รักษาระยะห่าง
แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ (ยากอบ 1:14)
เราอยู่ในโลกที่ไม่มีใครอยากรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ เราต่างก็เป็นชนชาติของผู้ตกเป็นเหยื่อ เราต่างก็มีเชื้อโรค ไม่มีใครใช้คำว่า “ฉันทำบาป” อีกต่อไป เดี๋ยวนี้เราพูดว่า “ฉันไม่สบาย และเป็นเพราะยาที่กินเข้าไป” เราโทษไปที่สิ่งนั้นสิ่งนี้
แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า “แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย” (ยากอบ 1:14–15)
สำหรับผู้เชื่อที่อธิษฐานขอให้พ้นจากการทดลอง อธิษฐานเสร็จก็รีบไปในที่อโคจร ก็เป็นเหมือนคนที่เอามือแหย่เข้าไปในไฟแล้วอธิษฐานขออย่าให้มือไหม้ เราต่างก็หาเรื่องใส่ตัว บางครั้งผู้คนก็เดินเข้าสู่การทดลองคิดว่า “ไม่มีปัญหา รับมือได้ ฉันไม่พลาดง่ายๆหรอก”
นี่คือความคิดเดียวกับแซมสัน พวกฟิลิสเตียพยายามฆ่าท่านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่อาจทำได้เพราะพลังที่ท่านมีสามารถจัดการกับพวกเขาได้ ไม่มีใครหยุดแซมสันได้
มารไม่เคยหมดความพยายาม แทนที่จะจัดการท่านในสนามรบ มันปรับยุทธศาสตร์ไปเป็นที่เตียงนอน ในที่สุดแซมสันก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อล้อเล่นกับบาป เพราะบาปไม่ได้ล้อเล่น มันเอาจริง ในที่สุดท่านก็ต้องจบชีวิตลง
เราต้องตระหนักว่ามารเป็นศัตรูที่มีอำนาจ พระคัมภีร์กล่าวว่า “จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” (1เปโตร 5:8)
คุณอาจคิดว่ามันไม่อันตราย แต่มันมีอำนาจ แน่นอนไม่มีอำนาจเท่าพระเจ้า หรือแม้แต่เทียบเคียงพระองค์ได้ ถึงอย่างไรมันก็เป็นวิญญาณชั่วที่มีอำนาจ และเราจำเป็นต้องรักษาระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
อย่าล้อเล่นกับความบาป เพราะบาปไม่ได้ล้อเล่น มันเอาจริง
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000,Riverside,CA92514
(Cr.ภาพ Eric.com)