จงเข้าสนิทกับพระคริสต์!
พระธรรม ยอห์น 15:1-27
อ้างอิง ยน.5:36;6:35,56;7:7;8:26;9:41;10:11,34;13:16-18,10,34;14:16-17,26;16:3;17:14;21:24
บทนำ เราจะเป็นคริสเตียนโดยไม่เข้าสนิทกับพระคริสต์ย่อมเป็นไปไม่ได้ เหมือนกับกิ่งไม้จะเกิดผลไม่ได้ หากไม่ติดสนิทอยู่กับต้น เราต้องเป็นคริสเตียนที่เกิดผล เพราะติดสนิทกับพระคริสต์ตลอดเวลาและจะเกิดผลมากขึ้นอีกเมื่อพระคริสต์ลิดแขนงเรา!
บทเรียน
15:1 “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา”
(“I am the true vine, and my Father is the vinedresser. )
15:2 “แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผล มากขึ้น”
(Every branch in me that does not bear fruit he takes away, and every branch that does bear fruit he prunes, that it may bear more fruit.)
15:3 “พวกท่านได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อยคำที่เรากล่าวกับท่าน”
(Already you are clean because of the word that I have spoken to you.)
15:4 “จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเถา พวกท่านก็เช่น เดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเรา”
(Abide in me, and I in you. As the branch cannot bear fruit by itself, unless it abides in the vine, neither can you, unless you abide in me.).
15:5 “เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยก จากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย”
(I am the vine; you are the branches. Whoever abides in me and I in him, he it is that bears much fruit, for apart from me you can do nothing)
15:6 “ถ้าใครไม่ได้ติดสนิทอยู่กับเรา คนนั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ”
(If anyone does not abide in me he is thrown away like a branch and withers; and the branches are gathered, thrown into the fire, and burned.)
15:7 “ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น”
(If you abide in me, and my words abide in you, ask whatever you wish, and it will be done for you.)
15:8 “พระบิดาของเราทรงได้รับพระเกียรติเพราะเหตุนี้ คือเมื่อพวกท่านเกิดผลมากและเป็นสาวกของเรา”
(By this my Father is glorified, that you bear much fruit and so prove to be my disciples.)
15:9 “พระบิดาทรงรักเราอย่างไร เราก็รักพวกท่านอย่างนั้น จงติดสนิทอยู่กับความรักของเรา”
(As the Father has loved me, so have I loved you. Abide in my love.)
15:10 “ถ้าพวกท่านประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะติดสนิทอยู่กับความรักของเรา เหมือนอย่างที่เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดาและติดสนิทอยู่กับความรักของพระองค์”
(If you keep my commandments, you will abide in my love, just as I have kept my Father’s commandments and abide in his love.)
15:11 “เราบอกสิ่งเหล่านี้กับพวกท่านแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม”
(These things I have spoken to you, that my joy may be in you, and that your joy may be full).
15:12 “บัญญัติของเราคือให้พวกท่านรักกันและกัน เหมือนอย่างที่เรารักท่าน”
(“This is my commandment, that you love one another as I have loved you.)
15:13 “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน”
(Greater love has no one than this, that someone lay down his life for his friends.)
15:14 “ถ้าพวกท่านประพฤติตามที่เราสั่ง ท่านก็จะเป็นมิตรสหายของเรา”
(You are my friends if you do what I command you.)
15:15 “เราจะไม่เรียกพวกท่านว่าบ่าวอีก เพราะบ่าวไม่ทราบว่านายทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ ยินจากพระบิดา เราสำแดงแก่พวกท่านแล้ว”
(No longer do I call you servants, for the servant does not know what his master is doing; but I have called you friends, for all that I have heard from my Father I have made known to you.)
15:16 “ท่านไม่ได้เลือกเรา แต่เราเลือกพวกท่านและแต่งตั้งท่านให้ไปเกิดผลและเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อพวกท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน”
(You did not choose me, but I chose you and appointed you that you should go and bear fruit and that your fruit should abide, so that whatever you ask the Father in my name, he may give it to you.)
15:17 “สิ่งที่เราสั่งพวกท่านไว้ก็คือ จงรักกันและกัน”
(These things I command you, so that you will love one another.)
15:18 “ถ้าโลกนี้เกลียดชังพวกท่าน ก็จงรู้ว่าโลกเกลียดชังเราก่อน”
(“If the world hates you, know that it has hated me before it hated you.)
15:19 “ถ้าพวกท่านเป็นของโลก โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก คือเราเลือกท่านออกจาก โลก เพราะเหตุนี้ โลกจึงเกลียดชังท่าน”
(If you were of the world, the world would love you as its own; but because you are not of the world, but I chose you out of the world, therefore the world hates you.)
15:20 “จงระลึกถึงคำที่เรากล่าวกับพวกท่านแล้วว่า ‘บ่าวไม่ได้เป็นใหญ่กว่านาย’ ถ้าพวกเขาข่มเหงเรา เขาก็จะข่มเหงพวกท่าน ด้วย ถ้าเขาปฏิบัติตามคำของเรา พวกเขาก็จะปฏิบัติตามคำของพวกท่านด้วย”
(Remember the word that I said to you: ‘A servant is not greater than his master.’ If they persecuted me, they will also persecute you. If they kept my word, they will also keep yours.)
15:21 “แต่เขาจะทำทุกสิ่งเหล่านี้แก่พวกท่านเพราะนามของเรา เพราะเขาไม่รู้จักผู้ทรงใช้เรามา”
(But all these things they will do to you on account of my name, because they do not know him who sent me.)
15:22 “ถ้าเราไม่ได้มาสั่งสอนพวกเขา เขาก็คงจะไม่มีบาป แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัวในเรื่องบาปของเขา”
(If I had not come and spoken to them, they would not have been guilty of sin, but now they have no excuse for their sin.)
15:23 “คนที่เกลียดชังเราก็เกลียดชังพระบิดาของเราด้วย”
(Whoever hates me hates my Father also.)
15:24 “ถ้าในท่ามกลางพวกเขา เราไม่ได้ทำสิ่งซึ่งไม่มีคนอื่นทำเลย พวกเขาก็จะไม่มีบาป แต่เดี๋ยวนี้เขาเห็นและ เกลียดชังทั้งตัว เราและพระบิดาของเรา”
(If I had not done among them the works that no one else did, they would not be guilty of sin, but now they have seen and hated both me and my Father.)
15:25 “ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เป็นจริงตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ของเขาที่ว่า ‘เขาเกลียดชังเราโดยไม่มีสาเหตุ’”
(But the word that is written in their Law must be fulfilled: ‘They hated me without a cause.’)
15:26 “แต่เมื่อองค์ผู้ช่วยเสด็จมา ซึ่งเป็นผู้ที่เราจะใช้จากพระบิดามาหาพวกท่าน คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งมาจากพระบิดานั้น พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา”
(“But when the Helper comes, whom I will send to you from the Father, the Spirit of truth, who proceeds from the Father, he will bear witness about me.)
15:27 “และพวกท่านก็จะเป็นพยานด้วย เพราะว่าท่านอยู่กับเราตั้งแต่แรกแล้ว”
(And you also will bear witness, because you have been with me from the beginning.)
ข้อมูลมีประโยชน์
15:1 “เถาองุ่นแท้” (the true vine) – ยน.6:35;สดด.80:8-11;อสย.5:1-7
“เถาองุ่น” เป็นสัญลักษณ์ของอิสราเอลด้วย –สดด.80:8-16;อสย.5:1-7;ยรม.2:21 –ซึ่งพวกเขามักเป็นเถาองุ่นที่บกพร่อง แต่ในที่นี้ พระเยซูเป็นเถาองุ่นแท้ที่สมบูรณ์
15:2 “ตัด…ลิด” (takes away… he prunes)
- ตัด = การพิพากษา ลิด = การทำให้ผลิดอกออกผลมาก
ในพระคัมภีร์ใหม่ หมายถึง
- ออกดอกออกผลของชีวิตในทางพระเจ้า (มธ.3:8;7:16-20)
- ลักษณะนิสัยที่มีคุณธรรม (ตามผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์) (กท.5:22-23;อฟ.5:9;ฟป.1:11)
15:3 “การชำระให้สะอาด” (Already you are clean) -ในภาษากรีกคำนี้ = มีความหมายเดียวกับคำว่า “ลิด” ในข้อ 2
“ถ้อยคำ” (of the word ) = ทุกสิ่งที่พระเยซูตรัส –ยน.13:10
15:4 “จงติดสนิทอยู่กับเรา” (Abide in me) –บางฉบับแปลว่า “จงคงอยู่ในเรา” = ผู้เชื่อจะไม่เกิดผลใด ๆ หากไม่เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ (ด้วยความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระองค์) เหมือนแขนงทุกแขนงจะไม่มีชีวิตและไม่เกิดผลใด ๆ หากไม่ติดสนิทกับพระคริสต์
15:5 “เราเป็นเถาองุ่น” (I am the vine) = กล่าวซ้ำใน ข.1 เมื่อเน้นย้ำความสำคัญ
“ติดสนิทอยู่กับเรา และเราติดสนิทอยู่กับเขา”( Whoever abides in me and I in him) = คงอยู่ในกันและกัน หมายถึง การดำเนินชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ ที่เป็นความสัมพันธ์ที่ขาดไม่ได้
15:6 “ถูกตัดทิ้ง…ไปเผาไฟ” ( thrown into the fire, and burned) = ถูกพิพากษา (ข.2)
= แขนงเหล่านี้อาจหมายถึง ผู้ที่ไม่ได้เชื่ออย่างแท้จริง (ปท. ยน.6:39;10:27-29)
-การรอดที่แท้จริงเห็นได้จากชีวิตที่เกิดผล (ฝ่ายวิญญาณ) -ข.2,4,10;ฮบ.6:9
สิ่งที่เกี่ยวกับความรอด หรือ สิ่งต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับความรอด – ปท.มธ.7:19-23
15:7 “ถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่าน” (my words abide in you) = หากไม่รู้จักพระคริสต์ และไม่เชื่อในคำสอนของพระองค์ จะอธิษฐานอย่างถูกต้องย่อมไม่ได้
“ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนา” (ask whatever you wish ) -14:13;1ยน.5:14
15:8 “พระบิดาของเราทรงได้รับพระเกียรติ” ( my Father is glorified) –บางฉบับแปลว่า “เป็นการถวายเกียรติสิริแด่พระบิดาของเรา” = พระเจ้าพระบิดาได้รับการถวายพระเกียรติสิริจากงานที่พระเยซูพระบุตรกระทำ (13:31) และจากการเกิดผลของสาวกของพระองค์ด้วย (มธ.7:20;ลก.6:43-45)
15:9 “พระบิดาทรงรักเราอย่างไร” (the Father has loved me) –ยน.17:23,24,26
15:10 “ประพฤติตามบัญญัติของเรา … เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดา”(If you keep my commandments
… just as I have kept my Father’s ) = แสดงถึงความเชื่อฟัง และการปฏิบัติตาม – ปท.14:15,21,23
-ให้เห็นแบบอย่างของพระคริสต์ที่ความสำคัญยิ่ง (31:14)
“ความรักของเรา … ความรักของพระองค์” (you will abide in my love) –ข.12,14
= เน้นว่า การเชื่อฟังและความรักต้องไปด้วยกันเสมอ (14:15,21,23;1ยน.2:5;5:2-3)
15:11 “ความยินดี” (my joy) –3:29, เป็นคุณลักษณะเด่นของชีวิตคริสเตียน (16:22,24;17:13)
= พระเยซูไม่ต้องการให้สาวกของพระองค์ซึมเศร้า แต่ให้มีความชื่นชมยินดีอย่างเต็มเปี่ยม (ฟป.4:4;1ธส.5:16; 1ยน.1:4)
15:13 “การสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน” (lay down his life for his friends) = ความรักของพระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นเรื่องแค่คำพูด หรือคำสอน แต่พระองค์ทรงแสดงออกมาผ่านการสละพระชนม์ของพระองค์ (อฟ.5:25)
15:15 “บ่าว…มิตรสหาย” (servants… friends) = บ่าวเป็นเพียงแค่ตัวแทนทำในสิ่งที่นายสั่งให้ทำ และมักไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของนาย แต่สหายนั้นได้รับการบอกให้รับรู้และเข้าใจ (16:12)
= สาวกได้รับการเปิดเผยจากพระเยซูในเรื่องแผนการของพระบิดา (มากกว่าที่พวกเขาจะซึมซับได้หมด) และภายหลังพระเจ้าจะให้พระวิญญาณช่วยให้เขาเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ที่เปิดเผยนั้น ในเวลาที่เหมาะสม (16:12-13)
15:16 “เราเลือกพวกท่าน…ให้ไปเกิดผล” (I chose you … bear fruit) –โดยปกติคนยิวจะเลือกอาจารย์ที่พวกเขา
อยากจะตาม (ไปเป็นสาวก) แต่สำหรับพระเยซูพระองค์เป็นผู้เลือกสาวกและมีเป้าหมายให้พวกเขาไปเกิดผล (ข.2)
“เพื่อว่า เมื่อพวกท่านทูลขอสิ่งใด…” (that whatever you ask the Father ) = ปกติทั่วไป เรามักอธิษฐานอย่างจริงจัง เพื่อที่เราจะเกิดผล แต่พระเยซูกลับสอนว่า พระเยซูจะให้เราเกิดผล จากนั้นพระเจ้าพระบิดาจะฟังคำอธิษฐานของเรา -ยน.13:18;15:5,19:มธ.7:7
15:18-19 “โลก” ( the world) = ในที่นี้ = ระบบของมนุษย์ในโลกที่ต่อต้านพระประสงค์ของพระเจ้า (1:9)
15:21 “แต่เขาจะทำทุกสิ่งเหล่านี้แก่พวกท่าน” (But all these things they will do to you) = พวกเขาจะปฏิบัติต่อพวกท่านเช่นนี้
= คริสเตียนไม่เป็นของโลก โลกจึงจะข่มเหง เพราะโลกไม่สนใจพระเจ้าพระบิดา และปฏิเสธพระองค์ (ปท.16:3)
15:22 “ไม่มีข้อแก้ตัว” (they have no excuse) = คนยิวได้รับการทรงเรียก และการสำแดงพิเศษจากพระเจ้าในพันธสัญญาเดิมแล้ว และได้รับสิทธิพิเศษอีกที่พระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาอยู่ท่ามกลางพวกเขา พวกเขาจึงมีความผิดและไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับการปฏิเสธพระเยซูคริสต์ (เพราะพวกเขาทำบาปอยู่แล้วก่อนพระองค์เสด็จมา)
= สิทธิพิเศษมาพร้อมกับความรับผิดชอบ
15:25 “ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เป็นจริงตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์” (the word that is written in their Law must be fulfilled: ) -สดด.35:19
-ในบั้นปลายที่สุด พระประสงค์ของพระเจ้าก็จะสำเร็จเสมอ ถึงแม้คนบาปจะต่อต้านเกลียดชังพระองค์ก็ตาม
“พระคัมภีร์” = หนังสือบทบัญญัติ –10:34;12:34
15:26 “ผู้ที่เราจะใช้จากพระบิดา” (whom I will send to you from the Father) -บางฉบับแปลว่า “เราจะส่งองค์ที่ปรึกษาจากพระบิดามาหาพวกท่าน” -14:16,26
= หมายถึง “พระวิญญาณแห่งความจริง” -14:17 -มาเพื่อเป็นพยานให้พระคริสต์และทำกิจของพระบิดา (1:7)
15:27 “พวกท่านก็จะเป็นพยานด้วย” (you also will bear witness) = เน้นย้ำว่า ผู้เชื่อมีความรับผิดชอบในการเป็นพยานด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ (กจ.1:8) โดยมีพวกอัครทูต เป็นพยานที่น่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะได้รับการเลือกและการอบรมสั่งสอนโดยตรงจากองค์พระเยซูคริสต์ (ลก.24:48;กจ.10:39,4)
คำถามนำอภิปราย
- พระเยซูเปรียบพระองค์ พระบิดาและผู้เชื่อกับอะไรบ้าง? คุณเข้าใจความหมายหรือไม่? อย่างไร?
- ชีวิตของคุณในเวลานี้เกิดผลอะไรบ้าง?
…..1) น้อย
…..2) ปานกลาง
…..3) มาก
คุณพอใจหรือไม่? หรือคิดปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างเพื่อเกิดผลมากขึ้น?
- การ “ตัดทิ้ง” กับการ “ลิด” แตกต่างกันอย่างไร คุณเคยได้รับ “การลิด” แขนงจากพระเจ้าบ้างไหม? อย่างไร?
- คุณเคยเกิดผลมากที่สุดในช่วงใดของชีวิต? อย่างไร? และมีผลต่อเนื่องมาจนปัจจุบันหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยมีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยมบ้างหรือไม่? อย่างไร? และทำไม?
- คุณรักพี่น้องคนอื่น ๆ ได้อย่างที่พระคริสต์บัญชาหรือไม่? ทำไม? ถ้าคุณรักไม่ได้ คุณจะทำอย่างไรกับปัญหานี้?
- คุณเชื่อหรือไม่ว่า คุณไม่ได้เลือกพระเยซูคริสต์ แต่พระองค์ทรงเป็นผู้ที่เลือกคุณ? ทำไม?
- คุณกำลังประพฤติตัวอย่างไรบ้าง? และพฤติกรรมนั้นบ่งบอกว่า คุณเป็นพวกของโลก หรือของพระเยซูคริสต์? และคุณและคนรอบตัวของคุณพอใจหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยถูกเกลียดชังอย่างไม่มีสาเหตุบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? แล้วสุดท้ายลงเอยอย่างไร?
- คุณเป็นพยานครั้งล่าสุดกับผู้ใด? อย่างไร? แล้วเกิดผลหรือไม่อย่างไร?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์