คริสเตียนควรออมเงินอย่างไร?
“อย่าออมเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่จงใช้จ่ายเงินที่เหลือหลังจากการออม”
(Do not save what is left after spending, But spend what is left after saving.) -Warren Buffet –
วันนี้มีคำแนะนำดีๆ มาฝากในเรื่องการออมเงินครับ เราต้องรู้จักควบคุมเงินของเรา ก่อนที่มันจะควบคุมเรา แต่หนึ่งในวิถีของการควบคุมเงินคือ การรู้จักใช้และออมเงินอย่างถูกต้อง!
หลักการคิดพิจารณา เรื่องการออมทรัพย์ควรมีจุดประสงค์ 3 ประการคือ
- เพื่อพระเจ้า 2. เพื่อผู้อื่น 3. เพื่อตัวเอง
- เพื่อพระเจ้า คือ เพื่อสนับสนุนพระราชกิจของพระเจ้าผ่านคริสตจักรและหน่วยงานองค์กรคริสเตียน
- เพื่อผู้อื่น คือ เพื่อช่วยเหลือสงเคราะห์พี่น้องหรือผู้ที่ประสบภัยหรือประสบปัญหาชีวิต
- เพื่อตัวเอง คือ เพื่อให้ความสุขและความเป็นตอยู่ที่ดีแก่ตนเองและสมาชิกในครอบครัวและดูแลเลี้ยงดูทุกคนในยามจำเป็นหรือยามเกษียณ (ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่นในด้านการเงิน)
แล้วหลักและวิธีในการออมควรเป็นอย่างไร?
- ไม่จ่ายมากกว่ารับ-ไม่ใช้เงินก่อนที่มี
1.1 ใช้เงินที่เหลือจากออมและเงินที่ถวายคืนแด่พระเจ้า(ตามหลักของพระคริสตธรรมคัมภีร์) ไปแล้ว
1.2 แบ่งเงินเป็นส่วนๆ แยกเงินเก็บออมตั้งแต่ต้น(ก่อนใช้) เช่น หักเก็บ 5-10% ของรายได้ เพื่อการออมทุกๆ ครั้งที่ได้เงินมา
1.3 จัดทำ “งบประมาณการใช้จ่ายเงิน” ส่วนตัวหรือของครอบครัว อาจทำ “แบบบันทึกรายรับรายจ่ายประจำเดือน/ประจำปี” กำกับดูแลตรวจสอบการใช้เงินของตัวเอง
“การทำงบประมาณไม่ใช่การเข้มงวดในสิ่งที่คุณสามารถใช้จ่ายได้แต่เป็นการอนุญาตให้คุณใช้จ่ายเงินโดยไม่ต้องรู้สึกผิดหรือเสียใจ”
(A budget isn’t about restricting what you can spend. It gives you permission to spend without guilt or regret.)
2. แยกเก็บเงินลงกระปุกตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย
2.1 สำหรับซื้อของอยากได้
2.2 สำหรับไปเที่ยว
2.3 สำหรับออมเพื่ออนาคต
2.4 สำหรับสนับสนุนกิจการของพระเจ้า (คริสตจักร/โรงเรียน/องค์กร)
“คุณต้องเรียนรู้ที่จะออมเงินก่อน และค่อยใช้เงินนั้นในภายหลัง”
(You must learn to save first and spend after wards.) -John Pooles-
3. ลดค่าใช้จ่าย(ที่ไม่จำเป็น)
3.1 อะไรที่เปลือง ก็ลดลง -ชา/กาแฟ-เอามาออมแทน
3.2 อะไรที่ไม่จำเป็นก็งดซื้อ/งดจ่าย-ขนมขบเคี้ยว
3.3 อะไรจำเป็นต้องกินต้องใช้ ก็ซื้อช่วงลดราคา
3.4 อะไรที่ป้องกันได้ให้ป้องกันไว้ก่อน – ดูแลสุขภาพ/ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
“ วิถีที่ดีที่สุดในการออมเงินคือ ไม่สูญเสียเงิน (โดยไม่จำเป็น)”
(The best way to save money is not to lose it.)
4. ไม่ติดของแบรนด์เนม-ไม่หลงโฆษณา
4.1 ใช้ของดีมีคุณภาพโดยไม่ติดยึดยี่ห้อดัง-จ่ายแพงไม่จำเป็น
4.2 ถ้าชอบแบรนด์เนมจริง ๆ และมีปัญญาหาซื้อ ก็ให้ซื้อเท่าที่จำเป็น
“อย่าซื้อสิ่งของที่คุณไม่สามารถจ่ายด้วยเงินที่คุณไม่มี เพื่อจะอวดข่มคนที่คุณไม่ชอบ”
(Don’t buy things you can’t afford with money you don’t have to impress people you don’t like.)
5. พกเงินสดติดตัวให้น้อยลง
5.1 คำนวณว่าต้องใช้เงินรายวัน วันละเท่าไร
5.2 พกเงินพอสำหรับแต่ละสัปดาห์ และใช้อย่างมีวินัย
“ สิ่งที่ท้าทายในชีวิตคือ จะใช้เวลาอย่างไร โดยไม่ต้องใช้เงิน”
(The challenge of life is how to spend time without spending money.)
6. งดหรือจำกัดการใช้บัตรเครดิต
6.1 จ่ายเงินในวงเงินสดที่มีอยู่เฉพาะค่าใช้จ่ายรายเดือน
6.2 งดหรือยกเลิกบัตรเครดิตหากไม่จำเป็นต้องมี/หรือไม่มีวินัยในตัวเอง
“ถ้าคุณซื้อสิ่งของที่คุณไม่จำเป็นต้องมี ในไม่ช้าคุณจำต้องขายสิ่งของที่คุณจำเป็นเพื่อใช้หนี้”
(If you buy things you do not need, Soon you will have to sell things you do need.)
7. เก็บเศษเงินที่เหลือทุกวัน
7.1 มีเงินเหลือเท่าไร แต่ละวันเท่าไรก็ให้เก็บใส่ลิ้นชักทันที โดยไม่นำออกมาใช้
7,2 แยกเก็บธนบัตรใบละ 50 บาททุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ใบ
“เวลาที่คุณจะออมเงินได้ก็คือ เวลาที่คุณมีเงินอยู่บ้าง”
(The time to save money is when you have some.) -Joe Moore-
8. เปิดบัญชีเงินฝากระยะยาวกับธนาคาร(หรือบริษัทประกันชีวิต)
8.1 ฝากประจำระยะยาว 5 ปี ขึ้นไป
8.2 ลงทุน/ซื้อหุ้นที่มั่นคง เสี่ยงน้อย (ประกันเงินต้น/เงินฝาก)
“เงินพูดเพียงภาษาเดียวว่า… ถ้าคุณช่วยออมฉันในวันนี้ ฉันจะช่วยคุณในวันหน้า’”
(Money speaks only one language, “If you save me today. I will save you tomorrow.)
หากว่าคุณเป็นคนที่มีศรัทธาในพระเจ้าจริงๆ และเรียนรู้จักหลักการดำเนินชีวิตมีสุขอย่างพอเพียง รู้จักคุณค่าของเงิน รู้จักวิธีใช้เงิน และรู้จักวิธีเก็บออมเงิน คุณจะกลายเป็นคนที่มีประสิทธิภาพสำหรับพระเจ้า และครอบครัวของคุณ แต่การออมเงินที่ดีที่สุด ก็คือ เมื่อเงินที่ออมนั้นสามารถช่วยคนบางคนหรือหลายคนให้รู้จักกับพระเจ้าและรับความรอดพ้นจากหนี้กรรมบาปของเขาโดยพระคุณของพระเยซูคริสต์!
วันนี้ คุณออมเงินแล้วยัง?
และคุณออมเงินเพื่อใคร?
จงจำไว้เสมอว่า…
“เงินที่ประหยัดได้คือ เงินออมที่ได้มาเพิ่ม” (A penny saved is a penny earned.)
“ แผนงานของคนขยันนำไปสู่กำไรแน่นอน แต่ทุกคนที่ผลีผลามก็มาสู่ความขาดแคลนแน่แท้”
(The plans of the diligent lead surely to abundance, but everyone who is hasty comes only to poverty.)
(สุภาษิต 21:5)
“คลังทรัพย์ล้ำค่าและน้ำมันมีอยู่ในที่อาศัยของคนมีปัญญา แต่คนโง่ผลาญมันจนเกลี้ยง”
(Precious treasure and oil are in a wise man’s dwelling, but a foolish man devours it.) (สุภาษิต 21:20)
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswe
(Cr.ภาพ Rabbit Daily)