มีกำไรอะไรจากการปรากฏตัวของคุณ?
“มีกำไรอยู่ในงานที่เหนื่อยยากทุกอย่าง (การพากเพียรทำงานล้วนให้ผลกำไร ) การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน (ถ้าดีแต่พูดก็ยากจน)!”
( In all toil there is profit, but mere talk tends only to poverty.) -สุภาษิต 14:23-
ผมได้อ่านบทความหนึ่ง ที่คุณ “ขจรศักดิ์” แปลและเรียบเรียงมา เป็นเรื่องของมหาเศรษฐีผู้หนึ่งซึ่งเริ่มต้นความมั่งคั่งของเขาจากข้าวสารหนึ่งเมล็ด ชื่อของเขาคือ หวัง โหย่ง ฉิ้ง (เศรษฐีอันดับหนึ่งของไต้หวัน) ที่ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือมากนัก เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่อำนวย และทำให้เขาต้องออกมาหางานทำในเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย
พออายุ 16 หวัง โหย่ง ฉิ้ง คิดริเริ่มเปิดร้านขายข้าวสาร แต่เพราะมีเงินทุนน้อยแค่สองร้อยเหรียญเท่านั้น เขาจึงไปเช่าหน้าร้านอยู่ในซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง เพื่อขายของ แต่เพราะร้านเปิดใหม่ พื้นที่เล็ก ทำเลแย่ และไม่มีใครรู้จัก จึงขายไม่ได้เลย ในยุคนั้นร้านขายข้าวสารมีอยู่เยอะแยะเต็มบ้านเต็มเมืองในเขตเจียอี้ และแต่ละร้านก็ต้องรักษาฐานลูกค้าประจำของตนไว้ นายหวัง จึงต้องเสี่ยงแบกข้าวสารไปเร่ขายทีละถุงตามบ้าน ด้วยเหตุนี้ถึงแม้เขาจะพอขายได้บ้าง แต่ก็กินทั้งแรงทั้งเวลาของเขาไปมาก เพราะน้อยคนนักที่คิดจะซื้อข้าวสารจากคนแปลกหน้า
…แล้วเขาจะทำการตลาดอย่างไร? ในที่สุด นายหวังตัดสินใจเล็งไปที่รายละเอียดของข้าวสารทุกเม็ด
ไต้หวันในยุคต้นศตวรรษที่ 20 ยังอยู่ในยุคล้าหลัง ข้าวสารที่สีออกมาจากเครื่องจักรแบบพื้นๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน จะมีเม็ดกรวด หรือข้าวเปลือกที่ยังไม่ทันได้สีปะปนอยู่ แม่บ้านต้องนำข้าวสารไปซาวน้ำหลายๆ เที่ยวกว่าจะนำไปหุงได้ เป็นเรื่องที่ก่อความยุ่งยากและเสียเวลาแก่แม่บ้านทั้งหลาย นายหวังเห็นช่องทางตรงนี้ เขากับน้องชายสองคนจึงเริ่มลงมือคัดสรรข้าวสาร ค่อยๆ แยกเอาก้อนกรวด ข้าวเปลือก หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ออกมาให้หมด เสร็จแล้วค่อยนำออกขาย และปรากฏว่า ไม่นานเกินรอ ปากต่อปากของลูกค้าทั้งหลายก็เริ่มชมว่าข้าวสารร้านนี้คุณภาพดี สะอาดสะอ้าน ไม่ต้องเสียเวลาซาวข้าวหลายๆ เที่ยวเหมือนของร้านอื่น ดังนั้น แค่ในช่วงเวลาอันสั้น ข้าวสารร้านนี้ขายดิบขายดีขึ้นมาทันตาเห็น
นับว่ามีกำไรอยู่ในงานทุกอย่างจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการคิดสร้างสรรค์และการพากเพียรทำงานอย่างใส่ใจด้วยความเหนื่อยยาก! แต่นายหวังเองก็ยังไม่ยอมหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้ เขาแน่ใจว่าเขายังสามารถให้บริการที่ดีกว่านี้แก่ลูกค้าได้อีก ปกติในเวลานั้น ลูกค้ามักจะต้องมาซื้อข้าวสารถึงร้าน แล้วต้องแบกกลับบ้านเอง เขาจึงเสนอบริการส่งข้าวสารถึงบ้านลูกค้าฟรี แน่นอน มันเป็นการถูกใจลูกค้าทุกๆ คน เรียกว่าการปรากฏตัวของเขาที่บ้านลูกค้า สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งในความสัมพันธ์ของเขากับลูกค้าและในยุทธศาสตร์ของการทำธุรกิจการค้าทีเดียว!
อย่างไรก็ตาม นายหวัง ไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ข้าวสารไม่ได้ถูกส่งถึงแค่หน้าบ้าน เขายังอาสานำเอาข้าวสารไปเทใส่โอ่งข้าวสารให้ หากในโอ่งยังมีข้าวสารเก่าเหลืออยู่ เขาจะเทของเก่าออกก่อน เช็ดโอ่งให้สะอาด แล้วค่อยเทข้าวใหม่ลงไป สุดท้ายข้าวเก่าจึงถูกเททับไว้ข้างบน รายละเอียดที่ใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้า ถ้าหากเป็นลูกค้ารายใหม่ นายหวังจะจดรายละเอียดของลูกค้าให้ครบถ้วน ขนาดความจุของโอ่งข้าวสาร ที่บ้านมีสมาชิกกี่คน แยกเป็นผู้ใหญ่และเด็ก เพื่อคำนวณว่าจะสั่งข้าวสารรอบต่อไปประมาณเมื่อไหร่ เมื่อถึงเวลาอันใกล้ ไม่ต้องรอให้ลูกค้ามาสั่งถึงร้าน เขาจะแบกข้าวสารไปถึงบ้านลูกค้าก่อน ไม่ต้องรอให้ลูกค้าต้องมาวุ่นวายใจ
ความละเอียดลออ ความใส่ใจในบริการ และการปรากฏตัวของเขาอย่างถูกเวลา ทำให้ทุกคนรู้จักร้านขายข้าวสารของเขา แม้ร้านเขาจะเป็นร้านเล็กๆ ที่อยู่ในตรอกในซอย แต่ชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดังขึ้นทุกวัน เวลาผ่านไปแค่ปีกว่าๆ เมื่อเขาแน่ใจว่ามีลูกค้าประจำสะสมอยู่ในมือมากพอควร กำไรก็เพิ่มมากขึ้น เงินทุนหมุนเวียนเริ่มไม่มีปัญหา เขาจึงไปเช่าตึกใหญ่ทำเลดี ริมถนน ใช้หน้าร้านขายข้าวสาร และหลังร้านเปิดโรงสีข้าวเพื่อป้อนให้ที่ร้าน จากจุดเล็กๆ จุดนี้ ปีแล้วปีเล่า นาย หวัง โหย่ง ฉิ้ง ไม่เคยหยุดนิ่ง เขายังขยายธุรกิจของเขาต่อไปเรื่อยๆ หลายแขนง ทุกอย่างทำด้วยความตั้งใจและจริงใจ สุดท้าย เขากลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของไต้หวันอย่างน่าภาคภูมิใจ
นายหวัง โหย่ง ฉิ้ง (1917-2008) มีศิริอายุรวม 91 ปี มีทรัพย์สมบัติไม่ต่ำกว่าสองหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (สำรวจในปี 2004) เป็นนักธุรกิจหลายสาขาอาชีพ อุทิศเงินช่วยเหลือการกุศลไว้มากมาย เขาไปใช้ชีวิตยามชราและจบชีวิตอย่างสงบที่สหรัฐอเมริกา
จึงกล่าวได้ว่า เราไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจแบบอลังการในทันทีทันใดเพื่อจะประสบความสำเร็จ แม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่ถ้าเราเชื่อว่า มีกำไรอยู่ในทุกงานที่พากเพียรทำด้วยความตั้งใจ มุมานะ มีวิสัยทัศน์ มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถบริหารจัดการให้ดี และใส่ใจแม้กระทั่งกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเข่นที่นายหวัง โหย่ง ฉิ้ง กระทำกับข้าวสารเม็ดเล็กๆ ทุกๆ เม็ด ในที่สุดเราก็อาจจะสามารถประสบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ขอมีคำเตือนสติจากพระธรรมสุภาษิตทิ้งท้ายให้คิดไว้ว่า
“อย่าโหมงานจนอ่อนล้าเพื่อจะเป็นคนมั่งมี จงฉลาดพอที่จะหยุดพัก!” -สุภาษิต 23:4 THSV11-
นั่นคือ… เราต้องรู้จักทำงาน รู้จักรักษาสุขภาพ รักษาสัมพันธภาพ และสนุกกับชีวิต เพื่อเราจะได้เป็นคนประสบความสำเร็จ มีเงินทองใช้สอยให้เกิดประโยชน์อย่างมีคุณค่า มีสุขภาพดี มีความสุขกับคนที่เรารัก และทำให้คนอื่นมีความหวังมีความยินดีในทุกครั้งที่เราปรากฏตัว และขอให้เรามีใจซาบซึ้งและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งดีทั้งปวงเหล่านี้เสมอไป จนกว่าวันสุดท้ายของชีวิตจะมาถึง พร้อมกับการเข้าถึงสัจธรรมที่ว่า
“ทุกอย่างที่เรามีและครอบครองในโลกใบนี้ เราไม่สามารถนำไปได้เลย แม้แต่สิ่งเดียว นอกจากจิตวิญญาณของเราและจิตวิญญาณของคนที่เรานำให้มารู้จักกับพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เท่านั้น!!”
ขอให้การปรากฏตัวของเราอย่างถูกที่ถูกเวลา และถูกคน จะทำให้คนบางคนได้พบกับพระเจ้า เป็นกำไรของชีวิต
จะดีไหม?
(#พันธกิจแห่งการปรากฎตัว)
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr.ภาพ nuisri)