พระเยซูกับสาวกที่พระเยซูทรงรัก
พระธรรม ยอห์น 21:1-25
อ้างอิง ยน.20:14,19,26;18:18,13:23,11:16,2:1,1:45;มธ.4:21;26:33;ลก.5:4-7;24:16
บทนำ แม้ว่าเปโตรจะล้มเหลว แต่พระเยซูก็ให้โอกาสแก่เขาในการรับใช้ หากเรารักพระองค์ พระองค์ก็ให้โอกาสแก่เราในการรับใช้เช่นกัน ไม่ว่าเราจะผิดพลาดหรือล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้ง ตราบใดที่เรายังรักพระองค์อยู่พระเจ้าทรงใช้เราได้!
บทเรียน
21:1 “ต่อมาพระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวกอีกครั้งหนึ่งที่ทะเลทิเบเรียส พระองค์ทรงสำแดงพระองค์อย่างนี้”
(After this Jesus revealed himself again to the disciples by the Sea of Tiberias, and he revealed himself in this way.)
21:2 “คือ ซีโมนเปโตร โธมัสที่เรียกว่าดิดุโมส นาธานาเอลชาวบ้านคานาแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองของเศเบดี และสาวกของพระองค์อีกสองคน กำลังอยู่ด้วยกัน”
(Simon Peter, Thomas (called the Twin), Nathanael of Cana in Galilee, the sons of Zebedee, and two others of his disciples were together.)
21:3 “ซีโมนเปโตรบอกพวกเขาว่า “ข้าจะไปจับปลา” พวกเขาจึงพูดกับซีโมนว่า “เราจะไปด้วย” แล้วพวกเขาก็ออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นเขาจับปลาไม่ได้เลย”
(Simon Peter said to them, “I am going fishing.” They said to him, “We will go with you.” They went out and got into the boat, but that night they caught nothing.)
21:4 “เมื่อถึงรุ่งเช้า พระเยซูทรงยืนอยู่ที่ฝั่ง แต่พวกสาวกไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู”
(Just as day was breaking, Jesus stood on the shore; yet the disciples did not know that it was Jesus.)
21:5 “พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ลูกเอ๋ย ยังไม่ได้ปลาหรือ?” เขาตอบว่า “ยัง”
(Jesus said to them,”Children, do you have any fish?” They answered him, “No.” )
21:6 “พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือ แล้วจะได้ปลามาบ้าง” เขาจึงทอดอวนลงและได้ปลาจำนวนมากจนลากอวนขึ้นไม่ไหว”
(He said to them, “Cast the net on the right side of the boat, and you will find some.” So they cast it, and now they were not able to haul it in, because of the quantity of fish.)
21:7 “สาวกคนที่พระเยซูทรงรัก บอกเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” เมื่อเปโตรได้ยินว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อมาสวมเพราะถอดเสื้อและตัวเปล่าอยู่ แล้วก็กระโดดลงทะเล”
(That disciple whom Jesus loved therefore said to Peter, “It is the Lord!” When Simon Peter heard that it was the Lord, he put on his outer garment, for he was stripped for work, and threw himself into the sea.)
21:8 “แต่สาวกคนอื่นๆ นั้นนั่งเรือมาและลากอวนที่ติดปลาเต็มนั้นมาด้วย เพราะเขาอยู่ห่างจากฝั่งไม่มากนัก ไกลประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น”
(The other disciples came in the boat, dragging the net full of fish, for they were not far from the Land, but about a hundred yards off.)
21:9 “เมื่อพวกเขาขึ้นมาบนฝั่งก็เห็นถ่านติดไฟอยู่ มีปลาวางอยู่ข้างบน และมีขนมปัง”
(When they got out on land, they saw a charcoal fire in place, with fish laid out on it, and bread.)
21:10 “พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เอาปลาที่เพิ่งจับได้มาบ้าง”
(Jesus said to them, “Bring some of the fish that you have just caught.” )
21:11 “ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือแล้วลากอวนขึ้นฝั่ง อวนนั้นเต็มไปด้วยปลาตัวใหญ่ๆ มีหนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว แม้จะมีมากขนาดนั้นอวนก็ไม่ขาด”
(So Simon Peter went aboard and hauled the net ashore, full of large fish, 153 of them. And although there were so many, the net was not torn. )
21:12 “พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “มารับประทานอาหารกันเถิด” พวกสาวกไม่มีใครกล้าถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นใคร?” เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า”
(Jesus said to them,”Come and have breakfast.” Now none of the disciples dared ask him, “Who are you?” They knew it was the Lord.)
21:13 “พระเยซูทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้พวกเขา และทรงหยิบปลาแจกด้วย”
(Jesus came and took the bread and gave it to them, and so with the fish.)
21:14 “นี่เป็นครั้งที่สามที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวก หลังจากที่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตายแล้ว”
(This was now the third time that Jesus was revealed to the disciples after he was raised from the dead.)
21:15 “เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกนี้หรือ?” เขาทูลพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด”
(When they had finished breakfast, Jesus said to Simon Peter,”Simon, son of John, do you love me more than these?” He said to him, “Yes, Lord; you know that I love you.” He said to him, “Feed my lambs.”)
21:16 “พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เขาทูลตอบพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด”
(He said to him a second time, “Simon, son of John, do you love me?”He said to him, “Yes, Lord; you know that I love you.” He said to him,”Tend my sheep.” )
21:17 “พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เปโตรเสียใจมากที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า “ท่านรักเราหรือ?” เขาจึงทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงรู้ดีว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด”
(He said to him the third time, “Simon, son of John, do you love me?” Peter was grieved because he said to him the third time, “Do you love me?” and he said to him, “Lord, you know everything; you know that I love you.” Jesus said to him, “Feed my sheep.)
21:18 “เราบอกความจริงกับท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่ม ก็คาดเอวของท่านเองและเดินไปไหนๆ ตามที่ท่านปรารถนา แต่เมื่อแก่แล้ว ท่านจะเหยียดมือออก และจะมีคนมาคาดเอวของท่าน และพาไปที่ที่ท่านไม่ปรารถนาจะไป”
(Truly, truly, I say to you, when you were young, you used to dress yourself and walk wherever you wanted, but when you are old, you will stretch out your hands, and another will dress you and carry you where you do not want to go.” )
21:9 “(ที่พระองค์ตรัสอย่างนั้นก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการตายแบบใด) เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์จึงตรัสกับเปโตรว่า “จงตามเรามาเถิด”
(This he said to show by what kind of death he was to glorify God.) And after saying this he said to him, “Follow me.”)
21:20 “เปโตรเหลียวหลังเห็นสาวกคนที่พระองค์ทรงรักตามมา (สาวกคนนั้นคือคนที่เอนตัวลงใกล้พระองค์ขณะรับประทานอาหารและทูลถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่จะทรยศพระองค์เป็นใคร?”)
(Peter turned and saw the disciple whom Jesus loved following them, the one who also had leaned back against him during the supper and had said, “Lord, who is it that is going to betray you?” )
21:21 “เมื่อเปโตรเห็นสาวกคนนั้นจึงทูลถามพระเยซูว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า คนนี้จะเป็นยังไงบ้าง?”
(When Peter saw him, he said to Jesus, “Lord, what about this man?” )
21:22 “พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา มันเกี่ยวอะไรกับท่าน? จงตามเรามาเถิด”
(Jesus said to him, “If it is my will that he remain until I come, what is that to you? You follow me!” )
21:23 “เพราะฉะนั้นคำที่ว่าสาวกคนนั้นจะไม่ตาย จึงลือกันไปท่ามกลางพวกพี่น้อง พระเยซูไม่ได้ตรัสกับเขาว่าสาวกคนนั้นจะไม่ตาย แต่ตรัสว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา มันเกี่ยวอะไรกับท่าน?”
(So the saying spread abroad among the brothers that this disciple was not to die; yet Jesus did not say to him that he was not to die, but, “If it is my will that he remain until I come, what is that to you?”)
21:24 “สาวกคนนี้แหละที่เป็นพยานถึงเหตุการณ์เหล่านี้ และเป็นคนที่บันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ และเราทราบว่าคำพยานของเขาเป็นความจริง”
(This is the disciple who is bearing witness about these things, and who has written these things, and we know that his testimony is true.)
21:25 “พระเยซูยังทรงทำสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าจะเขียนให้หมดทุกสิ่ง ข้าพเจ้าคิดว่าแม้ที่ทั้งโลกไม่พอใส่หนังสือที่จะเขียนนั้น”
(Now there are also many other things that Jesus did. Were every one of them to be written, I suppose that the world itself could not contain the books that would be written.)
ข้อมูลมีประโยชน์
21:1 “ทิเบเรียส” (Tiberias) -6:1 , หมายถึงทะเบสาบกาลิลี
21:2 “ซีโมนเปโตร” (Simon Peter) -มก.1:16
“โธมัส” (Thomas) -11:16
“บุตรทั้งสองของเศเบดี” (the sons of Zebedee) = ยอห์นและยากอบ แต่จะไม่เอ่ยชื่อทั้ง 2 คนนี้ในพระธรรมเล่มนี้เลย (มธ.4:21)
21:3 “คืนนั้น” (that night) = ทั้งคืน , ชาวประมงในสมัยนั้นชอบหาปลาเวลากลางคืน
21:4 “ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู” (not know that it was Jesus ) –ปท.กับมารีย์ ชาวมักดารา (20:14)
21:7 “สาวกคนที่พระเยซูทรงรัก” (That disciple whom Jesus loved) -13:23
“หยิบเสื้อมาสวม” (he put on) = เสื้อตัวนอก แปลกที่เปโตรหยิบเสื้อตัวนอก(เครื่องแต่งกายชิ้นนี้) แล้วกระโดดลงน้ำ
-คนยิวถือว่า การทักทายในทางศาสนาทำได้เฉพาะเมื่อสวมเสื้อผ้าเท่านั้น เปโตรอาจเตรียมตัวเพื่อทักทายพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า
21:9 “ถ่านติดไฟอยู่” ( a charcoal fire) = แปลตามตัว “ถ่านไม้” เช่นเดียวกับใน 18:18 (ไฟ – ดู 18:26)
21:11 “ลากอวนขึ้นฝั่ง” (hauled the net ashore) = ดูเหมือนเปโตรเป็นผู้นำกลุ่ม เพราะทั้งกลุ่มยังไม่สามารถลากอวนขึ้นเรือได้ก่อนหน้านี้ (ข.6)
“อวนก็ไม่ขาด” ( the net was not torn) = แตกต่างจากอวนที่เอ่ยใน ลก.5:6
21:14 “นี่เป็นครั้งที่สาม” (the third time ) = พระเยซูปรากฏพระองค์เองเป็นครั้งที่ 3 กับเหล่าสาวก (20:19-23,24-29) แต่พระองค์ก็ปรากฏกับบางรายบุคคลด้วย
21:15-17 “รัก….รัก…..รัก” (love.. love.. love) = ในภาษากรีก คำว่า “รัก” ใน 2 คำถามแรกของพระเยซูเป็นคนละคำกับในคำถามที่สาม และในคำตอบของเปโตร
-ไม่แน่ใจว่า ยอห์นจงใจใช้คำเหล่านี้เพื่อให้ความหมายที่ต่างกันหรือไม่ สิ่งสำคัญคือ คำถามว่า การหวนคืนของเปโตรในการรับใช้ครั้งนี้ มาจากความรักต่อพระเยซูหรือไม่?
21:15 “มากกว่าพวกนี้หรือ” (you love me more than these?) = ยิ่งกว่าสิ่งเหล่านี้จริง ๆ หรือ อาจหมายความว่า
- มากกว่ารักคนเหล่านี้หรือ?
- มากกว่าที่คนเหล่านี้รักเราหรือ?
- มากกว่ารักสิ่งเหล่านี้(อวน เรือ ฯลฯ) หรือ?
-แต่เมื่อเปรียบเทียบกับที่เปโตรเคยอ้างว่า ตัวเองอุทิศตัวแด่พระเยซูมากกว่าคนอื่น ๆ (มธ.26:33;มก.14:29; ยน.13:37)
เปรียบเทียบ
- จงเลี้ยงดูลูกแกะของเรา (ข.15)
- จงดูแลแกะของเรา (ข.16) –บางฉบับแปลว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเรา”
- จงเลี้ยงดูแกะของเรา (ข.17)
21:17 “พระองค์ทรงรู้ดีว่า” (you know that) = พระองค์ทรงทราบทุกอย่าง –เป็นคำตอบที่เปโตรเน้นว่า พระเยซูทรงทราบทุกสิ่งอยู่แล้ว
21:18 “เราบอกความจริงกับท่าน” (Truly, truly, I say to you,) -มก.3:28
“ท่านจะเหยียดมือออก” ( you will stretch out your hands) = คำพยากรณ์ว่า เปโตรจะถูกตรึง
21:19 “การตายแบบใด” (what kind of death) = เชื่อกันว่า เปโตรจะเป็นผู้พลีชีพแบบถูกตรึงกลับหัว
21:20 “สาวกคนที่พระองค์ทรงรัก” (the disciple whom Jesus loved) -13:23
“ตามมา” (following them) = เขากำลังทำสิ่งที่เปโตรถูกบอกให้ทำ 2 ครั้ง (ข.19,22)
21:22 “จนกว่าเราจะมา” (until I come) = คำประกาศที่ชัดเจนถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซู (14:3)
21:24 “สาวกคนนี้แหละที่เป็นพยาน” ((This is the disciple who is bearing witness) = การเป็นพยานหรือคำพยานเป็นหัวข้อที่สำคัญมากตลอดเล่มของพระธรรมยอห์นเล่มนี้ (1:7)
“ถึงเหตุการณ์เหล่านี้” (about these things) = เรื่องราวในพระกิตติคุณยอห์นทั้งเล่ม
“เป็นคนที่บันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้” (who has written these things) = ยอห์นหรือสาวกที่พระเยซูทรงรักไม่เพียงแต่เป็นพยาน แต่เป็นผู้เขียนพระธรรมตอนนี้ด้วย
“เราทราบว่า “ (we know) = เขียนโดยคนที่อยู่ร่วมสมัยกับเหตุการณ์ต่าง ๆ นั้นที่อยู่และรับรู้เหตุการณ์จริง
21:25 “สิ่งอื่น ๆ อีกมายมาย” (many other things) –อย่างเช่นในยอห์น 20:30 เป็นการบ่งบอกว่า ผู้เขียนพระธรรมตอนนี้ เลือกเขียนเหตุการณ์บางเหตุการณ์เท่านั้น
“แม้ที่ทั้งโลกไม่พอใส่หนังสือที่จะเขียนนั้น” (that the world itself could not contain the books that would be written ) = การพูดแบบเกินจริงเพื่อให้เห็นภาพ (ตัวอย่างเช่นใน ลูกา 14:26)
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเยซูมาปรากฏกับคุณบ้างหรือไม่? ที่ไหน? เมื่อไร? และอย่างไร? แล้วเกิดอะไรตามมา? (หรือเคยรู้จักกับใครที่มีประสบการณ์ดังกล่าว?)
- คุณเคยมีประสบการณ์กับการทำบางสิ่ง(ที่เราเคยทำอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว) แต่ไม่เกิดผลเลยบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วพระเจ้า(พระเยซูคริสต์) ทรงช่วยคุณอย่างไรบ้าง? (แบ่งปัน)
- คุณมีประสบการณ์ในการสามัคคีธรรมกับพระเยซูคริสต์(เป็นส่วนตัวหรือเป็นกลุ่ม) ที่คุณไม่มีวันลืมเลือนเลย บ้างหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)
- คุณเคยถูกสงสัยในความรักที่คุณมีต่อพระ(เยซู)เจ้าบ้างหรือไม่? ทำไม? แล้วคุณพิสูจน์ตัวเองอย่างไร?
- คุณแสดงความรักอย่างเป็นรูปธรรมต่อพระเยซูเจ้าอย่างไรบ้าง? คำสั่งของพระองค์ในเรื่องการให้ดูและและเลี้ยงดูแกะของพระองค์นั้นคุณทำอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง? อย่างไร?
- คุณคิดว่า “ชีวิต” และ “ความตาย” ของคุณ สามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?
- คุณเคยเป็นคนอยากรู้อยากเห็น และถูกพระเจ้าตักเตือนบ้างหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเป็นพยานอะไรให้แก่พระเยซูคริสต์ แก่คนใกล้ตัวหรือรอบตัวของคุณบ้าง? อย่างไร? และได้ผลอะไรบ้าง หรือไม่?
- คุณเคยเขียนหรือโพสต์อะไรเพื่อเป็นพยานให้พระเยซูคริสต์บ้างหรือไม่? อย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์