาโลจึงกล่าวว่า …. เท่าที่เรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับเรา จงทำให้ความขัดแย้งที่มีอยู่ จบลงเสียที อย่าเลี้ยงดูความขัดแย้ง จงหยุดป้อนอาหารแห่งความขัดแย้งให้มันอีกต่อไป จงแก้ไขปรับความเข้าใจ ให้ความร่วมมือกันแก้ปัญหา และจงรักษาและพัฒนาสัมพันธภาพในท่ามกลางพวกเรา ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นด้วย ความสงบสันติที่มาจากพระเจ้า!

“ถ้าเป็นได้ เท่าที่เรื่องขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน!”   ~โรม 12:18 THSV11

ดังนั้น วันนี้ ขอให้เรามาร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงใจและจริงจังในการยุติทุกความขัดเคืองทั้วปวง และความขัดแย้งทั้งปวง และร่วมมือกันสถาปนาความสงบสุขขึ้นในบ้าน ในคริสตจักร ในวงการและในสังคมของเราด้วยความรักยิ่งใหญ่ที่มาจากพระเจ้า 

จะดีไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ www.ft.com)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.