การอัศจรรย์ครั้งแรก!
พระธรรม ยอห์น 2:1-24
อ้างอิง ยน.3:15,25;4:46-48;6:2,14,26-30;11:55;12:37;19:26;20:30;21:2
บทนำ
เมื่อถึงเวลาที่การอัศจรรย์จะเกิดขึ้น พระเจ้าก็จะทรงให้เกิดขึ้นอย่างมีความหมาย และมีจุดประสงค์ แต่พระเจ้าทรงมีเวลาสำหรับทุกสิ่ง และทุกโอกาส ขอให้เราพร้อมสำหรับโอกาสต่าง ๆ ที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับชีวิตของเรา
บทเรียน
2:1 “วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี มารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น”
(On the third day there was a wedding at Cana in Galilee, and the mother of Jesus was there.)
2:2 “พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้น”
(Jesus also was invited to the wedding with his disciples.)
2:3 “เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูพูดกับพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่น”
(When the wine ran out, the mother of Jesus said to him, “They have no wine.” )
2:4 “พระเยซูตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ไม่ใช่ธุระของท่าน เวลาของเรายังมาไม่ถึง”
(And Jesus said to her, “Woman, what does this have to do with me? My hour has not yet come.”)
2:5 “มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า “จงทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด”
(His mother said to the servants, “Do whatever he tells you.”)
2:6 “มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบ เพื่อชำระตามธรรมเนียมของพวกยิว จุน้ำโอ่งละประมาณหนึ่งร้อยลิตร”
(Now there were six stone water jars there for the Jewish rites of purification, each holding twenty or thirty gallons.)
2:7 “พระเยซูตรัสสั่งพวกคนใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด” แล้วพวกเขาก็ตักน้ำเต็มโอ่งเสมอปาก”
(Jesus said to the servants, “Fill the jars with water.”And they filled them up to the brim.)
2:8 “แล้วพระองค์ตรัสสั่งพวกเขาว่า “จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด” เขาก็เอาไปให้”
(And he said to them, “Now draw some out and take it to the master of the feast.” So they took it.)
2:9 “เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน(แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้)เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา”
(When the master of the feast tasted the water now become wine, and did not know where it came from (though the servants who had drawn the water knew), the master of the feast called the bridegroom)
2:10 “และพูดกับเขาว่า “ใครๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่ค่อยดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงเดี๋ยวนี้”
(and said to him, “Everyone serves the good wine first, and when people have drunk freely, then the poor wine. But you have kept the good wine until now.”)
2:11 “หมายสำคัญครั้งแรกนี้พระเยซูทรงทำที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี และทรงแสดงพระสิริของพระองค์ พวกสาวกของพระองค์ก็วางใจพระองค์”
(This, the first of his signs, Jesus did at Cana in Galilee, and manifested his glory. And his disciples believed in him.)
2:12 “ภายหลังเหตุการณ์นี้ พระองค์เสด็จต่อไปยังเมืองคาเปอรนาอุม พร้อมกับมารดาและบรรดาน้องชายและพวกสาวกของพระองค์ และพักอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน”
(After this he went down to Capernaum, with his mother and his brothers and his disciples, and they stayed there for a few days.)
2:13 “เทศกาลปัสกาของพวกยิวใกล้เข้ามาแล้ว พระเยซูเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม”
(The Passover of the Jews was at hand, and Jesus went up to Jerusalem.)
2:14 “พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนขายวัว ขายแกะ ขายนกพิราบ และคนรับแลกเงินนั่งอยู่ตามบริเวณพระวิหาร”
(In the temple he found those who were selling oxen and sheep and pigeons, and the money- changers sitting there.)
2:15 “พระองค์ทรงเอาเชือกทำเป็นแส้ไล่คนเหล่านั้นพร้อมกับแกะและวัวออกไปจากบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงเทเงินและทรงคว่ำโต๊ะของบรรดาคนรับแลกเงิน”
(And making a whip of cords, he drove them all out of the temple, with the sheep and oxen. And he poured out the coins of the money-changers and overturned their tables.)
2:16 “และพระองค์ตรัสกับพวกคนขายนกพิราบว่า “เอาของพวกนี้ออกไป อย่าทำให้พระนิเวศของพระบิดาเรากลายเป็นตลาด”
(And he told those who sold the pigeons,”Take these things away; do not make my Father’s house a house of trade.” )
2:17 “พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้ถึงคำที่เขียนไว้ว่า “ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์จะท่วมท้นข้าพระองค์”
(His disciples remembered that it was written, “Zeal for your house will consume me.”)
2:18 “พวกยิวจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านจะแสดงหมายสำคัญอะไรให้เราเห็นว่า ท่านมีสิทธิ์ทำการเช่นนี้ได้?”
(So the Jews said to him, “What sign do you show us for doing these things?”)
2:19 “พระเยซูจึงตรัสตอบพวกเขาว่า “ถ้าทำลายวิหารนี้ เราจะสร้างขึ้นภายในสามวัน”
(Jesus answered them, “Destroy this temple, and in three days I will raise it up.)
2:20 “พวกยิวจึงทูลว่า “วิหารนี้เขาได้ใช้เวลาก่อสร้างถึงสี่สิบหกปีแล้ว และท่านจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวันหรือ”
(The Jews then said, “It has taken forty-six years to build this temple, and will you raise it up in three days?” )
2:21 “แต่วิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์”
(But he was speaking about the temple of his body.)
2:22 “เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสอย่างนี้ และพวกเขาก็เชื่อพระคัมภีร์และพระดำรัสที่พระเยซูตรัสนั้น”
(When therefore he was raised from the dead, his disciples remembered that he had said this, and they believed the Scripture and the word that Jesus had spoken.)
2:23 “ขณะพระองค์ประทับที่กรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกานั้น มีคนจำนวนมากวางใจในพระนามของพระองค์ เพราะพวกเขาเห็นหมายสำคัญที่พระองค์ทรงทำ ”
(Now when he was in Jerusalem at the Passover Feast, many believed in his name when they saw the signs that he was doing.)
2:24 “แต่ส่วนพระเยซูเองไม่ได้วางพระทัยคนเหล่านั้น”
(But Jesus on his part did not entrust himself to them, because he knew all people )
2:25 “เพราะพระองค์ทรงรู้จักมนุษย์ทุกคน และพระองค์ไม่จำเป็นที่จะต้องมีใครมาเป็นพยานเรื่องมนุษย์ เพราะพระองค์เองทรงทราบว่าอะไรอยู่ในตัวมนุษย์”
(and needed no one to bear witness about man, for he himself knew what was in man.)
ข้อมูลมีประโยชน์
2:1 “วันที่สาม” (On the third day) –ปฐก.22:4
“งานสมรส” (a wedding) = สำคัญมาก และจัดงานต่อเนื่องไปหนึ่งสัปดาห์ ถ้าเจ้าภาพบกพร่องในการรับรองแขกจะถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมาก
“หมู่บ้านคานา” (at Cana) –2:11;4:46;21:1 = ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทะเลสาบกาลิลี
2:3 “เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว” (When the wine ran out) = เรื่องใหญ่ เพราะครอบครัวมีหน้าที่จัดเตรียมงานเลี้ยงตามมาตรฐานสังคม
2:4 “หญิงเอ๋ย” (Woman) –ยน.19:26
“เวลาของเรายังมาไม่ถึง” (My hour has not yet come) = ยังไม่ถึงเวลาของเรา (7:6,8;30:8:20)
= พระเยซูแสดงความแน่วแน่ที่จะทำตามแผนการที่พระองค์เสด็จมา – มธ.26:18
(เวลาสุดท้ายตามกำหนดของพระองค์คือ การถูกตรึงสิ้นพระชนม์และเป็นขึ้นมาจากความตาย
– 12:23,27;13:1;16:32;17:1
2:6 “เพื่อชำระตามธรรมเนียมของพวกยิว” (for the Jewish rites of purification) = พิธีชำระตามระเบียบพิธีของพวกยิว ในวิถีชีวิตประจำวัน คนยิวมักทำผิดแบบแผนจึงเป็นมลทิน การชำระมลทินทำได้โดยการเทน้ำเพื่อล้างมือในงานเลี้ยงที่มีหลายวัน และมีแขกมากยิ่งจำเป็นต้องมีน้ำปริมาณมากเพื่อการนี้
“จุน้ำโอ่งประมาณหนึ่งร้อยลิตร” (each holding twenty or thirty gallons.) = ปริมาณหรือปริมาตรที่โอ่งจุดได้ (แต่อาจไม่ใช่ปริมาณของน้ำที่มีอยู่จริง)
2:8-9 “เจ้าภาพ” (the master) = หนึ่งในแขกที่ได้รับมองหมายให้รับใช้ในฐานะเจ้าภาพในพิธี
2:10 “เมื่อดื่มกันมากแล้ว ….เก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงเดี๋ยวนี้” (when people have drunk freely, …. kept the good wine until now) –โดยทั่วไปจะนำเหล้าองุ่นราคาถูกจะถูกนำมาในภายหลัง เนื่องจากปุ่มรับรสบนลิ้นของแขกไม่รับรู้รสชาติแล้ว
2:11 “หมายสำคัญครั้งแรกนี้” (the first of his signs) = ผู้เขียนมักกล่าวถึงการอัศจรรย์ที่พระเยซูกระทำ นับเป็น “หมายสำคัญ” ที่มีความสำคัญ (ไม่ใช่แค่เน้นความน่าอัศจรรย์) ที่ชี้ไปที่ความเป็นพระเจ้าและความรอดสมบูรณ์ที่พระเยซูนำมา
ตัวอย่าง ใน 4:54;6:14;9:16;11:47
หมายสำคัญครั้งแรกในการจัดเตรียมเหล้าองุ่นอย่างดีมากมาย เพื่อบ่าวสาวเฉลิมฉลองงานแต่งงานได้อย่างเต็มที่ จึงเป็นพยานถึงพันธกิจแห่งการช่วยให้รอดของพระเยซูหลุดพ้นจากความทุกข์ยากลำบากดุจที่เหล้าองุ่นแห่งความชื่นชมยินดีไหลล้นออกมา (อสย.35:1-2;ยอล.3:18;อมส.9:13;ปฐก.49:11)
2:12 “เสด็จต่อไปยัง” (went down to) = เสด็จลงไปยัง
“เมืองคาเปอรนาอูม” (Capernaum) = ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเล อยู่ต่ำกว่าหมู่บ้านคานา – มธ.4:13;ลก.10:15
2:13 “เทศกาลปัสกา” (The Passover ) –อพย.12:11-23;มธ.26:17,18-30;มก.14:1,12;ลก.22:1
-ปัสกาเป็นหนึ่งในเทศกาลประจำปีที่ผู้ชายชาวยิวทุกคนต้องร่วมฉลองที่กรุงเยรูซาเล็ม -5:1;ฉธบ.16:16
2:14-17 -เรื่องการชำระพระวิหาร ในพระธรรมมัทธิว มาระโก และลูกา นำไปบันทึกไว้ในตอนท้ายก่อนสิ้นสุดพระราชกิจของพระเยซู (มธ.21:12-17)
2:14 “คนขายวัว ขายแกะ ขายนกพิราบ…ตามบริเวณพระวิหาร” (selling oxen and sheep and pigeons) = ในวิหารจะใช้ วัว แกะ และนกพิราบเป็นเครื่องบูชา พวกยิวที่เดินทางมาไกลสามารถมาซื้อสัตว์ใช้เป็นเครื่องบูชาได้ในบริเวณใกล้ ๆ พระวิหารได้
-แต่ในตอนนี้ บอกว่า พวกพ่อค้ากำลังขายสัตว์เหล่านั้นในลานชั้นนอกของพระวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับให้คนต่างชาติเข้ามาอธิษฐาน
“คนรับแลกเงิน” (the money- changers ) = ผู้ที่เดินทางมาพระวิหาร ต้องนำเงินสกุลต่าง ๆ มาแลกเงินสกุลที่เจ้าหน้าที่วิหารกำหนด จึงต้องมีคนรับแลกเงิน (มก.11:15) แต่ไม่ควรทำในบริเวณพระวิหาร
2:16 “พระนิเวศของพระบิดาของเรา” (my Father’s house) –ลก.2:49
2:17 “พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้” (His disciples remembered) = ระลึกถึงพระธรรม
สดุดี 69 ที่พระเยซูคริสต์จะต้องทนทุกข์เพราะน้ำมือของคนที่ทำให้พระองค์ร้อนใจในเรื่องพระนิเวศ
2:18 “พวกยิว” (the Jews) –ยน.1:19;2:20
“ท่านจะแสดงหมายสำคัญอะไรให้เห็นว่า ท่านมีสิทธิ์ทำการเช่นนี้ได้” (What sign do you show us for doing these things?”) –ยน.2:11;มธ.12:38
2:19 “ถ้าทำลายวิหารนี้ เราจะสร้างขึ้นภายในสามวัน” (Destroy this temple, and in three days I will raise it up) = พวกยิว คิดว่า พระเยซูหมายถึงพระวิหารตามตัวอักษร แต่ผู้เขียนบอกว่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น (ข.21) อย่าไรก็ตาม พวกยิวล้วนกล่าวหาพระเยซูว่า จะทำลายวิหาร(จริงๆ ) แล้วสร้างขึ้นใหม่ (มธ.16:21;26:61;27:40;มก.14:58;15:29;กจ.6:14)
-และคนที่เยาะเย้ยพระองค์ ก็เอาเรื่องนี้มากล่าวหาพระองค์อีก ในตอนที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขน (มธ.27:40;มก.15:29)
-ความเข้าใจผิดที่อาจอยู่เบื้องหลังข้อกล่าวหาที่มีต่อสเทเฟนด้วย –กจ.6:13
2:20 “สี่สิบหกปี” (forty-six years) = ในขณะที่พูดอยู่นี้ พระวิหารยังสร้างไม่เสร็จจนถึงปี ค.ศ.64 แต่ความหมายในตอนนี้ก็คือ วิหารสร้างมาแล้วถึง 46 ปี (เพราะเริ่มสร้างใหม่ในปี 19 หรือ 20 ก.ค.ศ.)
-เหตุการณ์ในข้อนี้จึงเกิดขึ้นในช่วง ค.ศ. 27
2:21 “คือพระกายของพระองค์” (the temple of his body) = วิหารที่พระเยซูกล่าวถึงคือ พระกายของพระองค์ –1คร.6:19
2:22 “ระลึกได้ว่า พระองค์ตรัสอย่างนี้” (remembered that he had said this) = ระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้ –ลก.24:5-8;ยน.12:16;14:26
“และพวกเขาก็เชื่อพระคัมภีร์” (they believed the Scripture) –ยน.20:9
-ไม่ได้บอกชัดเจนว่า หมายถึงพระคัมภีร์ข้อใดข้อหนึ่งจากพระคัมภีร์เดิม (สดด.16:10;7:5) หรือหมายถึงพระคัมภีร์เดิมทั้งหมด (1คร.15:4)
2:23 “เทศกาลปัสกา” (the Passover) –ยน.2:13
“พระนามของพระองค์” (in his name) –สดด.5:11;อสค.20:9
“เห็นหมายสำคัญ” (the signs) –ยน.2:11
2:25 “มาเป็นพยานเรื่องมนุษย์” (bear witness about man) –อสย.11:3
“ทรงทราบว่าอะไรอยู่ในตัวมนุษย์” (for he himself knew what was in man) –ฉธบ.31:21; 1พกษ.8:39;มธ.9:4;ยน.6:61;64;13:11
คำถามนำอภิปราย
- คุณเคยมีประสบการณ์กับ “การอัศจรรย์” หรือ “หมายสำคัญ” อะไรจากพระเจ้าบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
- คุณเคยมีความรู้สึกอึดอัดกับการทำอะไรไม่ได้ เพราะว่า ยังไม่ถึงเวลา(กำหนด) บ้างหรือไม่? ทำไม ? แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร?
- คุณเคยถูกสั่งให้ทำอะไรที่คุณไม่เข้าใจ แต่ก็กระทำตามแล้วผลออกมาดีกว่าที่คุณคาดคิดบ้างไหม? (แบ่งปัน)
- คุณเคยประทับใจกับการได้รับการบริการที่เป็นเสิศเกินกว่าที่คุณคาดหวังบ้างหรือไม่? ที่ไหน? อย่างไร? (แบ่งปัน)
- เหตุการณ์หรือประสบการณ์อะไรเกิดขึ้นที่ทำให้คุณวางใจพระเจ้าจริง ๆ เป็นครั้งแรก? (แบ่งปัน)
- คุณเคยรู้สึกโกรธมาก ๆ กับการกระทำที่ไม่เหมาะสม (ไม่ใช่เพราะหรือเพื่อตัวเอง) บ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? ทำไม? แล้วคุณทำอะไรบ้าง? ผลเป็นอย่างไร?
- คุณเคยถูกความร้อนใจในเรื่องคริสตจักรของพระเจ้าท่วมท้นในชีวิตของคุณ จนต้องลงมือ (ลงไม้) ทำอะไรแบบคาดไม่ถึงบ้างหรือไม่? อย่างไร?
- คุณเคยถูกเข้าใจผิด และถูกเล่นงาน เพราะคำพูดของคุณบ้างหรือไม่? แล้วคุณจัดการรับมืออย่างไร?
- มีใครบางคนมาเชื่อและวางใจในพระเจ้าเพราะคำพยานหรือชีวิตของคุณบ้างไหม? มีใครบ้าง? อย่างไร?
- หากพระเยซูคริสต์ทรงรู้จักทุกคนอย่างทะลุปรุโปร่ง และเวลานี้ พระองค์มาปรากฏข้างหน้าคุณ คุณจะรู้สึกละอายหรือเสียใจในเรื่องใดมากที่สุด? ทำไม?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์