การนมัสการของเราคือคำพยาน
เหตุฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไป โดยทางพระองค์นั้น คือคำกล่าวยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์ (ฮีบรู 13:15)
ที่ผมมาเชื่อก็เพราะได้เห็นกลุ่มคริสเตียนร้องเพลงนมัสการ ไม่มีใครชวนผมเข้าไป ไม่มีใครมาเล่าเรื่องพระกิตติคุณให้ฟัง ไม่มีคำเชิญชวนให้มา “….เชื่อในพระเยซูคริสต์” แต่ผมเห็นกลุ่มคริสเตียนตั้งวงกันที่สนามหญ้าหน้าโรงเรียน ร้องเพลงเกี่ยวกับพระเยซู ผมเฝ้าดูแล้วคิดว่า “พวกเขามีบางสิ่งที่ผมไม่มี” ทำให้ผมเปิดใจและฟังเรื่องราวของพระเยซูผ่านเสียงเพลงที่พวกเขาร้อง
มีการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างการนมัสการและคำพยานของเรา หนังสือกิจการบทที่ 2 พูดถึงคริสตจักรในยุคแรก “ทุกๆ วัน พวกเขาอุทิศตัวอยู่ด้วยกันในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของพวกเขา รับประทานอาหารร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีและจริงใจ ทั้งสรรเสริญพระเจ้าและได้รับความชื่นชอบจากทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าก็โปรดให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรอด เพิ่มจำนวนเข้ามามากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน” (ข้อ 46–47)
โลกเฝ้ามองเรา และพวกเขารู้สึกอัศจรรย์ใจเมื่อเห็นคริสเตียนนมัสการพระเจ้าทั้งๆที่กำลังเผชิญกับความทุกข์ เป็นคำพยานที่มีพลังมาก แต่บางครั้งพวกเขาก็ขอเข้ามานั่งฟังด้วย ดังนั้น คำถามคือคุณเป็นผู้นมัสการแบบไหน? คุณเป็นพยานแบบไหน?
คุณอาจจะพูดว่า “ไม่เห็นจะเป็นอะไร”
ที่จริงแล้วเป็นนะครับ พวกเขากำลังตรวจสอบคุณ พวกเขาอาจไม่เคยมาโบสถ์ และมานั่งข้างคุณ และขณะนมัสการ คุณกลับวุ่นวายทำโน่นทำนี่ ตอบไลน์ ไล่ดูเฟสบุค หรือฝันกลางวัน จงใส่ใจและมีส่วนร่วมในการนมัสการ เพราะพวกเขากำลังเฝ้ามองคุณ การสรรเสริญและนมัสการพระเจ้าเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อพระคริสต์ เพราะมีบางครั้งที่ใจเราไม่ได้จดจ่อที่การนมัสการ แต่นั่นคือคำพยาน ขอให้เราเป็นพยานที่ดี วางหัวใจคุณให้ถูกที่ถูกเวลานะครับ
ทำไมการนมัสการถึงเชื่อมโยงกับการเป็นพยาน?
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000,Riverside,CA92514
(Cr.ภาพ okchicas.com)