“จะเป็นคริสเตียนโดยไม่อธิษฐานนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ เหมือนกับการจะขอมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องหายใจ!”
(To be a Christian without prayer Is no more possible than to be Alive without breathing.) -Martin Luther-
คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยการหายใจ และการหายใจนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติของคนเรา เราแทบไม่ต้องสอนกันเลยว่า ต้องหายใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาเราก็หายใจได้ในทันที แต่ก็เป็นที่รู้กันแล้วว่า ในการหายใจนั้น เราสามารถเรียนรู้จักเทคนิคหลากหลายที่ก่อเกิดคุณประโยชน์อย่างมหาศาลต่อสุขภาพทางฝ่ายกายของเรา
ในด้านจิตวิญญาณก็เช่นกัน การอธิษฐานนั้นถือว่าเป็นธรรมชาติของชีวิตคริสเตียน ดุจเดียวกับที่การหายใจที่เป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกาย คริสเตียนจึงควรมีแนวทางหรือเทคนิควิธีในการอธิษฐานที่เหมาะสมกับคนแต่ละคน หรือกับกลุ่มแต่ละกลุ่ม
องค์พระเยซูคริสต์ทรงตระหนักความจริงในเรื่องนี้ จึงทรงสอนแนวทางอธิษฐานซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่ว ดังที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ ที่เราเรียกกันว่า “คำอธิษฐานของพระเยซู” (The Lord’s Prayer) ในมัทธิว 6:9-13 ที่พระเยซูตรัสว่า เพราะฉะนั้นพวกท่านจงอธิษฐานเช่นนี้ว่า…
‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้ และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์ และขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย”
และเราทุกคนที่เป็น คริสเตียนจึงควรตระหนักว่า เราสามารถอธิษฐานต่อพระเจ้าได้ใน
-ทุก ๆ เรื่อง ๆ
-ทุก ๆ ที่ และใน
-ทุก ๆ วันเวลา ฯลฯ
นั่นคือ คริสเตียนสามารถอธิษฐานได้ทั้งเป็นส่วนตัว เป็นกลุ่ม เป็นคริสตจักร หรือเป็นทั้งที่ประชุมใหญ่
เราสามารถอธิษฐานได้ทั้งในห้องลับชั้นในเป็นการส่วนตัว หรือในที่สาธารณะกลางแจ้ง
เราสามารถอธิษฐานแบบเงียบ ๆ หรือเบา ๆ ก็ได้ หรือ แม้จะเสียงดังสนั่นก็ได้ทั้งนั้น
เราสามารถอธิษฐานครั้งเดียวจบ หรือ อธิษฐานแบบต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงก็ได้
เราสามารถอธิษฐานเป็นภาษาไทย หรือเป็นภาษาไหน ๆ หรือ ภาษาอะไรก็ได้ แม้แต่ภาษาแปลก ๆ (ตามหลักของพระคัมภีร์)
เราสามารถอธิษฐานเวลาใดก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเช้า /สาย บ่าย เย็น หรือ ค่ำ
เราสามารถอธิษฐานด้วยภาษาชาวบ้านพื้น ๆ ธรรมดา หรือ จะอธิษฐานด้วยคำราชาศัพท์ และภาษาอันสละสลวยอย่างปราชญ์หรือกวีก็ได้ทั้งนั้น
เราสามารถอธิษฐานขอเพื่อตัวเอง หรือ เพื่อผู้อื่นหรือเพื่อส่วนรวมก็ได้
เราสามารถอธิษฐานในขณะที่ท้องอิ่ม หรือ ในขณะที่หิวโหยอาหารหรืออดอาหารอยู่ก็ได้
เราสามารถอธิษฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หรือ จะอธิษฐานสลับกับร้องเพลงหรือการเป็นพยานก็ได้
เราสามารถอธิษฐานด้วยจุดประสงค์ใดก็ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการอธิษฐานสารภาพบาป สรรเสริญพระเจ้า ทูลขอเพื่อตัวเองหรือเพื่อผู้อื่น หรือ อธิษฐานเพื่อขอบคุณพระเจ้า
ดังนั้น กล่าวโดยสรุปคือ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ตราบใดที่คุณยังมีชีวิต คุณต้องอธิษฐาน คุณจึงควรที่จะอธิษฐานให้เป็น และให้เป็นนิสัยอย่างเป็นธรรมชาติ
ขอให้นับจากนี้ไป คุณจะพิสูจน์ให้คนรอบข้างของคุณได้เห็นพลังแห่งการอธิษฐานด้วยความเชื่อของคุณ และพี่น้อง และผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจกระทำเช่นนั้น!
จะดีไหมครับ?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer
(Cr. ภาพ clipartion.com)