สิทธิอำนาจของพระวจนะ
ทำนองเดียวกัน คำของเราที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาสู่เราเปล่าๆ แต่จะทำให้สิ่งที่เราพอใจนั้นสำเร็จ และให้สิ่งที่เราใช้ไปทำนั้นเสร็จสิ้น (อิสยาห์ 55:11)
เมื่อคิดถึงการเทศนาของบิลลี่ เกรแฮมในหลายปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นภาพในความคิดเสมอ : ท่านจะนำพระวจนะจากพระคัมภีร์มาใช้ กี่ครั้งกันที่เราได้ยินท่านพูดว่า “และพระวจนะกล่าวว่า …”? เป็นสิ่งที่ผมรักเกี่ยวกับท่าน เพราะท่านตระหนักดีถึงสิทธิอำนาจของพระวจนะ
ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่เปโตรประกาศในวันเพนเทคอสต์นั้นยิ่งใหญ่มาก เพราะนำมาจากพระวจนะ ท่านนำจากหนังสือโยเอล 2:28–32 ในความทรงจำมาใช้ และนำจาก สดุดี 16 และสดุดี 110 ที่แน่ๆ ท่านทุ่มเทจดจำพระวจนะและนำมาใช้ คริสเตียนที่ได้ชื่อว่าเป็นเกลือของโลก เมื่อเวลามาถึง เราควรยืนขึ้นและกล่าวเรื่องราวพระกิตติคุณได้อย่างไม่สะดุดติดขัด
ทำไมครับ? เพราะจะมีวันที่คุณจำเป็นต้องนำพระคำที่สะสมไว้มาใช้ และต้องทำอย่างรวดเร็วด้วย คุณต้องพูดได้ว่า “นี่คือวิธีที่คุณจะเข้าใกล้พระเจ้าได้ คุณสามารถนำความเชื่อมาวางไว้ที่พระเยซูคริสต์ได้”
เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะ ผมขอย้ำบ่อยๆและซ้ำๆถึงความสำคัญของพระคัมภีร์โดยเฉพาะเมื่อคุณแบ่งปันความเชื่อ ในอิสยาห์ 55:10-11 บอกว่า
“เพราะเหมือนฝนและหิมะลงมาจากฟ้าสวรรค์ และไม่กลับที่นั่นเว้นแต่ได้รดแผ่นดินโลก แล้วทำให้บังเกิดผลและแตกหน่อ ทั้งให้เมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและอาหารแก่คนกิน ทำนองเดียวกัน คำของเราที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาสู่เราเปล่าๆ แต่จะทำให้สิ่งที่เราพอใจนั้นสำเร็จ และให้สิ่งที่เราใช้ไปทำนั้นเสร็จสิ้น”
เราต้องนำพระวจนะมาใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งพระกิตติคุณ เหมือนจิตกรที่ใช้พู่กัน และสี (แม้ปัจจุบันวาดโดยใช้แอพต่างๆก็ตาม) เหมือนเชฟที่ต้องลับมีดและดูแลอุปกรณ์ในครัวให้พร้อมใช้งาน เหมือนทหารที่ต้องฝึกฝนการใช้อาวุธ คุณจำเป็นต้องสะสมและนำใพระวจนะมาใช้ให้เป็นนะครับ
สะสมพระวจนะ และนำมาใช้ในเวลาที่จำเป็นนะครับ
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000,Riverside,CA92514
(Cr.ภาพ Touch Practice)