Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมทิตัส บทที่ 2

ผู้ปกครอง VS ผู้สอนผิด

พระธรรม       ทิตัส 1:1-16

อ้างอิง           รม.1:1ยก.1:1:1คร.1:1ทธ.1:11,19;2:2-6;ฮบ.6:18;5:20;6:15;2ทธ.1:1,9-13;3:3-14;ทต.3:7;กดว.23:19; กจ.27:7;10:45;11:30;1ธส.3:13;10:45;1คร.16:13;ยรม.5:2;12:2

บทนำ

เราต้องมีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าและมีความรู้ความเข้าใจในความจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้าอย่างแท้จริง เราจึงจะเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และช่วยผู้อื่นให้อยู่ในทางที่ถูกต้องของพระองค์

บทเรียน

1:1 “จาก เปาโล ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและอัครทูตของพระเยซูคริสต์ เพื่อความเชื่อของคนที่พระเจ้าทรงเลือก และความรู้ในความจริงตามทางพระเจ้า”

   (Paul, a servant of God and an apostle of Jesus Christ, for the sake of the faith of God’s elect and their knowledge of the truth, which accords with godliness,)

1:2 “ซึ่งอยู่บนความหวังของชีวิตนิรันดร์ ที่พระเจ้าผู้ไม่ตรัสมุสาทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นของกาลเวลา”

   (in hope of eternal life, which God, who never lies, promised before the ages began)

1:3 “และในเวลาที่ทรงกำหนด ก็ทรงสำแดงพระวจนะของพระองค์ด้วยการประกาศที่ข้าพเจ้ารับมอบไว้ ตามพระ‍บัญชาของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา”

   (and at the proper time manifested in his word through the preaching with which I have been entrusted by the command of God our Savior;)

1:4 “ถึง ทิตัสผู้เป็นบุตรที่แท้จริงของข้าพเจ้าในความเชื่อเดียวกัน ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดา และจากพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเราดำรงอยู่กับท่านเถิด”

   (To Titus, my true child in a common faith: Grace and peace from God the Father and Christ Jesus our Savior.)

1:5 “เหตุที่ข้าพเจ้าละท่านไว้ที่เกาะครีตนั้นก็เพื่อให้ท่านแก้ไขสิ่งที่ยังบกพร่องให้เรียบร้อย และแต่งตั้งบรรดาผู้ปก‍ครองไว้ทุกเมืองตามที่ข้าพเจ้ากำชับท่าน”

   (This is why I left you in Crete, so that you might put what remained into order, and appoint elders in every town as I directed you)

1:6 “คือคนที่ไม่มีข้อตำหนิ เป็นสามีของหญิงคนเดียวมีลูกๆ ที่เชื่อและไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนักเลงหรือเป็นคนดื้อด้าน”

   (if anyone is above reproach, the husband of one wife, and his children are believers and not Open to the charge of debauchery or insubordination.)

1:7 “เพราะว่าผู้ปกครองดูแล ซึ่งเป็นผู้รับมอบฉันทะของพระเจ้า ต้องไม่มีข้อตำหนิ ไม่เย่อหยิ่ง ไม่อารมณ์ร้อน ไม่ดื่มสุรามึนเมา ไม่ชอบความรุนแรง และไม่เป็นคนโลภมักได้” 

   (For an overseer, as God’s steward, must be above reproach. He must not be arrogant or quick-tempered or a drunkard or violent or greedy for gain) 

1:8 “แต่มีอัธยาศัยต้อนรับแขก รักความดี มีสติสัมปชัญญะ ชอบธรรม บริสุทธิ์ รู้จักบังคับใจตนเอง”

   (but hospitable, a lover of good, self-controlled, upright, holy, and disciplined. )

1:9 “และยึดมั่นในพระวจนะอันสัตย์จริงตามคำสอน เพื่อจะสามารถหนุนใจด้วยคำสอนที่ถูกต้องและชี้แจงต่อพวกคนที่คัดค้าน” 

   (He must hold firm to the trustworthy word as taught, so that he may be able to give instruction in sound doctrine and also to rebuke those who contradict it.)

1:10 “เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่ดื้อด้าน พูดแต่เรื่องไม่มีประโยชน์และหลอกลวง โดยเฉพาะพวกที่เข้าสุหนัต”

    (For there are many who are insubordinate, empty talkers and deceivers, especially those of the circumcision party.) 

1:11 “จำเป็นต้องให้เขาสงบปากสงบคำ เนื่องจากพวกเขาคว่ำทั้งครัวเรือน โดยสอนสิ่งที่ไม่ควรจะสอนเพราะโลภมักได้”

    (They must be silenced, since they are upsetting whole families by teaching for shameful gain  what they ought not to teach.)

1:12 “ผู้ทำนายคนหนึ่งจากพวกเขาเองเคยกล่าวว่า “ชาวครีตชอบพูดปด โหดร้ายเหมือนสัตว์ เกียจคร้านและตะกละ” 

    (One of the Cretans, a prophet of their own, said, “Cretans are always liars, evil beasts, lazy gluttons.)

1:13 “คำพยานของเขาเป็นความจริง เพราะฉะนั้นท่านจงว่ากล่าวเขาให้แรงๆ เพื่อให้พวกเขามีความเชื่อที่ถูกต้อง” 

    (This testimony is true. Therefore rebuke them sharply, that they may be sound in the faith, )

1:14 “ไม่สนใจนิยายของพวกยิวหรือกฎบัญญัติของคนทั้งหลายที่ไม่รับสัจจะ”

   (not devoting themselves to Jewish myths and the commands of people who turn away from the truth.)

1:15 “สำหรับบรรดาคนที่บริสุทธิ์นั้นทุกสิ่งก็บริสุทธิ์ แต่สำหรับคนที่ชั่วช้าและไม่มีความเชื่อนั้นก็ไม่มีสิ่งใดบริสุทธิ์เลย แต่จิตใจและมโนธรรมของพวกเขาเสื่อมทราม”

    (To the pure, all things are pure, but to the defiled and unbelieving, nothing is pure; but both their minds and their consciences are defiled.)

1:16 “เขาพูดว่ารู้จักพระเจ้า แต่ในการกระทำนั้นปฏิเสธพระองค์ พวกเขาน่าเกลียดน่าชัง ไม่เชื่อฟัง และไม่เหมาะกับการดีใดๆ เลย”

     (They profess to know God, but they deny him by their works. They are detestable, disobedient,  unfit for any good work.)

ข้อมูลมีประโยชน์

1:1       “เปาโลซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า” (Paul, a servant of God) –เฉพาะตอนนี้ ที่ อ.เปาโลเรียกตัวเองว่า “ผู้รับใช้ของพระเจ้า”   ตอนอื่น ๆ ท่านเรียกตัวเองว่า “ผู้รับใช้ของพระคริสต์” (ยรม.1:1;กท.1:1; ฟป.1:1)  แต่ยากอบใช้ทั้ง  2 คำกับตัวท่านเอง –ยก.1:1

“อัครทูตของพระเยซูคริสต์” (and an apostle of Jesus Christ) –1คร.1:1

“เพื่อความเชื่อ….และความรู้ในความจริง” (for the sake of the faith …and their knowledge of the truth) = นี่คือภารกิจและพันธกิจของ อ.เปาโล ในฐานะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และอัครฑูตของพระคริสต์    (กจ.9:15;22:15;26:16-18) –1ทธ.2:4)

“ทางพระเจ้า” ( with godliness) –1ทธ.2:2

1:2       “ความหวัง” (hope) – คส.1:5;    “ชีวิตนิรันดร์” ( eternal life) –ยน.3:15;2ทธ.1:1;ทต.3:7

“ไม่ตรัสมุสา” (never lies) = ไม่เหมือนชาวครีต (ข.12) และมาร (ยน.8:44) –ปท. กดว.23:19;ฮบ.6:18

                   “ก่อนเริ่มต้นของกาลเวลา” ( before the ages began) 2ทธ.1:9

1:3       “ในเวลาที่ทรงกำหนด” (at the proper time manifested )

“ถึงวาระที่ทรงกำหนด”  =เหตุการณ์สำคัญในแผนการของพระเจ้าจะเกิดขึ้นในเวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้ (ในประวัติศาสตร์) –1ทธ.2:6;6:15

“พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา” (God our Savior) –เปาโลใช้คำ “องค์พระผู้ช่วยให้รอด” 12 ครั้งในจดหมายของท่าน และครึ่งหนึ่งอยู่ในจดหมายทิตัส ในที่อื่น ๆ ท่านเรียกพระเยซูว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า”

1:4       “ทิตัส” (            Titus) –2คร.2:13

“ผู้เป็นบุตรที่แท้จริงของข้าพเจ้า” (my true child ) = ทิตัสเป็นลูกฝ่ายวิญญาณของ อ.เปาโล (เหมือนทิโมธี) –1ทธ.1:2 ;   เขากลับใจเป็นคริสเตียนผ่านการประกาศของ อ.เปาโล  –ปท.ฟม.10;1ทธ.1:2

“พระคุณและสันติสุข”  (Grace and peace) –รม.1:7

1:5       “ละท่านไว้ที่เกาะครีต” (I left you in Crete) = แสดงว่า อ.เปาโลกับทิตัสไปทำพันธกิจที่เกาะครีตด้วยกัน

-ในตอนเดินทางไปกรุงโรม (ในฐานะนักโทษ) (กจ.27:7-8)

อ.เปาโลมาแวะที่เกาะครีตเป็นเวลาสั้น ๆ  แต่เวลานี้ท่านได้รับการปล่อยตัวจากการจำคุกครั้งแรกที่โรม  จึงสามารถเดินทางตามต้องการ (3:12)

“แต่งตั้งบรรดาผู้ปกครอง” (appoint elders) = สิ่งที่ท่านเปาโลปฏิบัติเสมอเวลาประกาศและจัดระเบียบคริสตจักร (กจ.14:23)

1:6-9 ใน 1ทธ.3:1-7 –ก็ได้แจกแจงคุณสมบัติของผู้ปกครองไว้ในทำนองเดียวกัน แต่ต่างกันในสถานการณ์ที่ทิโมธีกับทิตัสไปรับใช้

1:6       “เป็นสามีของหญิงคนเดียว” (the husband of one wife) –เพราะผู้ปกครองในเวลานั้น ถูกเลือกมาจากผู้ชายสูงอายุในคริสตจักร จึงเข้าใจว่า แต่งงานกันและมีลูกแล้ว จึงต้องมีชีวิตสมรสแบบสามีเดียวภรรยาเดียว และซื่อสัตย์ต่อกันจนกว่าจะตายจากกัน (1ทธ.3:2; ปท.รม.7:2-3;1คร.7:39)

1:7       “ผู้ปกครองดูแล” (overseer)

คำว่า  “ผู้ปกครอง” ในข้อ 5 และคำว่า “ผู้ปกครองดูแล” ในข้อ 7 เป็นคำที่ใช้สลับกันหรือแทนกันได้ (ปท. กจ.20:17,28;1ปต.5:1-2)

“ผู้ปกครอง” (ผู้อาวุโส) แสดงถึงคุณสมบัติของการเป็นผู้ใหญ่ และมีประสบการณ์

“ผู้ปกครองดูแล” ( บิชอบ) แสดงถึงความรับผิดชอบในการดูแลฝูงแกะของพระเจ้า

1:8       “รู้จักบังคับใจตนเอง” (disciplined) = คุณธรรมที่จำเป็นอย่างมากในเกาะครีต (ข.10-14)

อ.เปาโลเอ่ยถึง 5 ครั้งใน 2 บท (1:8;2:2,5-6,12)

= เขาต้องเป็นคนมีวินัย มีความเข็มแข็งในการควบคุมความปรารถนา และการกระทำของตน

1:9       “คำสอนที่ถูกต้อง” (so that he may be able to give instruction in sound doctrine) = คำสอนอันมีหลัก ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่อัครฑูตสอน (1ทธ.1:10;6:3;2ทธ.1:13;4:3)

= เป็นคำสอนที่มีหลักอันถูกต้อง เพราะเป็นคำสอนที่เสริมสร้างความเชื่อศรัทธาและปกป้องไม่ให้อิทธิพลอันเสื่อมทรามของผู้สอนเทียมเท็จเข้ามาแทรกแซง

-ในจดหมายถึงศิษยาภิบาลทั้ง 3 เล่ม (1-2ทิโมธี, ทิตัส) อ.เปาโลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ผู้นำต้องมีคำสอน  ความเชื่อ และการพูดจา ที่มีหลัก

1:10     “ดื้อด้าน” (insubordinate)  -บางฉบับแปลว่า “ขัดขืนไม่เชื่อฟัง” = ต่อต้าน อ.เปาโล และพระวจนะของพระเจ้า รวมทั้งทิตัส  พวกต่อต้านดื้อด้านเหล่านี้ สร้างปัญหาเหล่านี้ มีลักษณะเฉพาะ 3 ประการ

  1. เป็นคนที่อยู่ใน “กลุ่มเข้าสุหนัต” (เช่นเดียวกับใน กท.2:12)คือพวกที่เชื่อว่า ทุกคนจำเป็นต้องเข้าสุหนัต และปฏิบัติตามบทบัญญัติและพิธีกรรมของชาวยิว แม้ว่าจะได้รับความรอดหรือการชำระให้บริสุทธิ์แล้วก็ตาม
  2. เป็นคนที่ยึดมั่นในนิยายปรัมปราของยิว (ข.14) รวมทั้งลำดับพงศ์พันธ์นอกพระคัมภีร์ (3:9;1ทธ.1:4)
  3. เป็นคนที่บำเพ็ญพรต (ข.14-15) และมีปัญหาในเรื่องหยุม ๆ หยิม ๆ กับสิ่งที่พระเจ้าประกาศยอมรับแล้วว่าดี

“พูดแต่เรื่องไม่มีประโยชน์” (empty talkers) = ดีแต่พูด –1ทธ.1:6

1:11     “ครอบครัว” (families) = ครัวเรือน –1ทธ.5:13

1:12     “ผู้ทำนายคนหนึ่งจากพวกเขาเอง” (One of the Cretans, a prophet of their own) = กวีที่ชื่อเอปิเมนิเดส  (ศตวรรษที่ 6 ก.ค.ศ. เป็นชาวเกาะครีต) ซึ่งชาวครีตให้ความนับถืออย่างมาก ในเรื่องการทำนาย

-อ.เปาโลยังมักอ้างภาษิตอื่น ๆ ที่คนต่างชาติรู้จักทันที อาทิ  กจ.17:28;1คร.15:33

ในวรรณกรรมกรีก วลีว่า “ทำอย่างชาวครีต” หมายความว่า “โกหก”

1:13     “ความเชื่อ” (the faith) –1ทธ.3:9;ทต.2:2

1:14     “นิยายของพวกยิว” (Jewish myths) –ข.10 ;1ทธ.1:4

1:15     “สำหรับบรรดาคนที่บริสุทธิ์นั้นทุกสิ่งก็บริสุทธิ์”  (To the pure, all things are pure) = คริสเตียนได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เพื่อไถ่บาปแล้ว  -ปท.1ทธ.4:4

“สำหรับคนที่ชั่วช้าและไม่มีความเชื่อก็ไม่มีสิ่งได้บริสุทธิ์เลย” (but to the defiled and unbelieving, nothing is pure     ) = ผู้ไม่เชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ที่เคร่งครัดข้อหยุมหยิมที่นอกเหนือพระคัมภีร์ ในเรื่องอาหาร การแต่งงาน และอื่น ๆ  (ปท. คส.2:21;1ทธ.4:3)

= พวกที่ไม่ชื่นชมกับเสรีภาพที่คริสเตียนแท้ ซึ่งรับทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างด้วยใจขอบพระคุณ

พวกที่กำหนดข้อห้ามขึ้นตามใจ หากไม่ชอบหรือถือว่าไม่บริสุทธิ์ตามความคิดของพวกเขา –มธ.15:10-11;16-20;กจ.10:9-16;รม.14:20

1:16     “แต่ในการกระทำนั้นปฏิเสธพระองค์”  (but they deny him by their works) = ปฏิเสธพระองค์ด้วยการกระทำพวกสอนผิด จะถูกตัดสินโทษ โดยการประพฤติส่วนตัวของเขา

 

คำถามนำอภิปราย:

  1. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณได้ช่วยให้ผู้ใด มีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าเพิ่มขึ้นบ้าง? อย่างไร?
  2. คุณเพิ่มเติมความรู้ในความจริงของพระวจนะของพระเจ้า อย่างไร? และคุณช่วยผู้ใดให้รู้และเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าอย่างถูกต้องบ้าง? อย่างไร? และที่ไหน?
  3. มีอะไรหรือใครในคริสตจักรของคุณที่ยังต้องการการแก้ไขปรับปรุงบ้าง? แล้วคุณมีส่วนช่วยอย่างไรบ้าง? และช่วยให้ดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร และทำไม?
  4. ผู้นำหรือผู้ปกครองดูแลในคริสตจักรของคุณ เป็นคนที่เหมาะสมหรือไม่? ทำไม? หากไม่เหมาะสม จะช่วยพวกเขาได้อย่างไร?
  5. ในคริสตจักรของคุณ มีคนประเภท “ดื้อด้าน พูดแต่เรื่องไม่มีประโยชน์” อยู่หรือไม่? แล้วคริสตจักรจัดการกับพวกเขาอย่างไร?(คุณเป็นหนึ่งในพวกไหน?)
  6. คุณเคยตักเตือนว่ากล่าวบางคนแรง ๆ หรือกลับกันคุณเคยถูกผู้อื่นว่ากล่าวแรง ๆ ให้สำนึกหรือกลับใจบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร ?และผลเป็นอย่างไร?
  7. คุณเคยสับสนหรือสงสัยในความเชื่อของคุณบ้างหรือไม่? สาเหตุมาจากอะไร?

…………….. 1. ความไม่รู้/ไม่เข้าใจ

………………2. ความเข้าใจผิด

………………3. ความสับสนจากคำสอนของผู้อื่น

………………4. คำสอนผิดจากพวกสอนเทียมเท็จ

……………….5. สะดุดในชีวิตและคำสอนของผู้นำ

……………….6. อื่น ๆ ……………………………..

แล้วคุณฝ่าฟันมาได้อย่างไร?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.