ทำไมการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์จึงสำคัญ?
การเป็นขึ้นจากตายของพระคริสต์เป็นสิ่งสำคัญเพราะ
1.เป็นหลักฐานหรือพยานยืนยันถึงฤทธานุภาพอันไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหนือความตายขององค์พระเจ้า
1) พระองค์ทรงฤทธิ์ทรงพระชนม์อยู่ ดำรงอยู่ได้ด้วยพระองค์เอง
2) พระองค์ทรงสร้างจักรวาลและโลกนี้ รวมทั้งตัวของเรา
3) พระองค์มีสิทธิอำนาจเหนือความตาย และสามารถทำให้พระคริสต์และเราเป็นขึ้นจากความตายได้ เช่นกัน
1คร.15:3-4 “เพราะว่าข้าพเจ้าได้มอบเรื่องสำคัญที่สุดที่ได้รับมานั้นแก่พวกท่านคือพระคริสต์วายพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ 4และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์”
1คร.15:53-57 “เพราะว่าสิ่งที่เสื่อมสลายได้นี้ต้องสวมด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายไม่ได้ และสภาพที่ต้องตายนี้ต้องสวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อสิ่งที่เสื่อมสลายได้นี้สวมด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายไม่ได้และสภาพที่ต้องตายนี้สวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อนั้นพระวจนะที่เขียนไว้จะสำเร็จว่า “ความตายก็ถูกกลืนเข้าในชัยชนะแล้ว”
โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน? โอ ความตาย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?” เหล็กในของความตายนั้นคือบาป และอำนาจของบาปคือธรรมบัญญัติ สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะแก่เรา โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
2.เป็นหมายสำคัญยืนยันสิทธิอำนาจในสิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัสสอน และอ้างว่าพระองค์คือพระบุตรของพระเจ้า
มธ.16:1-4 “พวกฟาริสีกับพวกสะดูสีมาทดลองพระองค์ โดยขอให้พระองค์ทรงแสดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ให้เห็น2พระองค์จึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “[พอตกเย็นท่านทั้งหลายพูดว่า ‘อากาศจะปลอดโปร่งเพราะท้องฟ้าสีแดง’ พอรุ่งเช้าพวกท่านก็พูดว่า ‘วันนี้จะมีพายุฝนเพราะท้องฟ้าสีแดงและมืดครึ้ม’ ท้องฟ้านั้นท่านทั้งหลายยังรู้จักสังเกตและเข้าใจ แต่หมายสำคัญแห่งกาลเวลานี้พวกท่านกลับไม่เข้าใจ] คนในยุคชั่วร้ายและไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าชอบแสวงหาหมายสำคัญ แต่จะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่เขาทั้งหลาย เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์เท่านั้น” แล้วพระองค์ก็เสด็จไปจากพวกเขา”
ยน.2:18-22 “พวกยิวจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านจะแสดงหมายสำคัญอะไรให้เราเห็นว่า ท่านมีสิทธิ์ทำการเช่นนี้ได้?”พระเยซูจึงตรัสตอบพวกเขาว่า “ถ้าทำลายวิหารนี้ เราจะสร้างขึ้นภายในสามวัน” พวกยิวจึงทูลว่า “วิหารนี้เขาได้ใช้เวลาก่อสร้างถึงสี่สิบหกปีแล้ว และท่านจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวันหรือ?” แต่วิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์ เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสอย่างนี้ และพวกเขาก็เชื่อพระคัมภีร์และพระดำรัสที่พระเยซูตรัสนั้น”
1คร.15:3-8 “เพราะว่าข้าพเจ้าได้มอบเรื่องสำคัญที่สุดที่ได้รับมานั้นแก่พวกท่านคือพระคริสต์วายพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ พระองค์ทรงปรากฏต่อเคฟาส แล้วต่ออัครทูตสิบสองคน ต่อจากนั้น พระองค์ทรงปรากฏต่อพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในเวลาเดียวกัน ที่ส่วนมากยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บ้างก็ล่วงหลับไปแล้ว ต่อจากนั้นพระองค์ทรงปรากฏต่อยากอบ แล้วต่ออัครทูตทั้งหมด หลังสุดพระองค์ทรงปรากฏต่อข้าพเจ้า ผู้เป็นเหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด”
กจ.13:32-37 “เรานำข่าวประเสริฐนี้มาแจ้งกับท่านทั้งหลายว่า พระสัญญาที่ประทานแก่บรรดาบรรพบุรุษของเรานั้น พระเจ้าทรงให้สำเร็จตามนั้นเพื่อเรา ผู้เป็นลูกหลานของเขาทั้งหลาย โดยการที่พระองค์ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมา ดังมีคำเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีบทที่สองว่า ‘เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า’ ส่วนข้อที่ว่า พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย ไม่ให้เน่าเปื่อยอีกนั้น พระองค์ตรัสดังนี้ว่า ‘เราจะให้พรอันบริสุทธิ์และมั่นคงที่เราสัญญาไว้กับดาวิดแก่พวกท่าน’ เพราะฉะนั้นพระองค์ตรัสไว้ที่อื่นอีกว่า ‘พระองค์จะไม่ให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์ ประสบความเปื่อยเน่า’ เพราะว่าแม้แต่ดาวิดหลังจากที่ปรนนิบัติตามพระทัยพระเจ้าในชั่วอายุของท่านแล้ว ท่านล่วงหลับไป และถูกฝังไว้กับบรรดาบรรพบุรุษของท่านแล้วก็เปื่อยเน่าไป ส่วนพระองค์ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นมานั้นไม่ได้ประสบความเปื่อยเน่าเลย”
3.เป็นหลักฐานยืนยันสูงสุดว่า คำตรัสของพระเยซูและคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์เดิมถึงการทนทุกข์ ตาย และเป็นขึ้นของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องจริง
กจ.17:2-3 “เปาโลจึงเข้าไปในธรรมศาลานั้นเช่นเคย และท่านอ้างข้อความในพระคัมภีร์ถกเถียงกับพวกเขาได้สามวันสะบาโต อธิบายและพิสูจน์ให้เห็นว่า จำเป็นที่พระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตาย และกล่าวต่อว่า “พระเยซูองค์นี้ที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่านทั้งหลายคือพระคริสต์”
มก.8:31 “ตั้งแต่นั้นมา พระองค์ทรงสอนพวกสาวกว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่และพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์จะทรงถูกประหารชีวิต และหลังจากนั้นสามวันจะเป็นขึ้นมาใหม่”
มก.9:31 “เพราะว่าพระองค์ทรงกำลังสอนสาวกของพระองค์ว่า “บุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้ในมือของคนทั้งหลาย และพวกเขาจะฆ่าท่าน หลังจากถูกประหารแล้วสามวัน ท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่”
มก.10:34 “คนต่างชาติเหล่านั้นจะเยาะเย้ยท่าน ถ่มน้ำลายรดท่าน จะเฆี่ยนตีท่านและจะฆ่าท่าน และหลังจากนั้นสามวันแล้วท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่”
4.เป็นการยืนยันความสำคัญว่าความหวัง และความรอดของพวกเรา จากการอภัยบาปของพระคริสต์ เป็นสิ่งที่เป็นจริงแน่นอน
1คร.15:14-19 “ถ้าพระคริสต์ไม่ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา การประกาศของเรานั้นก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไร้ประโยชน์ด้วย และคนก็จะเห็นว่าเราเป็นพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราเป็นพยานว่าพระองค์ทรงทำให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าคนตายไม่ถูกทำให้เป็นขึ้นมาแล้ว พระคริสต์ก็ไม่ได้เป็นขึ้นมา เพราะว่าถ้าคนตายไม่ถูกทำให้เป็นขึ้นมา พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของพวกท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังคงอยู่ในบาปของตน และถ้าอย่างนั้นคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย ถ้าเรามีความหวังในพระคริสต์เพียงแค่ในชีวิตนี้ เราก็เป็นพวกน่าเวทนาที่สุดของคนทั้งหมด”
5.เป็นการยืนยันว่าพระคริสต์ไม่เพียงเป็นผลแรกที่เป็นขึ้นมา แต่ทรงเป็นชีวิตที่มีชัยเหนือความตาย
ยน.11:25 “พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย คนที่วางใจในเราจะมีชีวิตอีกแม้ว่าเขาจะตายไป”
1ยน.5:11-12 “และพยานหลักฐานนั้นก็คือ พระเจ้าประทานชีวิตนิรันดร์แก่เรา และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ คนที่มีพระบุตรก็มีชีวิต คนที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต”
1คร.15:20 “แต่บัดนี้ พระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกของพวกที่ล่วงหลับไป”
6.เป็นพลังที่ทำให้เราสามารถทำงานของพระเจ้าต่อไปได้อย่างมั่นคง
1คร.15:58 “ฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงมั่นคงอยู่ อย่าหวั่นไหว จงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่า ในองค์พระผู้เป็นเจ้า การตรากตรำของท่านจะไม่ไร้ประโยชน์”
7.เป็นการหนุนใจถึงชัยชนะและร่างกายใหม่ที่มีสง่าราศีสำหรับผู้เชื่อทุกคน
1ธส.4:13-18 “พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความเข้าใจเรื่องคนที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้า อย่างคนอื่นๆ ที่ไม่มีความหวัง เพราะในเมื่อเราเชื่อว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์และคืนพระชนม์แล้ว โดยพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำบรรดาคนที่ล่วงหลับไปแล้วนั้นมากับพระองค์ ตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบอกพวกท่านข้อนี้ว่า เราที่ยังมีชีวิตอยู่และคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ล่วงหน้าไปก่อนพวกที่ล่วงหลับไปแล้ว คือว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยเสียงเรียกของหัวหน้าทูตสวรรค์และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และทุกคนที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นพระเจ้าจะทรงรับพวกเราซึ่งยังมีชีวิตอยู่ขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์ เพราะฉะนั้นจงหนุนใจกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด”
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr.ภาพ Cross examined.org)