ถ้าฉันได้มี …
“และพวกท่านจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท” (ยอห์น 8:32)
เรามีความคิดอันตรายบางอย่างวิ่งวนอยู่ในสมอง อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้อย่างไม่เต็มที่ เป็นความคิดที่เราหลอกตัวเอง เช่น: “ฉันคงมีความสุขกว่านี้ถ้ามี …
… รูปร่างที่ผอมกว่า
… แฟนที่ดี
… สามีที่โรแมนติกและอ่อนโยนกว่า
… มีเงินมากกว่า
… มีบุคลิกที่น่าประทับใจ หรือ
… มีลูก”
ฉันไม่ทราบว่า “ถ้ามี…” ของคุณคืออะไร แต่รู้ว่า ไม่มีสักอย่างที่จะเติมเต็มคุณได้ มันอาจให้ความสุขคุณได้ชั่วคราว แต่ไม่ใช่ความสุขยั่งยืน ถ้าปราศจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า แม้จะได้สิ่งของมากมายตามใจอยาก แต่ก็ยังมีช่องกลวงว่างอยู่กลางใจ
ดังนั้น แทนที่จะพูดว่า “ถ้าฉันได้มี…” เติมลงในช่องว่างด้วยชื่อคน ของที่อยากได้ ตำแหน่งที่อยากครอบครอง เราจำต้องเลือกทดแทนช่องว่างเหล่านั้นด้วยความจริงของพระเจ้า ยอห์น 8:32 ย้ำกับเราถึงอำนาจของความจริง: “และพวกท่านจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท” มีสองสามตัวอย่างที่ฉันสู้รบกับการทดลองของความอยากมี อยากได้ และพระเจ้าใส่สิ่งอื่นเข้าไปแทน
คน – ฉันไม่อาจพูดได้ว่า “ถ้าพ่อจะรักฉัน … “ แต่จะพูดจากพระสัญญาในสดุดี 68:5 กล่าวว่า “พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเด็กกำพร้า”
บางทีช่องว่างในใจคุณอาจไม่ใช่เพราะขาดพ่อ แต่เพราะเพื่อนสร้างรอยร้าวที่ทำให้คุณเจ็บลึก หรือคู่สมรสที่ทิ้งไปมีคนใหม่ หรือลูกที่คุณอยากมี แต่ไม่เคยมี ไม่ว่าช่องว่างนั้นคืออะไร พระเจ้าทรงเป็นผู้เติมเต็มช่องว่างนั้นได้อย่างสมบูรณ์
อธิษฐานด้วยถ้อยคำจากลูกา 1:78-79 “โดยพระทัยเมตตาของพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา – ส่องสว่างแก่ (ฉัน) ที่อยู่ในความมืดและในเงาของความมรณา เพื่อจะนำเท้าของ (ฉัน) ไปในทางสันติสุข”
สิ่งของ – ฉันเลิกพูดว่า “ถ้าฉันมี … มากกว่านี้” แต่พูดจากมัทธิว 6:19-21 “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจทะลวงลักเอาไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยทะลวงลักเอาไปได้ เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย”
อะไรที่เคยอยากได้ ไม่ว่าดีเลิศแค่ไหน มันมีเวลาของมัน ในมุมของนิรันดร์กาลทุกอย่างจะเสื่อมสูญและจากเราไป ถ้ามัวจดจ่อกับสิ่งเหล่านี้ ฉันคงตรอมตรมเมื่อเสียมันไป ทรัพย์สิ่งของมีไว้ให้ชื่นชมและใช้เพื่อเป็นพระพรให้ผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อสร้างบารมีให้เรา ไม่ผิดที่จะชื่นชมกับทรัพย์สิ่งของ แต่อย่านำใจไปวางไว้หมดทั้งใจ
ตำแหน่ง – ฉันเลิกพูดว่า “ถ้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็น…” แต่พูดจากสดุดี 119:105 ว่า “พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์” ฉันไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งเพื่อจะไปในที่ๆควรไป ไม่จำเป็นต้องวางแผนและออกวิ่งแซงหน้าคนอื่น เพื่อให้ได้ตามแผนนั้น ที่ฉันต้องการคือพระวจนะมานำทาง ฉันแค่เดินตามและถวายพระสิริแด่พระเจ้า ทีละก้าวๆ และฉันมั่นใจว่ากำลังอยู่ในที่ๆพระองค์ต้องการให้อยู่ ทำในสิ่งที่มีพระประสงค์ให้ทำ
ไม่ว่า “ถ้าฉันมี …” อะไรที่คุณกำลังต่อสู้ ให้เติมช่องว่างนั้นด้วยความจริงแห่งพระวจนะที่ไม่มีวันปล่อยให้คุณว่างเปล่า เมื่อเราเติมพระวจนะจนเต็มล้นใจ วิธีการดำเนินชีวิตจะเปลี่ยนไป ความคิดจะถูกจัดเรียงใหม่ แรงจูงใจ ความปรารถนาจะถูกต้องต่อพระเจ้า จิตวิญญาณจะถูกสร้างใหม่ เติมเต็มด้วยพระเจ้าและพระวจนะแห่งความจริง จะไม่มีที่ว่างเหลือให้ “ถ้าฉันได้…” เข้ามาแย่งพื้นที่อีกต่อไป
โดย Lysa Terkeurst
Encouragement for today: www.christianity.com
(Cr.ภาพ Throughthedarkness.blog)