รักหรือเห็นแก่ตัว?
“ถ้าเธอมีชีวิตอยู่ถึง 100 ปี ฉันขออยู่แค่ 100 ปี ลบ 1 วัน เพื่อว่าจะไม่มีแม้สักวัน ที่ฉันจะอยู่ไปโดยไร้เธอ!”
“If you live to be a hundred, I want to live to be a hundred minus one day so I never have to live without you.” A. A. Milne–
ตอนแรกที่ผมอ่าน ก็ฟังดูดีนะ แต่พอคิดไปคิดมาสักครู่ ผมก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไร? คุณจะขอตายก่อนคนที่คุณรัก 1 วัน! อ้าว แล้วคนที่คุณรัก ผู้ยังคงอยู่ล่ะ จะทำอย่างไร? คุณไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ? คุณน่าจะขอตายหลังจากคนที่คุณรักตายไปแล้วสักหลาย ๆ วัน เพื่อคุณจะมีเวลาพอจัดการกับงานศพของคนที่คุณรักให้ดีที่สุด และปฏิบัติสานต่อในสิ่งที่คนที่คุณรักทำค้างไว้ให้จนสำเร็จเป็นอย่างดีแล้วคุณจึงค่อยไปตายตามเธอ(หรือเขา)!
ในความสัมพันธ์ที่เรียกว่า “รัก” เราจะคิดถึงความสุขของคนที่เรารัก มาก่อนความสุขของเราเอง คนที่มีความรักจะมีความสุขได้เสมอ หากว่าคนที่เรารักมีความสุข แม้ว่าบางครั้ง เราอาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับความสุขนั้นเลยก็ตาม
นี่คือ อานุภาพแห่งรัก! ด้วยเหตุนี้ ความรักจึงเป็นเขตปลอดความเห็นแก่ตัว การจะขอตายก่อนคนรัก และปล่อยคนรักให้ทนทุกข์ทรมานต่อไปโดยลำพัง จึงไม่ใช่ท่าทีของคนที่มีความรักพึงจะมี! ถ้าจะต้องเหลือใครสักคนอยู่ต่อไปเพื่อเผชิญกับความทุกข์เศร้าโศกหรือเจ็บปวดโดยลำพัง คนคนนั้นน่าจะเป็นตัวเรา ไม่ใช่คนที่เรารัก!
มีคำกล่าวเป็นข้อคิดที่ดีที่ว่า…
“สัมพันธภาพแห่งรักจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อศัตรูตัวสุดท้ายของความรักถูกกำจัดออกไป และศัตรูตัวสุดท้ายนั้นก็คือ ความเห็นแก่ตัว!”
ดังนั้น เราสามารถวัดได้ไม่ยากว่า เรารักคนที่เรารักหรือคนที่เรารัก รักเราจริงหรือไม่ โดยดูจากปริมาณความเห็นแก่ตัวที่เราทั้ง 2 มีอยู่ต่อกันในช่วงเวลาที่คบหา หรืออยู่กินด้วยกัน ใครจะฝากความหวัง ฝากอนาคต หรือที่เรียกกันว่า ฝากผีฝากไข้ไว้กับคนเห็นแก่ตัวได้อย่างไร?
ดังนั้นเราสามารถดูออกตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นแล้วว่า คู่ใดกำลังเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งทุกข์ที่ไม่จำเป็น เพราะคนใดคนหนึ่งหรือทั้ง 2 คน เห็นแก่ตัว หรือเอาตัวเอง เป็นศูนย์กลางของความสัมพันธ์
จึงไม่น่าแปลกใจที่คนโบราณเตือนไว้ว่า… “รักคนที่เขารักเราดีกว่า!”
เรารู้ว่าใครรักเรา เมื่อเราเห็นเขาปฏิบัติต่อเราอย่างไม่เห็นแก่ตัว เขาไม่เอาความต้องการหรือความคาดหวังของตัวเขาเองมาก่อนความรู้สึกและความต้องการของเรา และในทำนองเดียวกันเราก็รู้ว่า ตัวของเรารักใครจริง ๆ เมื่อเราเห็นความสุขของเขามีความสำคัญหรือต้องมาก่อนความสุขของเรา
หากเรารักคนเห็นแก่ตัว เราต้องพร้อมที่จะทุกข์ตลอดไป
หากเราพบคนที่รักเราอย่างไม่เห็นแก่ตัว เราก็จะปลอดภัย
การรักใครสักคนที่เขาไม่รักเรา จึงเป็นความอึดอัด หงุดหงิดและนำไปสู่ความทุกข์ขมขื่นอย่างยาวนาน ฉะนั้น จงมองหาคนที่รักเราจริง ๆ และจงเรียนรู้ที่จะรักคนเช่นนั้นสนองกลับ เพราะคนที่รักเรา คือของขวัญจากสวรรค์ที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เรา แต่หากว่าเราแต่งงานแล้ว เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องเรียนรู้วิธีที่จะรักคู่สมรสของเรา โดยทูลขอความรักจากพระเจ้าที่ไม่จำกัด และให้พระองค์ทรงบันดาลให้ตาของเรามองเห็นความดีของเขาและทำให้ใจของเราเกิดความรักบริสุทธิ์ต่อเขาขึ้นมา
ความรักไม่ใช่เรื่องแค่อารมณ์ความรู้สึก ที่ผันแปรไปตามสถานการณ์หรือสภาพความเป็นจริงแวดล้อม ที่เรียกว่า “Feeling” แต่ว่าความรักเป็นเรื่องของความตั้งใจผูกพันที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไม่ว่าสถานการณ์หรือสภาพการณ์จะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร ที่เรียกว่า “Willing”!
วันนี้ ขอให้ความสัมพันธ์ที่คุณมีต่อคนที่คุณรัก (ไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อน พี่น้อง แฟน คู่สมรส พ่อแม่ หรือลูกหลานของคุณ) จะเป็นความรักแท้ ที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาแต่อารมณ์หรือความรู้สึกของตัวเป็นเกณฑ์ แบบ “ตั้งใจรัก” (Willing) เช่นนี้ตลอดไป จวบจนถึงวันสิ้นลม
…จะดีไหมครับ?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr ภาพ VideoBlocks.com)