Categories
บทความแปล

อย่าปล่อยให้อดีตมีอิทธิพล

อย่าปล่อยให้อดีตมีอิทธิพล

“ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า” (ฟีลิปปี 3:13ข THSV11)

ขณะเดินดูงานศิลปะในหอศิลป์ มีประโยคหนึ่งในภาพวาดที่ผ่านตาพูดกับฉัน แล้วฉันก็ตอบกลับไปในใจว่า “อาเมน”

ประโยคนั้นพูดอย่างธรรมดาว่า “อย่าสะดุดในสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคุณไปแล้ว”

เป็นประโยคที่กระทบใจและความคิดเป็นอย่างมาก ถ้อยคำธรรมดาแต่ตรงเข้ามาในหัวใจ อุปนิสัยที่คอยย้อนมากระตุ้นเราตลอดเวลา – ให้มองย้อนกลับไป – ทำไมเราปล่อยให้อดีตมาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา?

เปาโลเองก็ต้องฝ่าฟันในเรื่องนี้ ในช่วงที่ท่านศึกษาธรรมบัญญัติจนเชี่ยวชาญและออกไปข่มเหงทำลายคริสเตียน ท่านได้พบกับพระเยซูคริสต์ และชีวิตก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง ท่านเลือกที่จะโน้มตัวไปเบื้องหน้าและเป็นคนใหม่ในพระเจ้า แทนที่จะไปหมกมุ่นอยู่กับอดีตที่ผิดพลาด ที่ถูกผู้คนสาปแช่ง ท่านก้าวออกไปในพระคุณด้วยความมุ่งมั่น มีภารกิจสดใหม่ที่ต้องทำ ท่านเขียนถ้อยคำในจดหมายฝากถึงชาวฟีลิปปีในพระคัมภีร์ใหม่ที่แตะใจเหมือนกับที่ฉันพบในหอศิลป์ เป็นถ้อยคำที่เราคุ้นเคยกันดี

“ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ และรู้จักฤทธิ์เดชแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์ และรู้จักการมีส่วนร่วมในความทุกข์ของพระองค์ และเป็นเหมือนกับพระองค์ในความตายนั้น ทั้งมุ่งหวังที่จะได้เป็นขึ้นจากความตายด้วย ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าได้รับแล้ว หรือดีพร้อมแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปเพื่อที่จะฉวยไว้เพราะพระเยซูคริสต์ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้ พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า และข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลคือการทรงเรียกแห่งเบื้องบนซึ่งมีในพระเยซูคริสต์” (ฟีลิปปี 3:10-14 THSV11)

แม้เราจะคุ้นเคยกับพระวจนะตอนนี้ดี แต่เราจำเป็นต้องตระหนักให้ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้จบลงแค่นั้น สิ่งที่เปาโลพูดต่อไปคือสิ่งที่พลิกสถานการณ์:

“เพราะฉะนั้น เราที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจงคิดอย่างนี้ และถ้าพวกท่านคิดอีกอย่างหนึ่ง พระเจ้าก็จะทรงให้เรื่องนี้ประจักษ์แก่ท่านด้วย อย่างไรก็ตาม เราได้แค่ไหนแล้ว ก็จงดำเนินตามนั้นต่อไป” (ฟีลิปปี 3:15-16 THSV11)

เราอยากจะเติบโต เราอยากจะคิดให้ได้แบบนี้ ใช่หรือไม่? เราอยากจะยึดสิ่งที่มีในพระคริสต์ไว้ – เป็นวิถีชีวิต!

สิ่งนี้ทำให้ฉันเริ่มคิดในสิ่งที่เปาโลพูด : พี่น้องคะ ปล่อยมันไปเถอะ เดินหน้าต่อไป มีสิ่งยิ่งใหญ่คอยอยู่ อย่าหันหลังไปมอง เพราะมันไม่มีประโยชน์แล้ว ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับแผนการที่พระเจ้าเตรียมไว้ ถ้ามัวแต่มองย้อนไปที่เรื่องเดิมๆ จะทำให้คุณไม่เติบโต ถ้าคุณเติบโตขึ้นในความเชื่อคุณจะเชื่อฟังข่าวประเสริฐ เมื่อได้รับการอภัย … คุณก็ได้รับการอภัย จงเชื่อตามนั้น สิ่งที่พระเยซูได้ทำเพื่อเราจะปกปิด “ทุกสิ่ง” ในอดีตที่เราวางไว้ที่พระบาทพระองค์ 

คำเตือนคือ ฉันต้องโน้มตัวไปข้างหน้า สายตาต้องจับจ้องไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เบื้องหลัง พระเมตตาของพระเจ้าคือสิ่งสดใหม่ในทุกๆเช้า คำเตือนนี้ไม่ได้บอกให้ฉันกวาดขยะของตนเองไปซ่อนไว้ใต้พรมแล้วทำรู้ไม่ชี้ เพราะมันทำให้เราคอยเดินสะดุด ลืมความบาปไม่ได้ ก้าวขาเดินหน้าไม่ออก เราต้องสารภาพบาปนั้น และทูลขอการอภัยจากพระเยซูคริสต์

พระคุณจะทำให้เราคืนดีและเข้าเฝ้าพระเจ้าได้อย่างบริสุทธิ์ใจ และจะทำให้เราเดินหน้าไปได้ในพระคุณ แม้ชีวิตยังสับสนวุ่นวาย  สิ่งนี้ไม่ใช่เป็นการกักเก็บบาดแผลไว้ในที่ลึกสุดของใจ แต่พระคัมภีร์เชิญเราให้นำความเจ็บปวด ความขมขื่น ความโกรธแค้น และบาดแผลในหัวใจมาไว้ที่พระเยซู พระองค์จะให้เราได้พักสงบเพื่อทำการเยียวยาบาดแผลหัวใจนี้

บำเหน็จของความเชื่อคือเสรีภาพในพระคริสต์ อดีตยึดเราไว้ไม่ได้ต่อไป พระคุณจะทำให้เสายตาเราจับจ้องไปเบื้องหน้า ดังนั้นถ้าฉันถูกทดลองให้มองย้อนกลับไปที่ความผิดพลาดในอดีต ฉันจะจำถ้อยคำในภาพบนหอศิลป์นี้ให้ดี จะไม่ทำร้ายตนเองซ้ำซาก … จะไม่กลับไปสะดุดสิ่งที่ผ่านมาแล้ว และจะไม่โทษใคร แต่จะยึดพระคุณไว้และมุ่งไปข้างหน้า จะช่วยเหลือผู้คนที่พระเยซูนำเข้าในชีวิต และจะเติบโตยิ่งๆขึ้นในความเชื่อและการเชื่อฟัง

 

โดย Gwen Smith

อนุญาตโดย Girlsfriends in God : www.crosswalk.com

(Cr.ภาพ Impakter)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.