Categories
บทความแปล

เสียงของความเงียบ

เสียงของความเงียบ

“จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า…” (สดุดี 46:10)

จากการศึกษาเรื่อง “การถูกขัดจังหวะ” พบว่าเราถูกขัดจังหวะทุกๆสามนาที ฟังดูคุ้นไหมครับ? (หรือสามนาทียาวไปสำหรับกรณีของคุณ) ความจริงที่ว่าเรามีพื้นที่ว่างที่เกิดจากการถูกขัดจังหวะเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าเสียงที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาครองพื้นที่ในโลกนี้มากขึ้นทุกที

ลองฟังเรื่องนี้ – สามสิบปีที่ผ่านมา นักนิเวศวิทยาของเสียง กอร์ดอน เฮมพ์ตัน รวบรวมสิ่งที่เขาเรียกว่า “รายชื่อสถานที่เงียบที่ยังหลงเหลือ” เป็นสถานที่ๆในระหว่างวัน ความเงียบจะไม่ถูกขัดจังหวะอย่างน้อยสิบห้านาที เท่าที่นับได้สถานที่ๆพูดถึงนั้นเหลือแค่ 12 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา! จึงไม่น่าแปลกใจทำไมจิตวิญญาณของเราถึงไม่เคยสงบนิ่ง

เป็นเรื่องยากที่จะกำจัดเสียงต่างๆออกไป ไม่ว่าจะเป็นเสียงอุปกรณ์สื่อสารในโลกออนไลน์ที่คอยร้องเรียกและเรียกร้องจากเรามากขึ้นและมากขึ้น แต่ความเงียบช่วยเราให้ได้ยินเสียงของพระเจ้าและร้องบทเพลงของพระองค์

ความเงียบคือความแตกต่างระหว่างที่ตาเห็นภายนอกและสิ่งที่อยู่ภายใน
ความเงียบคือความแตกต่างระหว่างความสุขและความปิติยินดี
ความเงียบคือความแตกต่างระหว่างความกลัวและความเชื่อ

คุณเคยพยายามทำให้ผู้คนในห้องที่กำลังส่งเสียงคุยกันเงียบลงหรือไม่? ตะโกนให้ดังกว่า มักไม่ได้ผล แต่จุปากด้วยเสียง “ชู่วว์ว์…” กลับจะได้ผลกว่า นี่คือวิธีการแบบพระเจ้า พระองค์ทรงกระซิบเบาๆกับเรา ทำให้เราสงบลงและนิ่งเงียบ เช่นเดียวกับพระวจนะด้านบน “จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า…” (สดุดี 46:10)

“White noise” หรือเสียงกลบของโลกคือตัวการใหญ่ที่ขัดขวางการเติบโตฝ่ายวิญญาณ ความหมายของ white noise คือเสียงที่มีความถี่ต่ำระดับเดียวสม่ำเสมอที่มนุษย์ฟังแล้วคุ้นชิน (เช่นเสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงพัดลม – ผู้แปล) และเป็นเพราะความถี่คงที่ จึงยากที่จะได้ยินเสียงความถี่อื่นๆ – โดยเฉพาะเสียงกระซิบเบาๆของพระเจ้า

ชีวิตเราส่งเสียงดังเกินไป มีความถี่ที่กลบเสียงอื่นๆ ทำให้สูญเสียความเป็นเรา เมื่อชีวิตมีแต่เรื่องวุ่นวาย เราก็เสียสมดุลจากเสียงที่อยู่ภายใน

ผมพูดจริงหรือเปล่าครับ?

ชีวิตคุณส่งเสียงดังเกินไป
ตารางงานวุ่นวายเกินไป

สิ่งเหล่านี้ทำให้เราลืมว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า และทำให้พลาดจากความเป็นจริง “ฉันละเลยพระเจ้าและทูตสวรรค์ของพระองค์ เพราะได้ยินแต่เสียงกระพือปีกของแมลง” จากบทกวีของจอห์น ดันน์

ช่วงสิบปีที่ผ่านมา ผมได้บันทึกเสียงลงในหนังสือเสียงมากกว่าสิบสองเล่ม ได้ทำงานร่วมกับวิศวกรเสียงมากฝีมืออย่าง แบรด สไมลี่ ในช่วงท้ายของการบันทึกเสียง แบรดบอกผมถึงมาตรฐานในขั้นตอนการมิกซ์เสียงในอาชีพของเขา ก่อนเข้าสตูดิโอ พวกเขาต้องทำหูให้ผ่อนคลาย ปรับการได้ยินโดยอยู่ในความเงียบที่สุด หลังจากนั้นเขาก็พร้อมจะฟังเสียง นักนิเวศวิทยาของเสียงเรียกกระบวนการนี้ว่า “ทำความสะอาดหู”

ถ้าคุณต้องการได้ยินเสียงหัวใจของพระเจ้า ความเงียบคือกุญแจ
ถ้าคุณต้องการให้พระวิญญาณมาเติมเต็ม จงนิ่งเสีย

ผู้เขียนสดุดีพูดถึงพระเจ้าว่าเป็นที่ลี้ภัย เป็นป้อมปราการ และเป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก แต่สำหรับผมพระองค์เป็นมากกว่านั้น ทรงเป็นที่กำบัง “พระองค์ทรงเป็นที่กำบังของข้าพระองค์ พระองค์ทรงปกป้องข้าพระองค์จากความยากลำบาก พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์ไว้ด้วยเพลงฉลองการช่วยกู้” (สดุดี 32:7)

เสียงจะส่งเสียงซ้ำในที่ๆหูได้ยิน ผมอธิษฐานขอให้เราเรียนรู้วิธีแยกแยะเสียงของพระเจ้า เมื่อคุณทำได้ บทเพลงฉลองการช่วยกู้จะทำให้คุณเป็นไท พูดง่ายๆคือพระสุรเสียงของพระเจ้าจะดังที่สุดเมื่อเราเงียบที่สุด ความเงียบเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของจิตวิญญาณ ทำให้เราสามารถใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าได้ “ทีละคำ”

จง
จงนิ่ง
จงนิ่งเสีย แล้วรู้เถิด
“จงนิ่งเสีย แล้วรู้เถิดว่าเราคือพระเจ้า” (สดุดี 46:;10ก)

 

โดย Mark Batterson

จาก Encouragement for today : www.christianity.com

(Cr.ภาพ 1freewallpaper.com)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.