เงินและทองเราไม่มี!
พระธรรม กิจการ 3:1-26
อ้างอิง ลก.22:68;สดด.51:1;55:17;ยน.10:23;อสย.43:25;44:22;กจ.14:8;22:5;มก.15:11;ปฐก.12:3;22:18;รม.1:16
บทนำ เมื่อเราติดตามพระคริสต์ และพึ่งพาวางใจในพระนามและฤทธิ์เดชของพระองค์ เราก็ไม่เหลืออะไรต้องวิตกหรือกลัวอีกต่อไป แต่เราสามารถเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้มีอะไรที่จะเป็นหลักประกันทางกายภาพแต่อย่างใด
บทเรียน
3:1 “วันหนึ่งขณะที่เปโตรกับยอห์นกำลังขึ้นไปยังบริเวณพระวิหาร ในเวลาอธิษฐานตอนบ่ายสามโมง”
(Now Peter and John were going up to the temple at the hour of prayer, the ninth hour.)
3:2 “มีชายคนหนึ่งเป็นง่อยมาตั้งแต่เกิด ถูกหามเข้ามา ทุกๆ วันคนจะวางเขาไว้ที่ริมประตูพระวิหารซึ่งมีชื่อว่าประตูงาม เพื่อให้ขอทานจากคนทั้งหลายที่เข้าไปในพระวิหารนั้น”
(And a man lame from birth was being carried, whom they laid daily at the gate of the temple that is called the Beautiful Gate to ask alms of those entering the temple.)
3:3 “เมื่อคนนั้นเห็นเปโตรกับยอห์นกำลังจะเข้าไปในพระวิหารก็ขอทาน”
(Seeing Peter and John about to go into the temple, he asked to receive alms.)
3:4 “เปโตรกับยอห์นเพ่งดูเขาบอกว่า “จงดูเราทั้งสองเถิด”
(And Peter directed his gaze at him, as did John, and said, “Look at us.” )
3:5 “คนนั้นก็จ้องดู คิดว่าจะได้อะไรจากท่านทั้งสอง”
(And he fixed his attention on them, expecting to receive something from them.)
3:6 “แต่เปโตรกล่าวว่า “เงินและทองเราไม่มี แต่สิ่งที่เรามีนั้นเราจะให้ท่าน คือในพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด”
(But Peter said, “I have no silver and gold, but what I do have I give to you. In the name of Jesus Christ of Nazareth, rise up and walk!”)
3:7 “แล้วเปโตรก็จับมือขวาของเขาพยุงขึ้น ในทันใดนั้นเท้าและข้อเท้าของเขาก็มีกำลัง”
(And he took him by the right hand and raised him up, and immediately his feet and ankles were made strong.)
3:8 “เขาจึงกระโดดขึ้นยืนและเดินเข้าไปในพระวิหาร พร้อมกับเปโตรและยอห์น ทั้งเดินทั้งเต้นโลดและสรรเสริญพระเจ้า”
(And leaping up, he stood and began to walk, and entered the temple with them, walking and leaping and praising God.)
3:9 “คนทั้งหมดเห็นเขาเดินและสรรเสริญพระเจ้า”
(And all the people saw him walking and praising God)
3:10 “ก็จำได้ว่าเขาคือคนที่เคยนั่งขอทานอยู่ที่ประตูงามของพระวิหาร เขาทั้งหลายจึงประหลาดใจและอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนนั้น”
(and recognized him as the one who sat at the Beautiful Gate of the temple, asking for alms. And they were filled with wonder and amazement at what had happened to him.)
3:11 “ขณะที่คนนั้นยังรั้งตัวเปโตรและยอห์นอยู่นั้น ฝูงคนก็วิ่งไปหาท่านทั้งสองด้วยความอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งที่เฉลียงพระวิหารที่เรียกว่าเฉลียงของซาโลมอน”
(While he clung to Peter and John, all the people, utterly astounded, ran together to them in the portico called Solomon’s. )
3:12 “พอเปโตรแลเห็นก็กล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ชนชาติอิสราเอลทั้งหลาย ทำไมท่านทั้งหลายอัศจรรย์ใจเพราะเรื่องของคนนี้? และทำไมท่านทั้งหลายจ้องดูเราราวกับว่าเราทำให้คนนี้เดินได้โดยฤทธิ์เดชหรือความชอบธรรมของเราเอง?”
(And when Peter saw it he addressed the people: “Men of Israel, why do you wonder at this, or why do you stare at us, as though by our own power or piety we have made him walk? )
3:13 “พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา ได้ประทานพระเกียรตินี้แด่พระเยซู ผู้รับใช้ของพระองค์ พระเยซูผู้ที่ท่านทั้งหลายมอบไว้และปฏิเสธต่อหน้าปีลาต แม้ว่าปีลาตตั้งใจจะปล่อยพระองค์ไป”
(The God of Abraham, the God of Isaac, and the God of Jacob, the God of our fathers, glorified his servant Jesus, whom you delivered over and denied in the presence of Pilate, when he had decided to release him. )
3:14 “แต่ท่านทั้งหลายก็ยังปฏิเสธพระองค์ผู้ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์และชอบธรรม และขอให้เขาปล่อยผู้ฆ่าคนให้ท่านทั้งหลาย”
(But you denied the Holy and Righteous One, and asked for a murderer to be granted to you,)
3:15 “ท่านทั้งหลายจึงฆ่าพระองค์ผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตเสีย แต่พระเจ้าได้โปรดให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย เราคือสักขีพยานของเรื่องนี้”
(and you killed the Author of life, whom God raised from the dead. To this we are witnesses. )
3:16 “โดยความเชื่อในพระนามของพระองค์ พระนามนั้นจึงทำให้คนนี้ที่ท่านทั้งหลายเห็นและรู้จักมีกำลังขึ้น เป็นความเชื่อที่มาทางพระองค์ ทำให้คนนี้หายเป็นปกติต่อหน้าท่านทั้งหลาย”
(And his name—by faith in his name—has made this man strong whom you see and know, and the faith that is through Jesus has given the man this perfect health in the presence of you all.)
3:17 “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบว่าท่านทั้งหลายทำการนั้นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่นเดียวกับบรรดาผู้ครอบครองของพวกท่าน”
(“And now, brothers, I know that you acted in ignorance, as did also your rulers.
3:18 “แต่สิ่งเหล่านั้นที่พระเจ้าทรงประกาศไว้ล่วงหน้าโดยปากของบรรดาผู้เผยพระวจนะว่าพระคริสต์ของพระองค์ต้องทนทุกข์ทรมาน พระองค์ก็ทรงให้สำเร็จ”
(But what God foretold by the mouth of all the prophets, that his Christ would suffer, he thus fulfilled.)
3:19 “เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงกลับใจและหันมาหาพระเจ้า เพื่อที่ว่าความผิดบาปของพวกท่านจะได้รับการลบล้าง”
(Repent therefore, and turn back, that your sins may be blotted out )
3:20 “เพื่อวาระแห่งการฟื้นชื่นจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า และเพื่อพระองค์จะประทานพระคริสต์ที่ทรงกำหนดไว้นั้นแก่ท่านทั้งหลายคือพระเยซู”
(that times of refreshing may come from the presence of the Lord, and that he may send the Christ appointed for you, Jesus)
3:21 “พระองค์นั้นจะต้องอยู่ในสวรรค์จนกว่าจะถึงวาระแห่งการฟื้นฟูสรรพสิ่ง ตามที่พระเจ้าตรัสไว้โดยปากของบรรดาผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์ตั้งแต่กาลโบราณมา”
(whom heaven must receive until the time for restoring all the things about which God spoke by the mouth of his holy prophets long ago.)
3:22 “โมเสสได้กล่าวไว้ว่า ‘พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะประทานผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง เหมือนอย่างเราแก่พวกท่านจากพี่น้องของพวกท่านเอง ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังผู้นั้นในทุกสิ่งที่พระองค์จะตรัสกับพวกท่าน”
(Moses said, ‘The Lord God will raise up for you a prophet like me from your brothers. You shall listen to him in whatever he tells you. )
3:23 “ถ้าคนหนึ่งคนใดไม่เชื่อฟังผู้เผยพระวจนะผู้นั้น เขาจะต้องถูกตัดขาดให้พินาศไปจากชนชาติของพระเจ้า’”
(And it shall be that every soul who does not listen to that prophet shall be destroyed from the people.)
3:24 “และบรรดาผู้เผยพระวจนะตั้งแต่ซามูเอลเป็นต้นมาก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน และได้พยากรณ์ถึงวันเหล่านี้”
(And all the prophets who have spoken, from Samuel and those who came after him, also proclaimed these days.)
3:25 “ท่านทั้งหลายเป็นลูกหลานของผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น และของพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกท่าน คือได้ตรัสกับอับราฮัมว่า ‘บรรดาพงศ์พันธุ์ของแผ่นดินโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า’”
(You are the sons of the prophets and of the covenant that God made with your fathers, saying to Abraham, ‘And in your offspring shall all the families of the earth be blessed.’ )
3:26 “เมื่อพระเจ้าโปรดให้องค์ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นขึ้นแล้ว ก็ทรงใช้พระองค์มายังท่านทั้งหลายก่อน เพื่ออวยพรแก่พวกท่าน โดยให้ทุกคนหันออกจากบาปของตน”
(God, having raised up his servant, sent him to you first, to bless you by turning every one of you from your wickedness.”)
ข้อมูลมีประโยชน์
3:1 “เปโตรกับยอห์น” (Peter and John) = ผู้นำของพวกอัครทูต และสาวกทั้งหมด (กท.2:9) และยังมียากอบพี่ชายของยอห์นอีกคนหนึ่งที่ใกล้ชิดอยู่วงในสาวกของพระเยซู (มก.9:2;13:3;14:33;ลก.22:8)
-ทั้งเปโตรกับยอห์นถูกจับด้วยกัน (4:3) อยู่ด้วยกันในสะมาเรีย (8:14)
“ในเวลาอธิษฐาน” (at the hour of prayer) = พวกยิวรุ่นหลังกำหนดเวลาอธิษฐานไว้ที่ 3 เวลาต่อวัน คือ เวลา 9.00 น. (ตอนสาย), 15.00 น.(เวลาถวายเครื่องบูชายามเย็น และ เมื่อดวงอาทิตย์ตก
3:2 “ประตูพระวิหารซึ่งมีชื่อว่าประตูงาม” (the gate of the temple that is called the Beautiful Gate)
= นิยมใช้เป็นทางเข้าลานพระวิหาร อาจเป็นประตูหุ้มทองสัมฤทธิ์ ซึ่งเรียกว่า “ประตูนิคาโนร์” ในที่อื่น , ประตูนี้เปิดจากลานคนต่างชาติสู่ลานสตรีทางกำแพงด้านตะวันออกของพระวิหาร
3:6 “ในพระนามของพระเยซูคริสต์” (In the name of Jesus Christ) = ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์เดชอำนาจใดๆ ของพวกเขาเอง แต่โดยสิทธิอำนาจขององค์พระเยซูคริสต์ พระเมสสิยาห์ที่พวกเขารอคอย
3:7 “พยุงขึ้น” ( raised him up) -การลงมือกระทำที่ควบคู่ไปกับความเชื่อทำให้ชายขอทานคนนี้หายจากการเป็นง่อย (ข.16)
3:8 “เดินเข้าไปในพระวิหาร” (entered the temple) = เข้าไปในลานพระวิหาร จากคนชั้นนอกสำหรับคนต่างชาติ เข้าสู่ลานสตรี ซึ่งมีภาชนะรับของถวาย (มก.12:41-44) จากนั้นก็เข้าสู่ลานอิสราเอลจากลานชั้นนอกมีประตู 9 บานเข้าสู่ลานชั้นใน
3:11 “เฉลียงของซาโลมอน” (in the portico called Solomon’s) = เฉลียงตามแนวด้านในของกำแพงรอบลานชั้นนอกมีแนวเสาหินสูง 8.2 เมตร หลังคาทำด้วยไม้สนสีดาร์ (ยน.10:23)
3:12-26 – ดู 2:14-20
3:13 “พระเยซูผู้รับใช้ของพระองค์” (the God of our fathers) –ผู้รับใช้ผู้ทนทุกข์ ที่พยากรณ์ไว้ล่วงหน้า ใน-อสย.52:13-53:12;มธ.12:18;กจ.2:27,30
“ปฏิเสธต่อหน้าปีลาต” (denied in the presence of Pilate) = พวกเขาร่วมกันรุมต่อต้านพระเยซู ปฏิเสธไม่ยอมรับว่า พระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์
“ปีลาตตั้งใจจะปล่อยพระองค์ไป” (he had decided to release him) -ยน.19:12
3:14 “องค์บริสุทธิ์” ( the Holy) –ปท.ลนต.11:44
“(องค์)ชอบธรรม” (Righteous) -7:22;22:14 , ปท.1ยน.2:1
“ผู้ฆ่าคน” (a murderer) = ฆาตกร –ลก.23:18
3:15 “ท่านทั้งหลายจึงฆ่าพระองค์ …แต่พระเจ้าได้โปรดให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย เราคือ สักขีพยาน”
(you killed the Author of life, whom God raised from the dead. To this we are witnesses)
= ประเด็นสำคัญในบทพูดที่กล่าวซ้ำอยู่หลายครั้งในกิจการ (2:23-24;4:10;5:30-32;10:39-41;13:28-29; ปท.1คร.15:1-4
3:17 “พี่น้องทั้งหลาย” (brothers) = ชนชาติอิสราเอล (ข.12)
“ทำการนั้นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์” (I know that you acted in ignorance) = พวกเขาไม่รู้จักพระเยซูผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่แท้จริง (ลก.23:34) จึงปฏิเสธพระองค์ แต่หากพวกเขาสำนึกผิดกลับใจใหม่ หันกลับมา พระเจ้าจะทรงเมตตาพวกเขา
3:18 “พระเจ้าทรงประกาศไว้ล่วงหน้าโดยปากของบรรดาผู้เผยพระวจนะ” (God foretold by the mouth of all the prophets) = สะท้อนถึงสิ่งที่พระเยซูได้ตรัสไว้ (ลก.24:26-27) ในเรื่องการทนทุกข์ที่ถูกพยากรณ์ไว้ก่อนแล้ว (ปท. อสย.53:7-8;กจ.8:32-33;สดด.2:1-2;กจ.4:25-26;สดด.22:1;มธ.27:46; 1ปต.1:11)
3:19 “จงกลับใจ” (Repent therefore) = การเปลี่ยนความคิดจิตใจ และความตั้งใจอันเป็นผลจากความรู้สึกเสียใจที่ได้ทำบาป อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิต (2:38;ลก.3:3)
“หันมาหาพระเจ้า” (turn back) = สิ่งที่ต่อเนื่องจากการกลับใจใหม่ (11:21)
-ปท.26:26;9:35;14:15;15:19;26:18;28:27
การกลับใจคือ การหันจากบาป และหันมาหาพระเจ้า
“ความผิดบาปของพวกท่านจะได้รับการลบล้าง” (your sins may be blotted out) = จะได้รับการอภัยบาป เมื่อท่านกลับใจใหม่
3:22 “จะประทานผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งเหมือนอย่างเรา แก่พวกท่าน” (will raise up for you a prophet like me from your brothers) = คำทำนายว่า พระเจ้าจะให้พระคริสต์เสด็จมาเป็นดุจผู้เผยพระวจนะอย่างโมเสส (ข.22-23) และตามคำประกาศของซามูเอลเกี่ยวกับดาวิด (ข.24)
-และพระองค์จะนำพรไปสู่คนทุกชนชาติตามที่ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัม (ข.25-26)
3:24 “บรรดาผู้เผยพระวจนะตั้งแต่ซามูเอลเป็นต้นมา” (all the prophets who have spoken, from Samuel) = ซามูเอลเจิมตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์(ต่อจากซาอูล) และกล่าวถึงการสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ (1ซมอ.16:13; ปท.13:14;15:28;28:17)
-คำพยากรณ์ของนาธัน ใน 2ซมอ.7:12-16 ก็เล็งถึงพระเมสสิยาห์ด้วย (กจ.13:22-23;34;ฮบ.1:5)
3:25 “ท่านทั้งหลายเป็นลูกหลานของผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น” (You are the sons of the prophets)
–กจ.2:39
“เชื้อสาย” (offsring) = วงศ์วาน, เป็นเอกพจน์ในที่นี้เล็งถึงองค์พระเยซูคริสต์ – กท.3:16
คำถามนำอภิปราย
- คุณมีนิสัยชอบไปอธิษฐานร่วมกับพี่น้องที่โบสถ์หรือที่อื่นใดหรือไม่? อย่างไร? และมีผลดีอะไรบ้าง?
- เคยมีคนมาขอหรือขอยืมจากคุณบ้างหรือไม่? แล้วคุณให้หรือไม่? ถ้าให้ คุณให้เท่าที่เขาขอหรือไม่? ทำไม? แล้วเกิดอะไรตามมา?
- คุณเคยเห็นหรือเคยทำการอัศจรรย์หรือหมายสำคัญในคริสตจักรและนอกคริสตจักรบ้างหรือไม่? อย่างไร? ส่งผลต่อความเชื่อของคุณหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยทำอะไรบ้างที่ทำให้คนบางคนมีชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล? อย่างไร? หรือเคยมีผู้ใดทำเช่นนั้นต่อคุณ? (แบ่งปัน)
- คุณเคยได้รับการให้เกียรติที่คุณรู้สึกว่า ตัวเองไม่คู่ควรหรือไม่สมควรบ้างหรือไม่? ทำไม? สิ่งนั้นส่งผลอะไรต่อคำพูดหรือการกระทำของคุณบ้าง? อย่างไร?
- คุณเคยเป็นพยานกับบุคคลใดหรือคนกลุ่มใดที่คุณรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดหรือไม่? ทำไม? แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไร?
- คุณเคยนำผู้ใดต้อนรับพระเยซูคริสต์ โดยการนำเขาให้เขาอธิษฐานต้อนรับพระคริสต์เป็นส่วนตัวบ้างหรือไม่? อย่างไร? คุณรู้สึกอย่างไร?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer