แต่สาวกคนหนึ่งของพระองค์ ชื่อยูดาสอิสคาริโอท (คือคนที่จะอายัดพระองค์ไว้) พูดว่า “เหตุไฉนจึงไม่ขายน้ำมันนั้นเป็นเงินสักสามร้อยเดนาริอัน แล้วแจกให้แก่คนจน” (ยอห์น 12:4-5)
ช่วงเวลาที่ผมทำหน้าที่ศิษยาภิบาล มีหลายคนมาถาม “คุณสามารถเป็นคริสเตียน แล้วยัง ………. (เติมคำในช่องว่าง) ได้หรือเปล่า?” ผมไม่คิดว่าเรื่องที่พวกเขาถามจะสลักสำคัญอะไร ประเด็นสำคัญคือพวกเขาถามทำไม ปอกเปลือกคำถามให้ชัดๆคือ “ฉันจะล้ำเส้นไปได้ไกลแค่ไหน และยังได้ไปสวรรค์?”
ที่พวกเขาควรถามคือ “เพราะฉันได้รับความรอดที่แสนอัศจรรย์นี้แล้ว ฉันจะแสดงให้พระเจ้าเห็นได้อย่างไรว่าฉันรักพระองค์จริงๆ? และจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแผ่นดินของพระองค์?” นี่ควรจะเป็นคำถามที่เราถาม
แต่ยังมีหลายคนคิดว่าจะให้พระเจ้าน้อยที่สุดได้อย่างไรโดยไม่ผิด พวกเขาจะอ่านพระคัมภีร์ – ถ้าหาเวลาว่างได้ – คือหลังจากอ่านหนังสือพิมพ์ ดูทีวี เล่นโทรศัพท์มือถือ และท่องโลกออนไลน์แล้ว ค่อยเปิดพระคัมภีร์อ่าน (ถ้าเวลาเหลือ)
อธิษฐานสั้นๆก่อนอาหาร ถ้าไม่ลืม ร้องเพลงนมัสการเบาๆในโบสถ์ ถวายทรัพย์นิดหน่อย ถ้ามีเงินเหลือ
ผมขอเรียกการทำแบบนี้ว่าคิดอย่างยูดาส เมื่อมารีย์นำผอบน้ำหอมราคาแพงมาชโลมพระบาทพระเยซู เป็นเงินสะสมทั้งหมดที่เธอมี เป็นของขวัญราคาแพง ราคาท้องตลาดน่าจะอยู่ที่ 25,000 – 35,000 เหรียญ และยูดาสอิสคาริโอท ที่รู้ราคาสิ่งของเป็นอย่างดี กลับมองไม่เห็นคุณค่า กล่าวหาว่านางทำตัวฟุ่มเฟือยสูญเปล่า
แต่มารีย์ได้สำแดงให้เห็นถึงการยอมสละ เธอยอมเสี่ยง และพระเยซูทรงสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเธอ พระองค์ทรงมองว่าเป็นการจงรักภักดีที่น่าทึ่ง
ครั้งสุดท้ายเมื่อไรกันที่คุณเสียสละและแสดงความจงรักภักดีเพื่อแผ่นดินของพระเจ้า?
โดย: Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000,Riverside,CA92514
(Cr. ภาพ mudpreacher.com)