Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ทำไมพระคัมภีร์ให้ความสำคัญกับการต้อนรับแขกแปลกหน้า?

ต้อนรับแขกแปลกหน้า

 

ทำไมพระคัมภีร์ให้ความสำคัญกับการต้อนรับแขกแปลกหน้า?

พระคัมภีร์ ทั้งเดิมและใหม่ ให้ความสำคัญเรื่อง “การต้อนรับแขกแปลกหน้า” หรือ “การมีอัธยาศัยไมตรี”

ภาษาอังกฤษใช้คำว่า hospitality” แปลว่า  the friendly treatment of quests or strangers : an act or show of welcome.”

ส่วนคำภาษากรีก คือ philo – xenia”  แปลว่า  ‘Love  +  stranger  =   Love of strangers’

(รัก)      (คนแปลกหน้า)     (รักคนแปลกหน้า)

พระคัมภีร์ย้ำความสำคัญของการต้อนรับแปลกหน้า ดังนี้

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรีต้อนรับแขกแปลกหน้า เป็นการพิสูจน์ถึงความรักที่ผู้เชื่อมีต่อพระคริสต์และต่อมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้าง ใน มัทธิว 25:31-46 พระเยซูตรัสอย่างชัดเจนว่า พระองค์แสดงตนเป็น “คนแปลกหน้า” (xenos) ในท่ามกลางพวกเรา โดยมีพวกหนึ่งต้อนรับพระองค์ และมีอีกพวกหนึ่งไม่ต้อนรับพระองค์

พระองค์ตรัสว่า การต้อนรับและตอบสนองความต้องการของพี่น้อง(ผู้เชื่อ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนแปลกหน้าที่ดู “เล็กน้อยที่สุด”  นั้นแท้จริงก็คือ การปรนนิบัติรับใช้พระองค์ด้วยความรัก!

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรีต้อนรับแขกแปลกหน้าเป็นการสำแดงถึงพระคุณและความรอดที่มาจากพระเจ้า

พระเยซูคริสต์ตรัสว่า การต้อนรับซึ่งกันและกันนี้ เป็นเครื่องหมายของการต้อนรับคนที่หิวกระหายปราศจากเงินทองซึ่งไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนคืนกลับมาให้

ดุจดังความรอดที่พระเจ้ามอบให้แก่มวลมนุษย์ที่เชื่อศรัทธาด้วยความเมตตา โดยที่พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อตอบแทนหรือแลกเปลี่ยนได้เลย

“12แล้ว​พระ‍เยซู​ตรัส​กับ​คน​ที่​เชิญ​พระ‍องค์​ว่า “เมื่อ​ท่าน​จะ​จัด‍การ‍เลี้ยง​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​เวลา​กลาง‍วัน​หรือ​เวลา​เย็น​ก็​ตาม อย่า​เชิญ​เฉพาะ​เพื่อนๆ หรือ​พี่‍น้อง หรือ​ญาติๆ หรือ​บรร‌ดา​เพื่อน‍บ้าน​ที่​มั่ง‍มี คาด​ว่า​พวก‍เขา​จะ​เชิญ​ท่าน​กลับ‍คืน แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​รับ​การ​ตอบ‍แทน 13แต่​เมื่อ​ท่าน​จัด‍การ‍เลี้ยง​นั้น จง​เชิญ​คน​จน คน​พิการ คน‍ง่อย และคน‍ตา‍บอด 14แล้ว​ท่าน​จะ​เป็น​สุข เพราะ‍ว่า​เขา‍ทั้ง‍หลาย​ไม่‍มี​อะไร​จะ​ตอบ‍แทน​ท่าน ส่วน​ท่าน​จะ​ได้​รับ​การ​ตอบ‍แทน​เมื่อ​คน​ชอบ‍ธรรม​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย”   (ลูกา 14:11-14)

ปท. อสย.55

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรีต้อนรับแขกแปลกหน้าเป็นการแสดงถึงเอกภาพในท่ามกลางธรรมมิชนของพระเจ้า

 “ท่าน​ที่‍รัก เมื่อ​ท่าน​ทำ​สิ่ง‍ใด​ให้​พี่‍น้อง โดย‍เฉพาะ​อย่าง‍ยิ่ง​ให้​แก่​แขก​แปลก​หน้า ก็​เป็น​การ​แสดง​ความ​ซื่อ‍สัตย์​ของ​ท่าน” (3ยอห์น5)

อย่างไรก็ตาม คริสตจักรต้องมีเอกภาพในการปฏิเสธไม่ต้อนรับครูสอนเท็จด้วยเช่นกัน

“ถ้า​ใคร​มา‍หา​ท่าน​และ​ไม่​นำ​คำ​สั่ง‍สอน​นี้​มา​ด้วย อย่า​รับ​เขา​ไว้​ใน​บ้าน และ​อย่า​ทัก‍ทาย​เขา​เลย”   (2ยอห์น10)

ปท.1คร.5:11 “แต่​บัด‍นี้​ข้าพ‌เจ้า​กำลัง​เขียน​บอก​พวก‍ท่าน​ว่า จง​อย่า​คบ​คน​ที่​ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​พี่‍น้อง​แล้ว แต่​ยัง​ล่วง‍ประ‌เวณี โลภ ไหว้​รูป‍เคารพ ชอบ​กล่าว‍ร้าย เป็น​คน​ขี้‍เมา และ​เป็น​คน​ฉ้อ‍โกง แม้​จะ​กิน​ด้วย​ก็​อย่า​เลย”

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรีต้อนรับแขกแปลกหน้า นับเป็นวิถีแห่งน้ำใจที่คริสตชนพึงประพฤติปฏิบัติต่อกันในคริสตจักร ของพระเจ้า

รม.12:13 “จง​เห็น‍อก‍เห็น‍ใจ​ช่วย​ธรร‌มิก‌ชน​เมื่อ​เขา​ขัด‍สน จง​อุตส่าห์​ต้อน‍รับ​แขก​แปลก‍หน้า”

 ในสมัยก่อน การหาที่พักในโรงแรมหรือที่พักต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ยาก  ดังนั้น การต้อนรับผู้รับใช้หรือพี่น้องคริสเตียนที่เดินทางจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรีต้อนรับแขกแปลกหน้า ถือว่าเป็นพื้นฐานของความเชื่อศรัทธาของคริสตชนในการถวายตัวเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตต่อพระเจ้า

ผู้เชื่อได้รับคำกำชับให้ถวายตัวเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต ซึ่งรวมถึงการใช้มอบหรือให้ของประทานทรัพย์สินสิ่งของที่ติดอยู่กับตัวของเราที่ได้ถวายแด่พระคริสต์แล้วในการต้อนรับแขกแปลกหน้าอย่างจริงใจด้วยความรักฉันพี่น้อง

รม.12:1-2 “1ดัง‍นั้น พี่‍น้อง​ทั้ง‍หลาย โดย​เห็น​แก่​ความ​เมตตา‍กรุณา​ของ​พระ‍เจ้า ข้าพ‌เจ้า​จึง​วิง‍วอน​ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​ให้​ถวาย​ตัว​ของ​ท่าน​แด่​พระ‍องค์ เพื่อ​เป็น​เครื่อง‍บูชา​อัน​บริ‌สุทธิ์​ที่​มี​ชีวิต และ​เป็น​ที่​พอ‍พระ‍ทัย​พระ‍เจ้า ซึ่ง​เป็น​การ​นมัส‌การ​โดย​วิญ‌ญาณ‍จิต​ของ​ท่าน 2อย่า​ลอก‍เลียน‍แบบ​อย่าง​คน​ใน​ยุค‍นี้ แต่​จง​รับ​การ​เปลี่ยน‍แปลง​จิต‍ใจ แล้ว​อุป‌นิสัย​ของ​ท่าน​จึง​จะ​เปลี่ยน​ใหม่ เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ทราบ​พระ‍ประ‌สงค์​ของ​พระ‍เจ้า จะ​ได้​รู้​ว่า​อะไร​ดี อะไร​เป็น​ที่​ชอบ‍พระ‍ทัย และ​อะไร​ดี​ยอด‍เยี่ยม”

ปฐก.19:1 “ฝ่าย​ทูต‍สวรรค์​สอง​องค์​นั้น​มา​ถึง​เมือง​โส‌โดม​ใน​เวลา​เย็น โลท​กำลัง​นั่ง​อยู่​ที่​ประตู​เมือง​โส‌โดม เมื่อ​โลท​เห็น​ท่าน​ทั้ง‍สอง เขา​ก็​ลุก‍ขึ้น​ไป​ต้อน‍รับ​และ​โน้ม​ตัว​ลง​หน้า​ซบ​ดิน”

ปท. ยชว.2; 1ซมอ.25;1พกษ.17

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรีต้อนรับแขกแปลกหน้าได้รับการกำหนดให้เป็นคุณลักษณะหนึ่งที่สำคัญของการเป็นผู้นำ ผู้ปกครองดูแล หรือศิษยาภิบาลของคริสตจักร

 1ทธ.3:1-2 “คำ​กล่าว​นี้​สัตย์‍จริง คือ​ว่า​ถ้า​ใคร​ปรารถ‌นา​หน้า‍ที่​ผู้‍ปก‍ครอง​ดู‍แล​คริสต‌จักร คน​นั้น​ก็​ปรารถ‌นา​กิจ‍การ‍งาน​ที่​ประ‌เสริฐ ผู้‍ปก‍ครอง​ดู‍แล​นั้น​จะ​ต้อง​เป็น​คน​ที่​ไม่‍มี​ที่​ติ เป็น​สามี​ของ​หญิง​คน​เดียว รู้‍จัก​ประ‌มาณ​ตน มี​สติ‍สัมป‌ชัญญะ เป็น​คน​น่า‍นับ‍ถือ มี​อัธยา‌ศัย​ต้อน‍รับ​แขก เหมาะ​ที่​จะ​เป็น​อา‌จารย์”

ทต.1:7-8 “เพราะ‍ว่า​ผู้‍ปก‍ครอง​ดู‍แล ซึ่ง​เป็น​ผู้​รับ​มอบ​ฉัน‌ทะ​ของ​พระ‍เจ้า ต้อง​ไม่‍มี​ข้อ​ตำ‌หนิ ไม่​เย่อ‍หยิ่ง ไม่​อารมณ์​ร้อน ไม่​ดื่ม​สุรา​มึน‍เมา ไม่​ชอบ​ความ​รุน‍แรง และ​ไม่​เป็น​คน​โลภ​มัก​ได้ แต่​มี​อัธยา‌ศัย​ต้อน‍รับ​แขก รัก​ความ​ดี มี​สติ‍สัมป‌ชัญญะ ชอบ‍ธรรม บริ‌สุทธิ์ รู้‍จัก​บัง‍คับ​ใจ​ตน‍เอง” 

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรีต้องรับแขกแปลกหน้า นั้นถือว่าเป็นบทบาทหน้าที่สำคัญสำหรับผู้เชื่อพระเจ้าทุกคนที่แม้แต่ผู้หญิง ผู้อาวุโส หรือคนยากจนที่สุดในท่ามกลางผู้เชื่อยังต้องรับผิดชอบกระทำ

1ทธ.5:9-10 “9จง​ให้​แม่‍ม่าย​ที่​มี​อายุ​ไม่​ต่ำ​กว่า​หก‍สิบ​ปี และ​เคย​แต่ง‍งาน​เพียง​ครั้ง​เดียว ลง‍ชื่อ​ใน​ทะ‌เบียน 10นาง​ต้อง​มี​ชื่อ‍เสียง​ใน​การ​ทำ​ความ​ดี เช่น​เอา‍ใจ‍ใส่​เลี้ยง‍ดู​ลูก มี​น้ำ‍ใจ​รับ‍รอง​แขก ล้าง‍เท้า​ของ​ธรร‌มิก‌ชน​ทั้ง‍หลาย สง‌เคราะห์​คน​ทุกข์‍ยาก​และ​อุทิศ​ตัว​ใน​การ​ทำ‍ดี​ทุก‍อย่าง ”

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรี ต้อนรับแขกแปลกหน้า นับเป็นหน้าที่ที่ธรรมมิกชนพึงกระทำต่อกัน โดยปราศจากการบ่น

1ปต.4:7-9 “อวสาน​ของ​สิ่ง‍ทั้ง‍ปวง​มา​ใกล้​แล้ว เพราะ‍ฉะนั้น พวก‍ท่าน​จง​มี​สติ‍สัมป‌ชัญญะ และ​จง​รู้‍จัก​สงบ​ใจ​เพื่อ​การ​อธิษ‌ฐานเหนือ​สิ่ง​อื่น‍ใด​ก็​คือ จง​รัก​กัน​และ​กัน​ให้​มาก เพราะ​ความ​รัก​ให้​อภัย​บาป​มาก‍มาย​ได้9พวก‍ท่าน​จง​ต้อน‍รับ​เลี้ยง‍ดู​กัน​และ​กัน​โดย​ไม่​บ่น ”

  1. การแสดงอัธยาศัยไมตรีต้อนรับแขกแปลกหน้า จะเป็นตัวบ่งชี้หรือเปิดเผยความดี ความชั่วของบุคคลหรือชุมชนของพระเจ้าที่คนแปลกหน้านั้นได้รับการปฏิบัติ

ปฐก.19 :1-13 “ฝ่าย​ทูต‍สวรรค์​สอง​องค์​นั้น​มา​ถึง​เมือง​โส‌โดม​ใน​เวลา​เย็น โลท​กำลัง​นั่ง​อยู่​ที่​ประตู​เมือง​โส‌โดม เมื่อ​โลท​เห็น​ท่าน​ทั้ง‍สอง เขา​ก็​ลุก‍ขึ้น​ไป​ต้อน‍รับ​และ​โน้ม​ตัว​ลง​หน้า​ซบ​ดิน 2กล่าว​ว่า “เจ้า‍นาย​ของ​ข้าพ‌เจ้า ข้าพ‌เจ้า​ขอ​วิง‍วอน​ท่าน ขอ​ท่าน​แวะ​ไป​บ้าน​ข้าพ‌เจ้า​ผู้‍รับ‍ใช้​ของ​ท่าน ค้าง​สัก​คืน‍หนึ่ง ล้าง‍เท้า​ของ​ท่าน แล้ว​ค่อย​ลุก‍ขึ้น​แต่‍เช้า เดิน​ทาง​ต่อ‍ไป” ทั้ง‍สอง​ตอบ​ว่า “อย่า​เลย เรา​จะ​ค้าง‍คืน​ที่​ลาน‍เมือง” 3แต่​โลท​ก็​รบ‍เร้า​ชัก‍ชวน​ท่าน​ทั้ง‍สอง ท่าน​จึง​แวะ​ไป​กับ​เขา เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ของ​เขา โลท​ก็​จัด‍งาน‍เลี้ยง​ท่าน​ทั้ง‍สอง ปิ้ง​ขนม‍ปัง‍ไร้‍เชื้อ ท่าน​ทั้ง‍สอง​ก็​รับ‍ประ‌ทาน 4ท่าน​ทั้ง‍สอง​ยัง​ไม่​ทัน​เข้า‍นอน พวก​ผู้‍ชาย​เมือง​นั้น คือ​ชาย​ชาว‍เมือง​โส‌โดม​ทั้ง​หนุ่ม​และ​แก่​ทั้ง‍หมด​จาก​ทุก​มุม​เมือง​พา‍กัน​มา​ล้อม​บ้าน​นั้น​ไว้ 5พวก‍เขา​ร้อง‍เรียก​โลท​ว่า “พวก​ผู้‍ชาย​ที่​มา‍หา​เจ้า​คืน‍นี้​อยู่​ที่‍ไหน? จง​ส่ง​พวก‍เขา​ออก‍มา​ให้​เรา เรา​จะ​ได้​มี​เพศ‍สัม‌พันธ์​กับ​พวก‍เขา” 6โลท​ก็​ออก​ทาง​ประตู​ไป​หา​ชาย​เหล่า‍นั้น แล้ว​ปิด​ประตู​ข้าง‍หลัง​เขา 7กล่าว​ว่า “พี่‍น้อง​ของ​ข้า​เอ๋ย ข้า​ขอ​เถอะ อย่า​ทำ‍ชั่ว​เลย8นี่‍แน่ะ ข้า​มี​ลูก‍สาว​สอง​คน​ยัง​ไม่​เคย​มี​เพศ‍สัม‌พันธ์​กับ​ชาย​เลย ข้า​จะ​ส่ง​ออก​มา​ให้​พวก‍ท่าน พวก‍ท่าน​จะ​ทำ​แก่​พวก​นาง​อย่าง‍ไร​ก็​ได้​ตาม‍ใจ‍ชอบ​เถิด แต่​ขอ​อย่า​ทำ​อะไร​พวก​ผู้‍ชาย​เหล่า‍นี้​เลย เพราะ​พวก‍เขา​มา​อยู่​ใต้​ร่ม​ชาย‍คา​ของ​ข้า​แล้ว” 9แต่​พวก​นั้น​ร้อง​ว่า “ถอย​ไป” และ​ขู่​ว่า “เจ้า​คน​นี้​มา​ขอ​อาศัย​อยู่ แล้ว​ยัง​มา​ตั้ง‍ตัว​เป็น​ผู้‍พิพาก‌ษา เรา​จะ​ทำ‍ชั่ว​ต่อ​เจ้า​ให้​หนัก​กว่า​ที่​จะ​ทำ​แก่​คน​เหล่า‍นั้น​อีก” พวก​นั้น​ผลัก​โลท​โดย​แรง และ​เข้า‍มา​ใกล้​เพื่อ​พัง​ประตู 10แต่​ชาย​ทั้ง‍สอง​นั้น​ยื่น‍มือ​ออก‍ไป​ดึง​ตัว​โลท​เข้า‍มา​ใน​บ้าน​แล้ว​ปิด​ประตู​เสีย 11ท่าน​ทั้ง‍สอง​ทำ​ให้​พวก​ผู้‍ชาย​ที่​อยู่​หน้า​ประตู​บ้าน​นั้น​ตา‍บอด ทั้ง​คน​หนุ่ม​และ​คน​แก่​ก็​เที่ยว​คลำ‍หา​ประตู​จน​อ่อน‍ใจ 12แล้ว​ท่าน​ทั้ง‍สอง​จึง​พูด​กับ​โลท​ว่า “ที่‍นี่​ท่าน​มี​ใคร​อีก​หรือ? บุตร‍เขย บุตร‍ชาย บุตร‍หญิง คน​ของ​ท่าน​ทั้ง‍หมด​ใน​เมือง​นี้ จง​นำ​ออก‍ไป​จาก​ที่​นี่ 13เพราะ​เรา​กำลัง​จะ​ทำ‍ลาย​ที่​นี่​แล้ว เพราะ​เสียง‍ร้อง‍กล่าว‍โทษ​พวก‍เขา​เฉพาะ‍พระ‍พักตร์​พระ‍ยาห์‌เวห์​ดัง​นัก‍หนา และ​พระ‍ยาห์‌เวห์​ทรง​ใช้​เรา​มา​ทำ‍ลาย​เมือง​นี้​เสีย” 

 1ซมอ.25:1-44 “ซา‌มู‌เอล​ก็​สิ้น‍ชีวิต และ​คน​อิสรา‌เอล​ทั้ง‍ปวง​ก็​ประ‌ชุม​กัน​ไว้‍ทุกข์​ให้​ท่าน และ​พวก‍เขา​ฝัง‍ศพ​ท่าน​ไว้​ที่​บ้าน​ของ​ท่าน​ใน​รา‌มาห์ ส่วน​ดาวิด​ก็​ลุก‍ขึ้น​ไป​ยัง​ถิ่น‍ทุร‌กัน‌ดาร​ปา‌ราน 2มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​มา‌โอน มี​การ‍งาน​อยู่​ใน​คาร‌เมล ชาย​ผู้‍นั้น​มั่ง‍มี​มาก มี​แกะ 3,000 ตัว และ​แพะ 1,000 ตัว ต่อ‍มา​วัน‍หนึ่ง​เขา​ตัด​ขน​แกะ​ของ​เขา​อยู่​ที่​คาร‌เมล 3ชาย​คน​นั้น​ชื่อ​นา‌บาล และ​ภรรยา​ของ​ท่าน​ชื่อ​อา‌บี‌กา‌ยิล สตรี​คน​นั้น​ฉลาด​และ​สวย‍งาม​ด้วย แต่​ชาย​คน​นั้น​เป็น​คน​หัว‍แข็ง​และ​ชั่ว‍ร้าย​ใน​การ​กระ‌ทำ เป็น​วงศ์‍วาน​ของ​คา‌เลบ 4ดาวิด​อยู่​ใน​ถิ่น‍ทุร‌กัน‌ดาร ได้‍ยิน​ว่า​นา‌บาล​กำลัง​ตัด​ขน​แกะ​ของ​เขา​อยู่ 5ดาวิด​จึง​ใช้​ชาย‍หนุ่ม 10 คน และ​ดาวิด​พูด​กับ​ชาย‍หนุ่ม​เหล่า‍นั้น​ว่า “จง​ขึ้น​ไป​ที่​คาร‌เมล​ไป​หา​นา‌บาล และ​คำ‍นับ​เขา​ใน​นาม​ของ​เรา6ให้​พวก‍ท่าน​พูด​เช่น‍นี้​ว่า ‘ชีวิต​และ​สวัสดิ‌ภาพ​จง​มี​แก่​ท่าน สวัสดิ‌ภาพ​จง​มี​แก่​ครอบ‍ครัว​ของ​ท่าน และ​สวัสดิ‌ภาพ​จง​มี​แก่​ทุก‍สิ่ง​ที่​ท่าน​มี 7ขณะ​นี้​ข้าพ‌เจ้า​ได้‍ยิน​ว่า​ท่าน​มี​คน​ตัด​ขน​แกะ​อยู่ เมื่อ​พวก​ผู้‍เลี้ยง‍แกะ​ของ​ท่าน​อยู่​กับ​เรา เรา​ไม่‍ได้​ทำ​อัน‌ตราย​พวก‍เขา​เลย และ​พวก‍เขา​ก็​ไม่‍ได้​ขาด​อะไร​ไป​ตลอด‍เวลา​ที่​อยู่​ใน​คาร‌เมล8ถาม​พวก​คน‍หนุ่ม​ของ​ท่าน พวก‍เขา​จะ​บอก​ท่าน เพราะ‍ฉะนั้น​ขอ​ให้​พวก​คน‍หนุ่ม​ของ​ข้าพ‌เจ้า​ได้​รับ​ความ​โปรด‍ปราน​จาก​ท่าน เพราะ​เรา​มา​ใน​วัน​มี​การ​เลี้ยง โปรด​ให้​สิ่ง​ที่​พอ​หา​ได้​ใน​ตอน‍นี้​แก่​พวก​ผู้‍รับ‍ใช้​ของ​ท่าน​และ​แก่​ดาวิด​บุตร​ของ​ท่าน’ ” 9เมื่อ​พวก​คน‍หนุ่ม​ของ​ดาวิด​มา​ถึง​ก็​กล่าว​คำ​เหล่า‍นั้น​แก่​นา‌บาล​ใน​นาม​ของ​ดาวิด และ​พวก‍เขา​ก็​คอย‍อยู่10และ​นา‌บาล​ตอบ​พวก​คน​รับ‍ใช้​ของ​ดาวิด​ว่า “ดาวิด​คือ​ใคร? บุตร​ของ​เจส‌ซี​คือ​ใคร? สมัย‍นี้​มี​คน‍ใช้​เป็น​อัน​มาก​ที่​หนี​ไป​จาก​นาย​ของ​พวก‍เขา 11ควร​หรือ​ที่​ข้า​จะ​นำ​ขนม‍ปัง​ของ​ข้า และ​น้ำ​ของ​ข้า และ​เนื้อ​ของ​ข้า ซึ่ง​ข้า​ได้​ฆ่า​เสีย​สำหรับ​พวก​คน​ตัด​ขน​แกะ​ของ​ข้า​มอบ​ให้​แก่​พวก​ซึ่ง​มา​จาก​ที่‍ไหน​ข้า​ก็​ไม่​รู้?” 12พวก​คน‍หนุ่ม​ของ​ดาวิด​ก็​หัน‍กลับ​ไป​ตาม‍ทาง และ​กลับ‍มา​บอก​เรื่อง‍ราว​ทั้ง‍สิ้น​นี้​แก่​ดาวิด 13และ​ดาวิด​สั่ง​พวก​ของ​ท่าน​ว่า “ทุก​คน​จง​เอา​ดาบ​คาด​เอว​ไว้” และ​ทุก​คน​ก็​เอา​ดาบ​คาด​เอว​ของ​ตน และ​ดาวิด​ก็​เอา​ดาบ​คาด​เอว​ด้วย มี​คน​ตาม​ดาวิด​ขึ้น​ไป​ประ‌มาณ 400 คน ส่วน​อีก 200 คน​อยู่​เฝ้า​กอง​สัม‌ภาระ 14แต่​มี​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​คน‍หนุ่ม​บอก​นาง​อา‌บี‌กา‌ยิล​ภรรยา​ของ​นา‌บาล​ว่า “ดู‍เถิด ดาวิด​ส่ง​พวก​ผู้‍สื่อ‍สาร​มา​จาก​ถิ่น‍ทุร‌กัน‌ดาร​เพื่อ​อวย‍พร​นาย​ของ​พวก‍เรา แต่​นาย​กลับ​ด่า‍ว่า​คน​เหล่า‍นั้น 15แต่​ชาย​เหล่า‍นั้น​ดี​ต่อ​เรา​มาก เรา​ไม่​ถูก​ทำ‍ร้าย และ​ไม่​ขาด​สิ่ง‍ใด​ตลอด‍เวลา​ที่​เรา​ไป​กับ​พวก‍เขา​เมื่อ​เรา​อยู่​ใน​ทุ่ง‍นา 16พวก‍เขา​เป็น​เหมือน​กำ‌แพง​ของ​เรา​ทั้ง​กลาง‍คืน​และ​กลาง‍วัน ตลอด‍เวลา​ที่​เรา​เลี้ยง​แกะ​อยู่​กับ​พวก‍เขา 17ขณะ‍นี้​ขอ​ท่าน​ทราบ​เรื่อง​และ​พิจาร‌ณา​ว่า​ท่าน​ควร​จะ​ทำ​ประ‌การ​ใด เพราะ​การ‍ร้าย​ถูก​กำ‌หนด​ต่อ​นาย​ของ​เรา​แล้ว และ​ต่อ​ครัว‍เรือน​ทั้ง‍สิ้น​ของ​นาย นาย​นั้น​เป็น​คน​อันธ‌พาล ใคร​จะ​พูด​ด้วย​ก็​ไม่‍ได้” 18แล้ว​นาง​อา‌บี‌กา‌ยิล​ก็​รีบ​จัด​ขนม‍ปัง 200 ก้อน และ​เหล้า‍องุ่น 2 ถุง‍หนัง และ​แกะ​ที่​ทำ​เสร็จ​แล้ว 5 ตัว และ​ข้าว‍คั่ว 17 กิโล‍กรัม และ​ลูก‌เกด 100 ช่อ​และ​ขนม​มะเดื่อ 200 แผ่น​บรร‌ทุก​หลัง​ลา 19นาง​ก็​สั่ง​พวก​คน​หนุ่ม​ของ​นาง​ว่า “จง​รีบ​ไป​ก่อน​เรา นี่‍แน่ะ เรา​จะ​ตาม​เจ้า​ไป” แต่​นาง​ไม่‍ได้​บอก​นา‌บาล​สามี​ของ​นาง 20เมื่อ​นาง​ขี่​ลา​ลง‍มา มี​สัน‍เขา​บัง​นาง​อยู่ นี่‍แน่ะ ดาวิด​กับ​พวก​ของ​ท่าน​กำลัง​ลง‍มา​ทาง​นาง และ​นาง​ก็​พบ​พวก‍เขา21ดาวิด​กล่าว​ไว้​แล้ว​ว่า “ข้า​เฝ้า​ทุก‍สิ่ง​ที่​คน​นี้​มี​อยู่​ใน​ถิ่น‍ทุร‌กัน‌ดาร​เสีย‍เปล่า ไม่‍มี​สิ่ง‍ใด​ของ​เขา​ขาด​ไป​เลย และ​เขา​ตอบ‍แทน​ความ​ดี​ของ​ข้า​ด้วย​ความ​ชั่ว 22เช่น​เดียว​กับ​ที่​พระ‍เจ้า​จะ​ทรง​ลง‍โทษ​พวก​ศัตรู​ของ​ดาวิด และ​ทรง​เพิ่ม​โทษ​นั้น ข้า​จะ​ไม่​ปล่อย​ให้​ชาย​สัก​คน​ใน​บรร‌ดา​ที่​เขา​มี เหลือ​อยู่​ถึง​พรุ่ง‍นี้​เช้า”  23เมื่อ​นาง​อา‌บี‌กา‌ยิล​เห็น​ดาวิด นาง​ก็​รีบ​ลง​จาก​หลัง​ลา ทรุด​ตัว​ลง​ต่อ‍หน้า​ดาวิด ซบ‍หน้า​ถึง​ดิน​และ24นาง​ทรุด​ตัว​ลง​ที่​เท้า​ของ​ดาวิด​พูด​ว่า “เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน ความ​ผิด​นั้น​อยู่​ที่​ดิฉัน​แต่​ผู้​เดียว ขอ​ให้​สาว‍ใช้​ของ​ท่าน​พูด​ให้​ท่าน​ฟัง และ​โปรด​ฟัง​ถ้อย‍คำ​ของ​สาว‍ใช้​ของ​ท่าน 25ขอ​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​โปรด​อย่า​ได้​เอา​ความ​กับ​นา‌บาล​ชาย​ร้าย‍กาจ​คน​นี้​เลย เพราะ​เขา​เป็น​อย่าง​ชื่อ​ของ​เขา​คือ​นา‌บาล และ​ความ​โง่‍เขลา​ก็​อยู่​กับ​เขา ส่วน​ดิฉัน​สาว‍ใช้​ของ​ท่าน​ไม่​เห็น​พวก​คน‍หนุ่ม​ของ​เจ้า‍นาย​ซึ่ง​ท่าน​ใช้​ไป 26ดัง‍นั้น​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน พระ‍ยาห์‌เวห์​ทรง‍พระ‍ชนม์‍อยู่​แน่​ฉัน‍ใด และ​ท่าน​มี​ชีวิต​อยู่​แน่​ฉัน‍ใด เพราะ​ว่า​พระ‍ยาห์‌เวห์​ทรง​ทำ​ให้​ท่าน​ระงับ​เสีย​จาก​ความ​ผิด​ที่​ทำ​ให้​โลหิต​ตก และ​จาก​การ​แก้‍แค้น​ด้วย​มือ​ของ​ท่าน​เอง บัด‍นี้​ขอ​ให้​พวก​ศัตรู​ของ​ท่าน และ​พวก​ที่​จะ​ปอง‍ร้าย​ต่อ​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​เป็น​อย่าง​นา‌บาล 27ของ‍กำ‌นัล​นี้​ซึ่ง​สาว‍ใช้​ของ​ท่าน​ได้​นำ​มา​ให้​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน ขอ​มอบ​แก่​พวก​คน‍หนุ่ม​ผู้​ติด‍ตาม​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน 28โปรด​อภัย​ความ​ผิด​ของ​สาว‍ใช้​ของ​ท่าน​เถิด เพราะ​พระ‍ยาห์‌เวห์​จะ​ทรง​ทำ​ให้​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​เป็น​พงศ์‍พันธุ์​ที่​มั่น‍คง​แน่ เพราะ​ว่า​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​ทำ​สง‌คราม​อยู่​ฝ่าย​พระ‍ยาห์‌เวห์ และ​จะ​ไม่​พบ​ความ​ชั่ว​ใน​ตัว​ท่าน​ตลอด‍ชีวิต​ของ​ท่าน 29แม้​มี​คน​ลุก‍ขึ้น​ไล่‍ตาม​ท่าน และ​ต้อง‍การ​ฆ่า​ท่าน ชีวิต​ของ​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​จะ​ผูก‍มัด​อยู่​กับ​ความ​สัม‌พันธ์​ระหว่าง​กลุ่ม​ชีวิต​และ​พระ‍ยาห์‌เวห์​พระ‍เจ้า​ของ​ท่าน แต่​ชีวิต​ศัตรู​ของ​ท่าน​จะ​ถูก​เหวี่ยง​ออก​ไป​ดั่ง​ออก​ไป​จาก​รัง​สลิง30และ​เมื่อ​พระ‍ยาห์‌เวห์​จะ​ทรง​ทำ​ให้​สำเร็จ​แก่​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​แล้ว ตาม​สิ่ง​ดี​ทั้ง‍หมด​ซึ่ง​พระ‍องค์​ตรัส​เกี่ยว‍กับ​ท่าน และ​ทรง​ตั้ง​ท่าน​เป็น​เจ้า‍นาย​เหนือ​อิสรา‌เอล 31เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​จะ​ไม่‍มี​เหตุ​ที่​เสีย‍ใจ​หรือ​มี​จิต‍สำนึก​ที่​รู้‍สึก​ผิด เพราะ​การ​ฆ่า​ด้วย​ไม่‍มี​สาเหตุ เพราะ​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​แก้‍แค้น​ด้วย​ตน‍เอง และ​เมื่อ​พระ‍ยาห์‌เวห์​ทรง​ทำ​ความ​ดี​แก่​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน​แล้ว ก็​ขอ​ระลึก‍ถึง​สาว‍ใช้​ของ​ท่าน” 32ดาวิด​พูด​กับ​นาง​อา‌บี‌กา‌ยิล​ว่า “สาธุการ​แด่​พระ‍ยาห์‌เวห์​พระ‍เจ้า​แห่ง​อิสรา‌เอล ผู้​ทรง​ใช้​เจ้า​ให้​มา​พบ​เรา​ใน​วัน‍นี้ 33ขอ​ให้​ความ​ฉลาด​ของ​เจ้า​รับ‍พระ‍พร และ​ขอ​ให้​ตัว​เจ้า​รับ‍พระ‍พร เพราะ​เจ้า​ได้​ป้อง‍กัน​เรา​ใน​วัน‍นี้​ให้​พ้น​จาก​การ​ฆ่า และ​จาก​การ​แก้‍แค้น​ด้วย​มือ​ของ​เรา​เอง 34เพราะ​พระ‍ยาห์‌เวห์​พระ‍เจ้า​แห่ง​อิสรา‌เอล ผู้​ทรง​ระงับ​เรา​เสีย​จาก​การ​ทำ‍ร้าย​เจ้า ทรง‍พระ‍ชนม์‍อยู่​แน่​ฉัน‍ใด ถ้า​เจ้า​ไม่‍ได้​รีบ​มา​พบ​เรา ถึง​รุ่ง‍สาง​จะ​ไม่‍มี​เหลือ​แก่​นา‌บาล​แม้​แต่​ชาย​สัก​คน” 35แล้ว​ดาวิด​ก็​รับ​บรร‌ดา​สิ่ง​ที่​นาง​นำ​มา​จาก​มือ​ของ​นาง และ​ดาวิด​พูด​กับ​นาง​ว่า “จง​กลับ​ไป​บ้าน​ของ​เจ้า​ด้วย​สวัสดิ‌ภาพ​เถิด ดู‍สิ​เรา​ได้​ฟัง​เสียง​ของ​เจ้า​แล้ว และ​เรา​รับ​คำ‍ขอ‍ร้อง​ของ​เจ้า” 36และ​อา‌บี‌กา‌ยิล​ก็​กลับ​ไป​หา​นา‌บาล และ​นี่‍แน่ะ เขา​กำลัง​มี​การ​เลี้ยง​ใหญ่​ใน​บ้าน​ของ​เขา​อย่าง​การ​เลี้ยง​ของ​พระ‍ราชา และ​จิต‍ใจ​ของ​นา‌บาล​ก็​เบิก‍บาน เพราะ​เขา​มึน‍เมา​มาก นาง​จึง​ไม่‍ได้​บอก​อะไร​ให้​เขา​ทราบ​จน​เวลา​รุ่ง‍สาง 37และ​ใน​เวลา​เช้า เมื่อ​เหล้า‍องุ่น​สร่าง​จาก​นา‌บาล​ไป​แล้ว ภรรยา​ของ​เขา​ก็​เล่า​เรื่อง‍ราว​เหล่า‍นี้​ให้​ฟัง และ​ใจ​ของ​เขา​ก็​ตาย​ข้าง‍ใน และ​เขา​กลาย​เป็น​ดัง​ก้อน‍หิน 38ต่อ‍มา​อีก​ประ‌มาณ​สิบ​วัน​พระ‍ยาห์‌เวห์​ทรง​ประ‌หาร​นา‌บาล​และ​เขา​ก็​ตาย 39เมื่อ​ดาวิด​ได้‍ยิน​ว่า​นา‌บาล​สิ้น‍ชีวิต​แล้ว ท่าน​จึง​พูด​ว่า “สาธุการ​แด่​พระ‍ยาห์‌เวห์​ผู้​ทรง​แก้‍แค้น​การ​เหยียด‍หยาม​ที่​ข้า‍พระ‍องค์​ได้​รับ​จาก​มือ​ของ​นา‌บาล และ​ทรง​ป้อง‍กัน​ผู้‍รับ‍ใช้​ของ​พระ‍องค์​จาก​ความ​ชั่ว พระ‍ยาห์‌เวห์​ทรง​ตอบ‍แทน​ความ​ชั่ว​ของ​นา‌บาล​ให้​ตก​บน​ศีรษะ​ของ​เขา​เอง” แล้ว​ดาวิด​ก็​ส่ง​คน​ไป​พูด​กับ​อา‌บี‌กา‌ยิล​ให้​มา​เป็น​ภรรยา​ของ​ท่าน 40และ​เมื่อ​ผู้‍รับ‍ใช้​ของ​ดาวิด​มา​ถึง​อา‌บี‌กา‌ยิล​ที่​คาร‌เมล พวก‍เขา​พูด​กับ​นาง​ว่า “ดาวิด​ส่ง​พวก‍เรา​มา‍หา​ท่าน​เพื่อ​นำ​ท่าน​ไป​เป็น​ภรรยา” 41และ​นาง​ก็​ลุก‍ขึ้น​ซบ‍หน้า‍ลง​ถึง​ดิน​พูด​ว่า “ดู‍เถิด สาว‍ใช้​ของ​ท่าน​เป็น​ทาส​ที่​จะ​ล้าง‍เท้า​ให้​พวก​ผู้‍รับ‍ใช้​ของ​เจ้า‍นาย​ของ​ดิฉัน” 42อา‌บี‌กา‌ยิล​ก็​รีบ​ลุก‍ขึ้น​ขี่​ลา​ไป​พร้อม​กับ​สาว‍ใช้​ปรน‌นิ‌บัติ​นาง​อีก​ห้า​คน นาง​ตาม​พวก​ผู้‍สื่อ‍สาร​ของ​ดาวิด​ไป และ​เป็น​ภรรยา​ของ​ดาวิด 43ดาวิด​ยัง​ได้​รับ​นาง​อา‌หิ‌โน‌อัม ชาว​ยิส‌เร‌เอล​มา​ด้วย และ​ทั้ง‍สอง​ก็​เป็น​ภรรยา​ของ​ท่าน 44ซา‌อูล​ทรง​ยก​มี‌คาล​ราช‌ธิดา​ของ​พระ‍องค์ ผู้​เป็น​ภรรยา​ของ​ดาวิด ให้​แก่​ปัล‌ที​บุตร​ลา‌อิช​ชาว​กัล‌ลิม​แล้ว”

 สรุป

พระคัมภีร์ให้ความสำคัญกับการมีอัธยาศัยไมตรีต้อนรับแขกแปลกหน้า โดยถือว่า นั่นเป็นพื้นฐานวิถีของคริสตชนทุกคนพึงปฏิบัติตาม และเป็นคุณลักษณะที่จำเป็นของผู้นำคริสตจักร อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับวาระสุดท้ายของยุคนี้ที่กำลังใกล้จะมาถึง

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ clipartpanda.com)